กรณีตำรวจ สภ.สวาย จ.สุรินทร์ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 76 ม.5 บ้านโคกตาเกิด ต.สวาย พบผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อนายนี ยั่งยื่น 60 ปี และนางเงิน สุรินทรสมบูรณ์ อายุ 60 ปี ได้ถูกนายตะ หลานชายของนายนี ใช้อาวุธมีดทำร้ายจนเสียชีวิต และตำรวจได้จับกุมตัวนายตะ นะรอบรัมย์ 51 ปี ผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีสติไม่สมประกอบ ส่วนปมการก่อเหตุเกิดนั้น นายตะคลั่งและฆ่าทั้ง 2 คนจนตาย
ล่าสุดวันที่ 17 ม.ค.64 พ.ต.ต.สุรัตน์ ศรีวงษ์สา สภ.สวาย ให้ข้อมูลว่า ได้แจ้งข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และ "พกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะ" กับนายตะ นะรอบรัมย์ และได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพตั้งเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งผู้ก่อเหตุรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
โดยนายตะอ้างว่าไม่เคยทะเลาะอะไรกัน แต่ตอนก่อเหตุก็ไม่รู้คิดอะไร ซึ่งแม้ว่าจะมีการกล่าวอ้างว่าผู้ก่อเหตุมีสติไม่สมประกอบ แต่ญาติก็ต้องนำหลักฐานการรักษาอาการป่วยทางจิตเวชมาแสดง หากไม่นำมาแสดงก็ต้องดำเนินการทางกฎหมาย
จากการสอบสวนพยานและนายตะ ได้ข้อมูลว่าเหตุเกิดเวลาประมาณ 18.00 น. โดยนายนี ผู้เสียชีวิต และนายตะ ผู้ก่อเหตุ เป็นน้าและหลาน อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน ด้านนางเงิน ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ได้ซื้อเหล้ามานั่งดื่มกับนายนีและนายตะที่บ้านหลังเกิดเหตุ หลังเมื่อเหล้าหมด นายตะก็ขอเงินจากนางเงินจะไปซื้อน้ำอัดลมและเหล้าเพิ่ม แต่นางเงินไม่ให้
ทั้งนี้นายตะจึงหยิบมีดพร้าที่อยู่ใกล้ ๆ จะฟันนางเงิน แต่นายนีเข้ามาขวาง นายตะจึงฟันเข้าไปที่คอของนายนี 3-4 ครั้ง และหันไปฟันนางเงินเข้าที่คอจนเสียชีวิต หลังจากนั้นก็เดินไปล้างมีดที่หลังบ้าน และเดินหลบหนีไป สุดท้ายตำรวจสามารถตามจับกุมไว้ได้
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบ้านเลขที่ 76 ม.5 บ้านโคกตาเกิด ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ พบว่าหน้าบ้านยังคงมีคราบเลือดที่ทางเข้าบ้าน ซึ่งวันนี้ทางญาติ ๆ ได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อรอศพของนายนี มาบำเพ็ญกุศล
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายแกม อยู่ยั่งยืน อายุ 71 ปี พี่ชายของผู้เสียชีวิต และเป็นลุงของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า นายนีเป็นคนไม่มีลูกเมีย ส่วนนายตะก็เป็นคนไม่มีลูกเมีย จึงได้มาอยู่อาศัยกับนายนี โดยทั้งคู่อยู่ด้วยกันมานับสิบปีแล้ว เพราะแม่ของนายตะไปอยู่ที่ จ.เชียงราย โดยนายตะประกอบอาชีพหาปูหาปลาไปขาย ส่วนนายนีก็มีอาชีพตัดอ้อย ซึ่งที่ผ่านมาทั้งคู่ก็มีปากเสียงทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่รุนแรงถึงขั้นฆ่าแกงกัน แต่ยอมรับว่านายตะ มีอาการทางจิตตั้งแต่ 7 ขวบ โดยมีอาการเหม่อลอย โมโหง่าย และเคยมีเรื่องทำร้ายชาวบ้านมาแล้ว ไปดักตีวัยรุ่นที่ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่าน แต่ก็ไม่มีใครถือสา เพราะเขาไม่เคยทำรุนแรงขนาดนี้ และทุกคนก็รู้ว่าเขาเป็นคนสติไม่ดี
สำหรับนายตะนั้น เป็นคนที่มีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย บางครั้งก็เป็นเหมือนคนปกติ ทำงานหาปูหาปลาไปขาย แต่บางครั้งก็เหมือนคนเหม่อลอย พูดคนเดียวในวันพระ แต่ไม่ได้เป็นแบบนี้แค่วันพระ จึงคิดว่าไม่เกี่ยวสิ่งลี้ลับ น่าจะเป็นอาการทางประสาทมากกว่า เคยพาไปรักษาแล้ว แต่ก็นานมากแล้ว และไม่มีหลักฐานการรักษา
อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้หลานชายของตนคลั่งเช่นนี้ แต่ทราบเรื่องราวว่าน่าจะขอเงินที่ขายปูขายปลา แต่นางเงินไม่ให้ จึงลงมือก่อเหตุ ซึ่งตนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะต้องสูญเสียน้องชายที่รักโดยหลานเป็นคนก่อเหตุ ซึ่งตอนนี้ก็ทำใจไม่ได้ และคงจะไม่ประกันตัวหลานชาย ปล่อยไปตามกรรม
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสายยวน จันทนุภา อายุ 52 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เหตุเกิดเวลาประมาณ 16.00 น. ตนได้ยินเหมือนเสียงคนทะเลาะกันเสียงดัง จึงได้ตามญาติของนายนี ให้ไปดูที่บ้าน ซึ่งเมื่อญาติไปถึงก็พบว่านายนี และนางเงิน นอนเสียชีวิตอยู่แล้ว โดยนายตะยืนถือมีดอยู่ ซึ่งหลังจากนั้นทางญาติ ๆ ก็ได้รีบโทรแจ้งตำรวจ ส่วนนายตะก็หลบหนีไป ตนก็ไม่รู้สาเหตุที่ทำให้นายตะคลั่งแบบนี้ เพราะนายตะก็ไม่เคยมีปัญหากับนายนี ผู้เป็นน้าชาย อยู่บ้านเดียวกันก็จะต่างคนต่างอยู่
นางสายยวน กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้นายตะก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร เป็นคนทำมาหากิน มีอาชีพหาปูหาปลาขาย ซึ่งเมื่อก่อเหตุแบบนี้แล้วตนก็รู้สึกกลัวมาก ๆ ไม่อยากให้กลับมาอยู่ในหมู่บ้านอีก เพราะกลัวอาการจะกำเริบและทำร้ายคนอื่นอีกหรือไม่
ทีมข่าวลงพื้นที่วัดนาเกา ต.แกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนางเงิน สุลินทราบูรณ์ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางนิด สุรินทราบูรณ์ อายุ 50 ปี ลูกสาวของนางเงิน เปิดเผยว่า บ้านของตนอยู่ติดกับบ้านของนายนี ซึ่งนางเงิน แม่ของตนก็มักจะเดินไปบ้านนายนีเป็นประจำ เพราะเดินไปพูดคุยกันตามประสาคนแก่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหากับนายตะ เพราะนายตะก็มักจะขายปูขายปลาที่หาได้ให้กับแม่ของตน แต่ช่วงที่เกิดเหตุนั้นตนไม่รู้จริง ๆ ว่า ในใจของนายตะคิดอะไรจึงลงมือฆ่าแม่ของตน
นางนิด กล่าวต่อว่า นายตะนั้นมีอาการทางประสาท เมื่อถึงวันพระเขามักจะมีอาการโวยวาย พูดคนเดียว เหม่อลอย คลั่งอยู่ในบ้านของเขา ซึ่งตนก็เคยได้ยินเสียงเขาโวยวาย แต่เขาก็อยู่ในบ้าน ไม่เคยออกมาทำร้ายคนอื่นแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกโกรธแค้นนายตะมากที่มาฆ่าแม่ของตน ซึ่งตนจะดำเนินคดีกับนายตะให้ถึงที่สุด เพราะแม่ของตนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ต้องถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
