จากกรณีผู้เสียหายชาวบ้านโนนหว่านไพล จ.ชัยภูมิ พร้อมญาติได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองชัยภูมิ อ้างว่าถูกกลุ่มแก๊งปล่อยเงินกู้รายวัน ซึ่งมีนายจ็อบ พร้อมลูกน้องประมาณ 20 คน เข้ามาทวงถามเงินดอกเบี้ยรายวัน ก่อนจะมีปากเสียงกับครอบครัวของผู้เสียหาย พร้อมเรียกลูกน้องเข้ามาทุบทำลายข้าวของจนพังเสียหาย ก่อนจะขับหนีไป
วันที่ 9 ม.ค. 64 น.ส.ธัญญาพร ลูกหนี้ ผู้เสยหาย อ้างว่าถูกกลุ่มปล่อยเงินกู้รายวัน มีนายจ็อบ พร้อมลูกน้องประมาณ 20 คน นั่งมาในรถยนต์กระบะ 2 คัน จากนั้นนายจ็อบได้เดินลงจากรถพร้อมทวงถามเงินดอกเบี้ยรายวันกับนายณัฐวัฒน์ ซึ่งเป็นสามีของตน ที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ภายในบ้าน
ขณะนั้นสามีตนได้แสดงอาการตกใจ และไม่เข้าใจที่นายจ็อบมาทวงถามเงินดอกเบี้ยรายวัน และปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงิน ทำให้ฝ่ายเจ้าหนี้ไม่พอใจ จึงเกิดมีปากเสียงกันขึ้น พร้อมกับมีการก่อเหตุลงไม้ลงมือกันขึ้น ฝ่ายของนายจ็อบที่เป็นเจ้าหนี้สู้กับสามีตน ฝ่ายนายจ็อบสู้ไม่ได้จึงเดินกลับมาขึ้นรถยนต์ส่วนตัว พร้อมโทรศัพท์เรืยกลูกน้อง แล้วกรูกันเข้ามาในร้านพร้อมใช้อาวุธซึ่งเป็นท่อนเหล็ก และท่อนไม้ทุบทำลายข้าวของเสียหายจำนวนมาก จากนั้นได้แยกย้ายกลับมาขึ้นรถกระบะขับหนีไป
นางสาวธัญญาพร ยอมรับว่า ตนเป็นคนติดต่อขอกู้เงินรายวันจากนายจ็อบจริง เนื่องจากตนและสามีเปิดร้านรับเหมาทำประตูสแตนเลส และอยู่ในภาวะที่ขาดสภาพคล่องในการทำธุรกิจ จึงตัดสินใจไปกู้เงินมาจำนวน 30,000 บาท โดยได้รับเงิน 25,000 บาท เนื่องจากเจ้าหนี้ได้หักไว้จำนวน 5,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการด้านเอกสาร และตนจะต้องจ่ายดอกเบี้ย 1,500 บาทต่อวัน จนครบ 24 วัน โดยที่สามีไม่ทราบว่าตนเองไปกู้เงินรายวันมา
ซึ่งในวันที่เกิดเหตุตนได้โทรศัพท์ไปขอผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย จาก 1,500 บาท เป็น 500 บาท เพราะมีลูกค้าหลายรายยกเลิกงาน และเก็บเงินไม่ได้อีกหลายราย ซึ่งนายจ็อบก็ยินดีให้ตนผ่อนผันตามที่ตกลงกัน แต่พอตกช่วงเย็นของวันเกิดเหตุ นายจ็อบกลับไม่ทำตามคำพูดที่ได้ตกลงกัน บุกรุกเข้ามาในบ้านตน ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทั้งข้อหาบุกรุกเคหสะถานในยามวิกาล และข้อหาทำร้ายร่างกาย
ณัฐวัฒน์ สามีของลูกหนี้ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันที่ 6 ม.ค. 64 เวลา 19.00 น. ตนกับภรรยารวมถึงครอบครัวของตน มีผู้ใหญ่ 4 คนนั่งกินข้าวอยู่หน้าบ้าน ส่วนลูกของตน 4 คน นั่งเล่นอยู่ในบ้าน มีลูกชายอายุ 13 ปี ลูกสาวอายุ 10 ปี ลูกชายอายุ 5 ปี ลูกสาว 2 ปี
ขณะนั้นเจ้าหนี้ได้บุกเข้ามาที่บ้านของตน และตะโกนโวยวาย กล่าวหาว่าทำไมไม่ยอมจ่ายหนี้ ตนจึงพยายามเจรจาไกล่เกลี่ยว่าให้คุยกันดี ๆ ถ้าไม่พร้อมคุยก็กลับไปก่อน และยืนยันว่าไม่เคยทราบเรื่องหนี้มาก่อน ทำให้เจ้าหนี้ไม่พอใจทำร้ายร่างกายครอบครัวตน จากนั้น เวลาผ่านไปสักพักมีรถกระบะ 2 คันมาจอดที่หน้าบ้าน และมีชายฉกรรจ์ประมาณ 20 คนบุกเข้าบ้าน แล้วทำลายข้าวของภายในบ้าน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนต้องการให้ชดใช้ค่าเสียหายที่ทำลายข้าวของในบ้าน และอยากให้เจรจาเรื่องหนี้ ไม่อยากจะให้มาทวงหนี้แบบนี้อีก โดยสภาพจิตใจของครอบครัวย่ำแย่มาก ทุกคนไม่กล้าอยู่บ้าน และต้องไปอยู่ที่อื่นแทน
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านโนนหว่านไพล ต.ชีลอง อ.เมือง จ.หวัดชัยภูมิ ลักษณะเป็นห้องแถว บริเวณปากทางบ้านโนนหว่านไพลติดกับโชว์รูมรถ หน้าบ้านของเจ้าหนี้มีรถกระบะคันสีขาวจอดอยู่ สภาพรถมีรอยขีดข่วน มือจับเปิดประตูรถฝั่งคนขับชำรุด
นายจ็อบ อายุ 36 ปี เจ้าหนี้ เปิดเผยว่า วันที่ 6 ม.ค. 64 ตนกับรุ่นน้องเข้าไปทวงเงินจากลูกหนี้ตามปกติ เข้าไปแค่ 2 คน แต่ครอบครัวของลูกหนี้นั่งดื่มเหล้ากันอยู่หน้าบ้าน ก่อนจะมีปากเสียงกัน ระหว่างที่ตนกำลังพูดคุยกับนางสาวธัญญพร ได้มีคนนำของแข็ง คาดว่าเป็นท่อนเหล็ก ตีเข้าที่ศีรษะของตน แต่รุ่นน้องที่มาด้วยกันเอาแขนข้างซ้ายเข้ามากันไว้ทำให้แขนของรุ่นน้องหัก รุ่นน้องจึงวิ่งหนีไป ส่วนตนสลบอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อตนมีสติตนก็วิ่งขึ้นรถและหนีออกมา แต่ขณะที่หนีครอบครัวของลูกหนี้ได้ใช้ของแข็งตีเข้าที่ตัวรถ ทำให้รถของตนได้รับความเสียหาย
เบื้องต้น ตนได้รับบาดเจ็บ รู้สึกปวดศีรษะ พรุ่งนี้ไปเอ็กซเรย์อีกครั้ง และใบหูข้างขวาฉีกเย็บทั้งหมด 3 เข็ม ส่วนรุ่นน้องอีกคน แขนข้างขวาหัก ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 20 คนเข้าถล่มบ้าน ตนไม่ทราบเรื่อง เพราะตนออกมาตั้งแต่ถูกตีหัวจนสลบ แต่รุ่นน้องของตนได้โทรตามคนไปช่วย ซึ่งมีรุ่นน้องผู้ชาย 2 คน กับผู้หญิง 1 คนเข้าไปในที่เกิดเหตุ ซึ่งตนไม่ทราบว่าไปทำอะไรกัน แต่รถของรุ่นน้องถูกยิงสวนมา ส่วนรุ่นน้องได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนถาก
ทั้งนี้ ตนได้แจ้งความดำเนินคดีความและให้ทนายความดำเนินเรื่องแล้ว เพราะตนต้องการให้ชดใช้ที่ทำให้รถของตนพังเสียหาย ส่วนเรื่องหนี้ ก็ต้องเป็นไปตามที่ตกลงไว้ ซึ่งตนยังไม่ได้สรุปจำนวนเงิน แต่น่าจะเหลือประมาณ 20,000 บาท ก่อนหน้านี้ตนได้เข้าไปทวงหนี้เป็นประจำ และลูกหนี้ก็จ่ายหนี้ให้ตลอด
