เมื่อวันที่ 8 ม.ค.64 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ประกาศว่า คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ พบพนักงานขายร้าน Jurlique (เจอร์ลีค) ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา จึงมีความจำเป็นต้องประกาศปิด คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ โดยจะมีการปิดห้าง ระหว่างวันที่ 8-10 ม.ค.64 เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. โดยจะไม่มีพนักงาน หรือลูกค้าสามารถเข้าไปใช้บริการยังห้างฯ ดังกล่าวได้
จากบรรยากาศโดยรอบ จะเห็นได้ว่าข้างทางของห้างฯ นั้น ยังคงมีรถขับผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอด เป็นถนน 2 เลน และยังคงมีพนักงานบริษัทอื่น ๆ ทยอยเลิกงาน และเดินแวะเวียนซื้อของอยู่บริเวณฟุตพาทใกล้เคียงห้างฯ คิงเพาเวอร์สาขารางน้ำ อีกทั้งผู้คนส่วนใหญ่ตระหนักถึงโรคระบาดของโควิด-19 จะเห็นได้ว่ามีการสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ตรวจสอบ บริษัท คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พบกับนายสมาน มุขขันธ์ อายุ 56 ปี พ่อค้าใกล้คิง เพาเวอร์ ได้บอกว่า เดิมได้ค้าขายปลาหมึกย่างอยู่ข้างกับบริษัท คิง เพาเวอร์ หลังจากทราบข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 รู้สึกกังวล ที่จะติดโรค และกังวลเรื่องการขาดรายได้ เดิมเคยขายได้วันละ 700 บาท
แต่หลังจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด ทำให้รายได้ลดลงเหลือวันละ 300 บาท แต่ตนก็จำเป็นต้องค้าขายต่อไป ถึงแม้จะทราบว่ามีคนติดโควิด-19 และต้องป้องกันตัวเองอยู่เสมอ ทั้งเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
น.ส.น้ำฝน อุทิตสาร อายุ 30 ปี พนักงานโรงแรม บอกว่า รู้สึกกังวลเมื่อทราบข่าวว่ามีคนติดโรคโควิด-19 ที่คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ เนื่องจากเมื่อก่อนเคยเข้ามาซื้อของ อีกทั้งยังทำงานใกล้เคียงกับคิง เพาเวอร์ มานานกว่า 4 ปี แล้ว กังวลเรื่องของรายได้ เนื่องจากตนทำงานเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว
เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง คนไทยเที่ยวลดลง สูญเสียรายได้ไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังคงต้องมาทำงานอยู่เช่นเดิม ซึ่งเราทุกคนก็ต้องดูแลตัวเองอยู่เสมอ เพื่อป้องกันตัวเอง สวมใส่หน้ากากอนามัย และหมั่นใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ
