"ษิทรา" มีหลักฐานเด็ดคลิปเสียง ชี้คนผิดไม่รอดแน่ - "วรยุทธ" เย้ย ทนายนับสิบแห่ช่วยครูพรึ่บ (คลิป)

2 พ.ค. 61
ความคืบหน้ากรณีหวย 30 ล้านบาท ระหว่างครูปรีชา ใคร่ครวญ และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล วันนี้ (1 พ.ค. 61) ศาลจังหวัดกาญจนบุรีมีนัดพิจารณาคดีแพ่ง ที่ครูปรีชายื่นฟ้องแพ่ง ร.ต.ท.จรูญ ในข้อหายักยอกทรัพย์ และรับของโจรโดยศาลได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีดังกล่าว เพื่อรอฟังผลพิจารณาในคดีอาญาก่อน โดยนัดให้มารายงานความคืบหน้าคดีอาญา ในวันที่ 12 กันยายน 2561 ซึ่งในคดีอาญานั้น ศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 4 มิถุนายน 2561 ขณะเดียวกันครูปรีชาได้เปิดเผยด้วยว่า วันนี้ได้มีการแจ้งความเพิ่มเติม ร.ต.ท.จรูญ ฐานฟ้องเท็จ ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น (อ่าน: “ปรีชา” ไม่กังวลศาลจำหน่ายคดีแพ่ง ฟ้องเพิ่ม “จรูญ” – “ษิทรา” ท้าครู สู้ให้ชนะสักคดี)
นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายครูปรีชา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
วันนี้ (1 พ.ค.) นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายครูปรีชา เปิดเผยว่า ตนดูแลในส่วนของคดีอาญาให้กับครูปรีชา และส่วนตัวมองว่าคดีนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเป็นเพียงคดีเล็กๆ ถ้าไม่มองเรื่องทุนทรัพย์ 30 ล้านบาท ก็แค่คดียักยอกทรัพย์ รับของโจร พร้อมย้ำว่าข้อเท็จจริงมีเพียง 1 เดียว ถ้าครูจริง ลุงก็เท็จเพียงเท่านั้น ทนายวรยุทธยังบอกด้วยว่า ตนรอไม่ไหวอยากขึ้นศาลเร็วๆ และไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลหรือเกิดความกลัวก่อนขึ้นศาล และก่อนขึ้นศาลก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเพราะจะนำเรื่องจริงไปพูดทั้งหมด ทนายวรยุทธยังฝากถึงทนายษิทราว่า เอาไว้เจอกันวันที่ 4 พ.ค.นี้ ขอให้ทนายษิทราขึ้นศาลด้วยตัวเอง อย่าส่งคนอื่นมาเป็นตัวแทนก็แล้วกัน อย่างไรก็ตามทนายวรยุทธ บอกทีมข่าวว่าตนเองมีความมั่นใจร้อยเปอร์เซนต์ว่า ในวันที่ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง จะทำให้ศาลเชื่อว่าคดีมีมูลได้โดยที่ทนายษิทราจะคาดไม่ถึง ส่วนเรื่องฟ้องทนายษิทรากับลุงจรูญว่าฟ้องเท็จ มีทนายเป็นตัวแทนครูไปฟ้องแทนตนเองไม่ได้ไปฟ้อง เพราะติดว่าความที่ต่างจังหวัดจึงเซ็นใบแต่งตั้งให้ทนายคนอื่นไปแทน และไม่ได้กลัวว่าจะต้องไปเจอทนายษิทราที่ศาลอย่างที่มีบางคนพูดถึง และขอบอกว่าทนาย    ษิทราอย่าเข้าใจผิดว่าตนกลัว ที่ไม่ไปฟ้องเองเพราะติดว่าความ นอกจากนี้ทนายวรยุทธยังเปิดเผยอีกว่า ไม่ใช่มีแค่ตนที่สนใจคดีนี้ ยังมีทนายอีกหลายสิบคนติดต่อเข้ามาเพราะอยากจะเข้ามาช่วยทำคดีให้ครูปรีชา เพราะเป็นคดีที่มีคนสนใจระดับประเทศ
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความลุงจรูญ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ในฐานะทนายความลุงจรูญ เปิดเผยว่า กรณีที่ฝ่ายตนถูกอีกฝ่ายกล่าวหาว่าตนร่างฟ้องเท็จนั้น คนที่ลงชื่ออยู่ในคำฟ้องกลับไม่ใช่คนที่ให้ข่าวว่าจะฟ้องตน กลายเป็นชื่ออีกคนซึ่งเป็นทนายใหม่ ตนไม่รู้ว่าบุคคลนั้นกลัวอะไรหรือเปล่า จึงไม่ลงชื่อตัวเองว่าเป็นคนร่างฟ้อง ตนรู้สึกเสียดายจริงๆ เพราะบุคคลดังกล่าวออกมาพูดป่าวประกาศว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ เขาคงคิดว่าทางเขาร่างฟ้องเอาตัวทนายมาเป็นจำเลยนั้นเป็นเพียงคนเดียวหรือไม่อย่างไร จึงต้องหลบอยู่หลังเด็กเพราะเรื่องแบบนี้ใครก็ทำได้ แต่ตนไม่เอาเรื่องไร้สาระแบบนี้มาทำ เนื่องจากทนายความไม่สมควรจะมาเป็นคู่ความด้วย เพราะทนายความก็ว่าความไปตามตัวความ แต่กลับถูกดำเนินคดีว่าไปร่วมกันร่างฟ้องเท็จ หากทนายความร่วมกันสร้างพยานหลักฐานเท็จแบบนั้นน่าจะโดนคดีมากกว่า ตนจึงมองว่าคดีนี้เหมือนตนถูกกลั่นแกล้ง
นายษิทรา พูดคุยให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ตามวันนี้ ตนได้ไปขอคัดคลิปเสียงที่ ปอท. ส่งมาที่ศาล แต่ยังไม่ทราบว่ามีทั้งหมดกี่คลิปเสียง และมีใครคุยอะไรกับใครบ้าง โดยคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ฝ่ายโจทก์ร้องขอ ปอท. จึงส่งมายังที่ศาล ส่วนตัวคาดว่าในคลิปเสียงที่มีกว่าพันคลิปนั้น น่าจะมีเสียงการสนทนาช่วงระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม และ วันที่ 1-2 พฤศจิกายน ซึ่งตนอยากจะได้หลักฐานส่วนนี้มานานแล้ว จึงต้องขอขอบคุณทางฝ่ายโจทก์ที่อุตส่าห์ขอคัดสำนวนไว้แต่กลับยังไม่มาเอา ทั้งนี้ ตนก็ไม่ทราบว่าคลิปดังกล่าวจะมีน้ำหนักมากพอหรือไม่ แต่คนที่พูดในคลิปเสียงได้ลงชื่อยินยอมให้มีการคัดคลิป รวมถึงลงชื่อรับว่าเป็นเสียงของตัวเอง ตนก็มองว่าน่าจะมีน้ำหนักมากพอให้ศาลได้วินิจฉัย
ทนายษิทรา อ้างว่ามีคลิปเสียงสำคัญอยู่ในแผ่นซีดี ที่จะนำไปเสนอต่อศาล
อย่างไรก็ตาม ตนคาดว่าศาลจะต้องนำไปฟังและพิจารณาทุกคลิป ส่วนตัวคาดว่าน่าจะมีคลิปที่จำเป็นต่อคดีกว่า 10 คลิป และแม้ว่าที่ผ่านมาครูปรีชายังไม่ยอมรับว่าคลิปเสียงที่หลุดออกมาเป็นเสียงของตัวเอง ตนก็จะรอหลักฐานในสำนวนว่าใครไปเซ็นอะไรไว้บ้าง ถ้าเป็นเสียงของใครจริงก็คงหนีไม่พ้น ต่อให้จะดึงเวลาอย่างไรก็ไม่รอดอยู่ดี ทั้งนี้ ในชั้นศาลเขาก็มีโอกาสที่จะปฏิเสธว่าไม่ใช่เสียงของตัวเอง รวมถึงสู้คดีต่อ แต่คดีที่ตนฟ้องอีกฝ่ายยังไม่ถึงวันนัด เพราะฉะนั้นจึงต้องพิจารณาคดีที่อีกฝ่ายดำเนินคดีกับฝ่ายตนก่อน คือวันที่ 4 มิ.ย.นี้ สำหรับกรณี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่อีกฝ่ายอ้างว่าจะดำเนินการเช่นเดียวกันนั้น ตนคิดว่าต้องลองดูกันว่าผิดอะไร แล้วใครเป็นคนที่ผิดกันแน่ เอาชนะตนให้ได้สักคดีก็แล้วกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ