กรณีผู้ปกครอง เข้าแจ้งความ ด.ญ.ตังเม อายุ 8 ปี และ ด.ช.อ้วน อายุ 7 ปี หายตัวไปจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุช เมื่อวันที่ 2 ม.ค.64 ที่ผ่านมา กระทั่งวันที่ 3 ม.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวเด็กทั้ง 2 คนที่สนามหลวง และจับกุมนายชัยโย อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาที่ลักพาตัวเด็กไป
ล่าสุดวันที่ 4 ม.ค.64 ในเวลา 10.00 น. ที่ รพ.ตำรวจ นายวิโรจน์ วงศ์อำมาตย์ อายุ 42 ปี พ่อเลี้ยงน้องอ้วน และเป็นลุงของน้องตังเม นำตัวเด็กทั้ง 2 คนมาตรวจร่างกาย เพื่อดูร่องรอยว่ามีการทำร้ายร่างกายหรือไม่
นายวิโรจน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ม.ค.64 ช่วงค่ำแม่ของตนออกจากบ้านย่านอ่อนนุช 35 เพื่อมาขายพวงมาลัยที่บีทีเอสอ่อนนุช โดยได้พาน้องอ้วน น้องตังเม และลูกคนเล็กวัย 1 ขวบ 8 เดือนมาด้วย ซึ่งน้องอ้วนกับน้องตังเม จะชอบวิ่งเล่นบริเวณบีทีเอส และห้างสรรพสินค้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม กระทั่งเที่ยงคืนแม่ตนหาหลาน 2 คนไม่เจอ คิดว่าน่าจะกลับบ้านแล้ว จึงเดินทางกลับบ้านมา พบว่าน้องตังเม และน้องอ้วนยังไม่กลับบ้าน ตนพยายามสอบถาม แม่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทั้งนี้ตนจึงขับรถจักรยานยนต์ออกไปตามหา และขอดูกล้องวงจรปิดที่ห้างฯ ย่านอ่อนนุช พบว่าวันที่ 1 ม.ค.64 ช่วงเที่ยงคืนต่อวันที่ 2 ม.ค.64 มีชายต้องสงสัยพาลูกเลี้ยงกับหลานตนไปที่ห้างฯ ดังกล่าว แต่เป็นวันก่อนที่ทั้ง 2 คนจะหายตัวไป ตนจึงเริ่มโพสต์ลงเฟซบุ๊ก เพราะคิดว่าชายรายดังกล่าวน่าจะเข้ามาตีสนิท ก่อนลักพาตัวลูกเลี้ยงกับหลานตนไป
หลังจากนั้นเริ่มมีเบาะแสเข้ามา ตนจึงเข้าแจ้งความวานนี้ (3 ม.ค.64) ช่วงบ่าย ก่อนเข้าไปดูกล้องที่ห้างฯ พบว่า ชายรายนี้เดินเข้าไปในห้างฯ ตั้งแต่เวลา 20.00 น. ก่อนเดินออกมาหน้าห้างฯ เวลา 21.00 น. เจอกับน้องอ้วนและน้องตังเม และได้วิ่งเล่นกันจนหายไปจากกล้อง คิดว่าน่าจะเป็นเวลาที่ลูกเลี้ยงกับหลานตนหายไป จากนั้นเวลา 21.10 น. ได้ภาพมาจากห้างฯ อีกแห่งว่าเด็ก 2 คนเดินตามหลังชายต้องสงสัยไป
เมื่อดูกล้องจนมั่นใจ จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ระหว่างนั้นมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแส ว่าเจอเด็กที่จรัญสนิทวงศ์ ซอย 34 ช่วงเวลา 23.00 น. วานนี้ (3 ม.ค.64) เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่เดินทางไปจรัญสนิทวงศ์ ระหว่างนั้นมีเบาะแสว่า เด็กมาอยู่ที่สนามหลวงแล้ว ตนกับเจ้าหน้าที่จึงมุ่งไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดสามารถได้เจอเด็กพร้อมเข้าจับกุม ชายต้องสงสัยไว้ได้ที่บริเวณศาลฎีกา กรุงเทพฯ ซึ่งตนไม่ได้เจอผู้ต้องหา เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจกันตัวออกไปก่อน จึงไม่ทราบสาเหตุที่ลักเด็ก แต่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะจับลูกกับหลานตนไปเพื่อทำร้ายร่างกาย ตัดแขนขา เพื่อนำไปขอทาน หรืออาจจะล่วงละเมิดทางเพศ
ทั้งนี้ลูกเลี้ยงกับหลานตนไม่ได้เล่าให้ฟังว่า ผู้ต้องหาบังคับอะไรบ้าง แต่ทราบว่าอีกฝ่ายเอาของมาล่อ หลอกว่าจะซื้อสกู๊ตเตอร์ให้ ลูกเลี้ยงตนจึงยอมตามไป ส่วนหลานสาวห้ามน้องไม่ได้ก็ต้องตามไปด้วย โดยอาการของลูกกับหลานอิดโรยมาก เพราะไม่ได้กินข้าวตั้งแต่หายไป ผู้ต้องหาพาตระเวนขี่รถจักรยานยนต์ไปเรื่อย ๆ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับตนมาก คิดว่าต้องดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด
พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.พระโขนง ระบุว่า แจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ แก่นายชัยโย ผู้ต้องหา โดยจากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การว่า เข้าไปคุยกับเด็ก ทราบว่าอยากได้สกู๊ตเตอร์ เลยบอกว่าจะซื้อให้ก่อนพาขี่รถจักรยานยนต์วนไปเรื่อย ๆ คืนแรกนอนใต้บีเอสอโศก ตื่นมาขี่รถวนมาที่พระราม 9 ถึงเย็น ไปโผล่จรัญสนิทวงศ์ มีชาวบ้านเอาข้าวมาให้กิน เพราะมีเงินติดตัวในกระเป๋าเพียง 6 บาท
จากนั้นขับรถต่อไปที่สนามหลวง แล้วน้ำมันหมด จึงจอดรถไว้ ก่อนพากันเดิน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัว ทั้งนี้ผู้ต้องหาไม่ได้แจ้งว่าจะนำตัวเด็กไปทำอะไร แต่อ้างว่าไม่ได้ทำร้ายเด็กแต่อย่างใด จากการสอบประวัติ พบผู้ต้องหาเคยติดคุกคดียาเสพติด และลักทรัพย์
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางบังอร วงศ์อำมาตย์ อายุ 75 ปี ยายของน้องตังเม และเป็นย่าของน้องอ้วน กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุวันที่ 2 ม.ค.64 เวลาประมาณ 20.00 น. ตนพาหลาน ๆ และหลานชายคนเล็กวัย 1 ขวบ 8 เดือน ไปขายดอกไม้ที่บริเวณข้างร้านสะดวกซื้อ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช เมื่อไปถึงน้องตังเมกับน้องอ้วน ขอไปวิ่งเล่นที่ห้างฯ ละแวกใกล้เคียง โดยระบุว่าจะกลับมาช่วงห้างฯ ปิด ตนจึงปล่อยไป จนกระทั่งเวลา 22.00 น. หลานทั้ง 2 คนยังไม่กลับมา ตนจึงเดินวนไปหา ก็ยังไม่พบ จึงนั่งรอจนเวลาเที่ยงคืนยังไม่พบหลาน จึงขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน
เมื่อมาถึงก็บอกลูกชาย โดยลูกขี่รถจักรยานยนต์ออกตามหาก็ไม่พบ แต่ได้เบาะแสเพิ่มเติมมาว่า น่าจะมีชายเร่ร่อนนำตัวหลานตนไป กระทั่งวานนี้ (3 ม.ค.64) ทราบข่าวว่าเจอหลานทั้ง 2 คนแล้วตนดีใจมาก หลานทั้ง 2 คนเมื่อมาถึงบ้านก็มีอาการสั่นด้วยความกลัว และร้องไห้ ตนจึงเข้ากอดเพื่อปลอบขวัญ
สอบถามหลานทั้ง 2 คนยังไม่บอกรายละเอียดว่า ไปที่ไหนมาบ้าง โดยตนไม่รู้จักกับคนที่ลักพาตัวหลานไป คาดว่าอีกฝ่ายน่าจะพาหลานตนไปบังคับหาเงิน โดยผู้ก่อเหตุน่าจะจับจ้องหลานตนมานานแล้ว และน่าจะดูลาดเลาก่อนก่อเหตุ เชื่อว่าอาจจะไม่ได้ทำเพียงลำพัง ทั้งนี้รู้สึกเป็นห่วงหลานทั้ง 2 คนมาก หลังจากนี้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนางชนากาญ ทองพราย อายุ 71 ปี แม่บุญธรรมนายชัยโย เจริญวัย ผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนเลี้ยงดูนายชัยโยมาตั้งแต่อายุ 2 เดือน เพราะถูกแม่ทิ้งเอาไว้ ซึ่งลูกชายมีอาการพิการทางสติปัญญา มีความคิดเป็นเด็ก ที่ผ่านมาพยายามส่งให้เรียนหนังสือก็ไม่สามารถเรียนได้ เพราะเกเร ก้าวร้าว เคยก่อเหตุแกล้งคนอื่นเป็นประจำ ทั้งเอาน้ำมันเครื่องไปราดรถจักรยานยนต์คนอื่น และเคยเอาแอลกอฮอล์มาราดหัวเตียงของตน ซึ่งตนพยายามเตือน แต่อีกฝ่ายไม่เชื่อฟัง ถ้าพูดมาก ๆ ก็จะหนีออกจากบ้าน
โดยวันนี้ตนมาเยี่ยมลูกชายที่ สน.พระโขนง สอบถามลูกอ้างว่า ตั้งใจพาเด็กไปเที่ยว เพราะเด็กทั้ง 2 คนมาขอร้อง ลูกชายจึงพานั่งรถเมล์สาย 2 จากพระโขนงไปวัดพระแก้ว และแวะซื้อขนมที่แถวท่าช้าง ซึ่งตนเชื่อว่าลูกชายไม่น่าจะหลอกเด็ก แต่น่าจะอยากพาเด็กไปเที่ยวเท่านั้น
โดยวันที่ 29 ธ.ค.63 ลูกชายโทรศัพท์มาขอเงินตนโอนไปให้ 500 บาท จากนั้น 31 ธ.ค.63 ได้โอนเงินไปให้ 100 บาท และวันที่ 1 ม.ค.64 ยังโอนเงินให้อีก 100 บาท ซึ่งลูกชายมีเงินคิดว่าไม่น่าจะพาเด็กไปทำร้าย หรือขอทาน แต่ยอมรับว่าลูกชายมีนิสัยชอบขอทาน ทั้งที่ตนให้เงินใช้จ่ายเป็นประจำ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจ
ทั้งนี้ลูกชายยังอ้างว่า ก่อนถูกจับกุมได้พาเด็กไปนอนที่สนามหลวง เพราะจะไปรอขึ้นรถเมล์สาย 2 ที่เริ่มวิ่งในเวลาประมาณ 05.00 น. จึงต้องไปนอนรอก่อนนำกลับมาส่ง โดยลูกชายบอกว่าเลี้ยงดูเด็กอย่างดี ซื้อข้าวซื้อขนมให้กิน ไม่ได้ปล่อยให้อดยากตามที่มีข่าว ส่วนที่มีข่าวว่าลูกชายขี่รถจักรยานยนต์พาเด็กออกไปนั้น ตนไม่ทราบ เพราะลูกบอกว่าไม่มีรถ แต่หากมีจริงก็น่าจะเป็นรถเพื่อนที่ให้ยืมมา จึงอยากให้ลูกชายมีงานทำ เพราะหากมีงานทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ส่วนวันนี้ตนไม่ได้ประกันตัวลูก เพราะไม่มีเงิน
