กรณี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันวันที่ 1 ม.ค.64่ ว่ามีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการแพทย์ และสาธารณสุขกรณีโรคโควิด-19 (ศปค.สธ.) มีมาตรการเข้มในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรสาคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ชลบุรี และระยอง ขอให้มีการปิดสถานบันเทิง ร้านอาหาร ขอให้ซื้ออาหารและนำกลับไปรับประทานที่บ้าน เนื่องมีการพบปะกัน ละอองฝอยน้ำลายทำให้ติดเชื้อได้ จึงลดการพบปะกันให้มากที่สุด
รายละเอียดผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย มีดังต่อไปนี้ รายที่ 62 ชายไทย อายุ 44 ปี กทม.
วันที่ 20 ธ.ค.63 ประวัติเดินทางไปร้านอาหารกึ่งบาร์
วันที่ 26-27 ธ.ค.63 มีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก
วันที่ 28 ธ.ค.63 ไข้ เหนื่อยหอบ
วันที่ 30 ธ.ค.63 รู้สึกเหนื่อยมากขึ้น ไปตรวจที่ ARL clinic รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ มีอาการหายใจเหนื่อย ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดลดลงเหลือ 80 ส่งต่อ ICU เพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ ทราบผลตรวจพบติดชื้อโควิด-19 เวลา 22.00 น.
วันที่ 31 ธ.ค.63 ผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้น ระบบหายใจล้มเหลว ส่งตัวไปรักษาต่อ รพ.จุฬาลงกรณ์ เสียชีวิตเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์
ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ประกอบด้วย คนในครอบครัว 7 คน บุคลากรใน รพ. 6 คน
ส่วนรายที่ 63 ชายไทย อายุ 70 ปี อ.แม่สอด จ.ตาก (มีโรคประจำตัว คือ โรคหลอดเลือดสมอง นอนติดเตียง)
วันที่ 29 พ.ย.63 ผู้ติดเชื้อลักลอบเดินทางข้ามมาโดยช่องทางธรรมชาติ เริ่มมีอาการป่วย (หวัด) พักอาศัยอยู่หมู่ 7 ต.ท่าสายลวด มีลูกเขยเป็นผู้ดูแล
วันที่ 2 ธ.ค.63 ลูกสาวกลับจาก กทม. มาดูแลผู้ป่วย
วันที่ 4 ธ.ค.63 มีอาการหอบเหนื่อย เรียกรถ รพ.เอกชน มารับที่บ้าน ระหว่างทางอาการไม่ดีขึ้นจึงนำส่ง รพ.รัฐ ผลตรวจติดเชื้อโควิด-19
วันที่ 31 ธ.ค.63 รักษาโควิด-19 ครบแล้ว ปอดอักเสบ ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เสียชีวิตเวลา 22.00 น.
ล่าสุดวันที่ 1 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปสำรวจบริเวณสถานบันเทิง-ร้านอาหารย่านบางพลัด หลัง (ศปค.สธ.) ประกาศ ขอให้มีการปิดสถานบันเทิง ร้านอาหาร ขอให้ซื้ออาหารและนำกลับไปรับประทานที่บ้าน ป้องกันเชื้อลุกลาม
ทีมข่าวได้สุ่มร้านสถานบันเทิงย่านบางพลัด จำนวน 2 ร้านด้วยกัน ร้านแรกทีมข่าวเดินทางไปยังร้านบางพลัดบาร์ เมื่อไปถึงพบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเอกรินทร์ เกตุทอง อายุ 31 ปี ผู้จัดการร้าน เปิดเผยว่า หลังจากมีสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ทางร้านก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากปกติแล้วเปิดให้บริการเวลา 18.00-01.00 น. ก็ต้องปรับเปลี่ยนเวลาปิดให้เร็วกว่าเดิม
อีกทั้งลูกค้าก็บางตาลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะกลัวการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งปกติแล้วในแต่ละวันร้านของตน มีจำนวนโต๊ะทั้งหมด 80 โต๊ะ ลูกค้าก็จะเข้ามานั่งเต็มทุกโต๊ะ แต่ทุกวันนี้ขาดรายได้ลงอย่างเห็นได้ชัด จากปกติรายได้ 100% จึงเหลือเพียง 50% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทางร้านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และมีมาตรการให้กับพนักงานและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการตามที่รัฐบาลกำหนด คือสวมใส่หน้ากากอนามัย ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ มีการเช็กอินก่อนเข้าร้าน เว้นระยะห่างของโต๊ะ (1 เมตร) โต๊ะหนึ่งนั่งได้ 4 คน เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า
ส่วนกรณีที่ทาง (ศปค.สธ.) มีการประชุมประกาศขอความร่วมมือให้สถานบันเทิง-ร้านอาหาร ปิดให้บริการเร็วกว่าปกติ หรือหากลูกค้าต้องการซื้ออาหาร ก็ให้ซื้อกลับบ้าน และห้ามนั่งทานที่ร้านเพื่อป้องกันเชื้อ ตนก็คิดว่าเป็นนโยบายที่ดี เพราะจะได้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาด แต่ก็ต้องมีระยะเวลากำหนดที่เหมาะสม เพราะหากใช้นโยบายในลักษณะนี้อยู่เป็นระยะยาว ก็จะทำให้ผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าได้รับผลกระทบอย่างหนักขาดรายได้ จึงอยากให้มองในส่วนนี้ด้วย
สุดท้ายนี้ในฐานะผู้ประกอบการ ตนก็อยากฝากถึงประชาชน หากจะเดินทางออกจากบ้าน หรือไปเที่ยวสถานบันเทิงต่าง ๆ ควรมีการเตรียมความพร้อมดูแลตัวเอง หากรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการเป็นไข้ ก็ควรให้หยุดพักอยู่บ้าน ไม่ควรเอามาเดินภายนอก อีกทั้งควรสวมใส่หน้ากากอนามัย ใช้เจลแอลกอฮอล์ ล้างมืออยู่เป็นประจำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่ระบาดสู่ผู้อื่น
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางพิไลพร สุขกลัด อายุ 46 ปี เจ้าของร้านขายอาหารใกล้ร้านสถานบันเทิง เปิดเผยว่า หลังจากมีสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดรอบแรกก็ว่าแย่แล้ว ยิ่งพอมามีสถานการณ์แพร่ระบาดรอบสอง ทำให้ตนยิ่งได้รับผลกระทบ
อีกทั้งหลังจากมีประกาศขอความร่วมมือจากทาง (ศปค.สธ.) ให้สถานบันเทิงปิดเร็วขึ้น รวมไปถึงร้านอาหารห้ามลูกค้ามานั่งทานที่ร้าน ลูกค้าก็ยิ่งลดลงเข้าไปอีก จากที่ปกติก็แทบจะไม่มีแล้ว ทำให้ขาดรายได้จากปกติรายได้ต่อวัน 3,000-4,000 บาท ก็ลดลงเหลือไม่ถึง 1,000 บาท ไหนจะต้องจ่ายค่าเช่า 10,000 บาท และยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ก็แทบจะไม่พอใช้
หลังจากมีประกาศ ทางร้านของตนก็ได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยปกติแล้วร้านของตนจะตั้งโต๊ะทั้งหมด 6 โต๊ะ ตอนนี้ก็เหลือเพียง 3 โต๊ะ สามารถนั่งได้เพียงโต๊ะละ 2 คน จากปกติเปิด 15.00-23.00 น. ก็ต้องปิดเร็วขึ้น และต้องให้ลูกค้าส่วมใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงจัดเตรียมตั้งเจลล้างมือแอลกอฮอล์ไว้ให้บริการสำหรับลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารที่ร้าน
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาสอดส่องดูแลในส่วนนี้ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ล็อกดาวน์ เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าในละแวกย่านบางพลัด ต่างได้รับผลกระทบหนักเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือสถานบันเทิง สุดท้ายนี้หากขอพรปีใหม่ได้ 1 ข้อ ตนอยากให้สถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้หมดไป ประชาชนจะได้กลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ
เมื่อเวลา 21.30 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงนามเพื่อประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 15) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.64
สำหรับสถานที่ที่ต้องปิด มี 25 สถานที่ ได้แก่
1.สถานบันเทิง, ผับ, บาร์
2.สวนน้ำ,สวนสนุก
3.สนามเด็กเล่น ตลาดน้ำ ตลาดนัด
4.โต๊ะสนุกเกอร์
5.สถานที่เล่นตู้เกม
6.ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต
7.สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่
8.สถานรับเลี้ยงเด็ก, ดูแลผู้สูงอายุ (ยกเว้นที่รับตัวไว้พักค้างคืน)
9.สนามมวย
10.สนามม้า
11.โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม)
12.สถานประกอบกิจการอาบน้ำ
13.อาบ อบ นวด
14.สนามแข่งขันทุกประเภท
15.สถานบริการห้องจัดเลี้ยง
16.สนามชนโค, สนามกัดปลา
17.สนามพระเครื่อง
18.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน
19.สถานเสริมความงาม,สถานที่เจาะ สักผิวหนัง
20.ฟิตเนส
21.สปา ร้านนวด
22.สนามซ้อมมวยหรือค่ายมวย
23.ลานสเก็ต โบว์ลิ่ง
24.สถาบันลีลาศ
25.สถาบันกวดวิชา, สถาบันการศึกษาทุกประเภท
ทั้งนี้ ในประกาศดังกล่าวยังกำหนดให้สถานที่อีก 19 ประเภท เป็นพื้นที่ควบคุมและต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย คัดกรองบุคคล, สวมหน้ากากอนามัย, เว้นระยะห่าง คือ
1.ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ หาบเร่ แผงลอย ภัตตาคาร ศูนย์อาหาร ไม่รวมสถานบริการ ผับ บาร์ ห้ามบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
2.ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์
3.ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม
4.ห้องประชุมในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม
5.ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง ตลาดน้ำ ตลาดนัด
6.ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง ขนาดใหญ่
7.ร้านเสริมสวย ร้านแต่งผม ห้ามนั่งรอในร้าน ให้ใช้เวลาได้ไม่เกิน 2 ชม.
8.สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ
9.คลินิกเสริมความงาม
10.สนามกอล์ฟ สนามซ้อมกอล์ฟ
11.สนามกีฬา
12.สวนสาธารณะ
13.คลินิกรักษาสัตว์ สปา อาบน้ำ ตัดขน ฝากสัตว์เลี้ยง
14.สนามออกกำลังกายในร่ม
15.สระว่ายน้ำกลางแจ้งและในร่ม
16.สวนพฤกษศาสตร์ สวนดอกไม้
17.สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬา
18.โรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ
19.สวนสัตว์
ส่วนสถานที่อื่น ๆ นั้น ให้มีมาตรการสาธารณสุขที่เข้มงวดทั้ง การสวมหน้ากากอนามัย ตรวจวัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง เช็ดทำความสะอาด ลงทะเบียนไทยชนะ
ทั้งนี้ตั้งแต่ 2 ม.ค.64 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
กรณี จ.หนองคาย พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรก เป็นหญิงอายุ 35 ปี ชาว อ.โพนพิสัย มีอาชีพขายอาหารทะเลที่กรุงเทพฯ สืบไทม์ไลน์ไปรับของมาขายจาก จ.สมุทรสาคร ไปตรวจในกรุงเทพฯ โดยสามีผลเป็นลบ ด้วยความที่ไม่คิดว่าจะติดเชื้อเช่นกัน เลยไม่รอฟังผลของตัวเอง จึงเดินทางกลับบ้านเกิด โดยไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายนี้ ได้มีการขายอาหารทะเลที่ตลาดในซอยรามคำแหง 166
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ตรวจสอบบรรยากาศในซอยรามคำแหง 166 ก็ยังมีผู้คนประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยเป็นปกติ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังคำนึงถึงความปลอดภัย การสวมหน้ากากอนามัย และร้านค้าต่าง ๆ ก็มีมาตรการสวมใส่หน้ากากอนามัย และใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ และเจลล้างมืออีกด้วย
นางอมรรัตน์ กนกรัตน์ไพศาล อายุ 50 ปี แม่ค้ากุ้ง บอกว่า ตนทราบข่าวเรื่องมีแม่ค้าติดโควิด-19 อยู่ในซอยนี้ ไม่ได้กังวลใด ๆ ในช่วงแรกนั้นตนได้รับผลกระทบช่วง 2-3 วัน ที่มีกระแสของกุ้งจากจ.สมุทสาคร และกระทรวงสาธารณสุขได้ลงมาตรวจสอบถึง 3 ครั้ง เพื่อหาที่มาที่ไปของการรับกุ้ง จึงทำให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นกับลูกค้า เพราะตนรับกุ้งมาจาก จ.ฉะเชิงเทรา โดยได้มีการค้าขายกันมากว่า 15 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันได้มีลูกค้าแวะเวียนมาซื้อตามปกติ แต่ยังพอมีลูกค้าบางรายถามถึงที่มาของกุ้ง ทำให้เสียรายได้วันละประมาณ 4,000-5,000 บาท
ทั้งนี้ตนอยากฝากพี่น้องประชาชนลูกค้าว่า ตลาดแถวนี้ปลอดภัยแน่นอน เพราะตนค้าขายอาหารทะเลมานาน อีกทั้งแม่ค้าและคนส่งกุ้งไม่เคยเจอกันเลย จะมีการโอนเงินและนำกุ้งมาส่ง ทางร้านของตนได้มีไม้คีบสำหรับลูกค้า เพื่อเป็นการเลี่ยงการใช้มือสัมผัสกับกุ้ง หรือจะมีลูกค้าใช้ถุงพลาสติกเพื่อใช้ในการจับเลือกกุ้งอีกด้วย โดยมือจะไม่สัมผัสกับตัวกุ้งโดยตรง
กรณีเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.63 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 นนทบุรี ได้ออกประกาศของจังหวัดนนทบุรี โดยนายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี มีคำสั่งจังหวัดที่ 3950/2563 ลงวันที่ 31 ธ.ค.63 สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว คือ 1.ตลาดเทศบาลเมืองบางบัวทอง อ.บางบัวทอง และ 2.ตลาดพิชัย อ.ปากเกร็ด ตั้งแต่วันที่ 1-4 ม.ค.64 รวมถึงกำหนดมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ยังได้กำหนดมาตรการ 2 ข้อ คือ 1.ผู้ค้าตลาดทั้ง 2 แห่ง ให้เข้าตรวจหาเชื้อ ณ โรงพยาบาลรัฐและเอกชน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายและให้กลับเข้าขายสินค้าได้หลังวันที่ 4 ม.ค.64 เมื่อได้รับใบตรวจยืนยันว่าไม่พบเชื้อ โดยระหว่างรอผลตรวจให้แยกสังเกตอาการ ณ ที่พัก และ 2.ผู้ใช้บริการในตลาดทั้ง 2 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 22-31 ธ.ค.63 และมีอาการผิดปกติ ให้เข้าตรวจหาเชื้อ ณ โรงพยาบาลของรัฐและเอกชน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยระหว่างรอผลตรวจให้แยกสังเกตอาการ ณ ที่พัก
และประกาศ เรื่อง ข้อปฏิบัติสำหรับบุคคลที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.นนทบุรี ลงวันที่ 31 ธ.ค.63 โดยกำหนดให้บุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ควบคุม ต้องกรอกข้อมูลผ่าน QR CODE เพื่อแจ้งข้อมูลให้จังหวัดนนทบุรี ทราบ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังตลาดสดพิชัย ปากเกร็ด ได้สอบถามไปยังนางวาสนา โพธิ์แสง 71 ปี แม่ค้าร้านยำหน้าบริเวณตลาด กล่าวว่า เทศกาลปีใหม่ปีนี้ เป็นปีที่ได้รับผลกระทบมาก ซึ่งหนักกว่าช่วงโควิด-19 ช่วงแรก ซึ่งแตกต่างมากจากปีที่ผ่านมา พ่อค้าแม่ขายได้กำไรกันหลายเท่าตัว แต่ช่วงคืนที่ผ่านมาจนถึงวันนี้เงียบเหงา ไร้วี่แววของกำไรที่จะได้รับ ปกติก่อนหน้านี้และรวมถึงเทศกาลอื่น ๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ที่ตนขายอยู่ ได้กำไรวันละ 2-3 พันบาท แต่มาช่วงนี้มีโควิด-19 เข้ามารอบที่ 2 ตนขายแทบไม่ได้เลย ไม่มีรายรับ แต่รายจ่ายยังคงเหมือนเดิม ซึ่งเป็นอีก 1 ปี ที่รู้สึกผิดหวังในการค้าขาย
ทั้งนี้โดยปกติแล้ว ตนก็จะไปซื้อของในตลาดพิชัยแห่งนี้มาเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารขายให้กับลูกค้า ซึ่งในตลาดผู้คนก็จะพลุกพล่าน ยิ่งเป็นตลาดช่วงเช้าคนจะมาเยอะมาก เนื่องจากสินค้าแต่อย่างราคาถูกและประหยัด ให้สำหรับพ่อค้าแม่ขาย หรือลูกค้าที่มาใช้บริการ
นางเบญจวรรณ เจริญจรัสกุล 60 ปี ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ กล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ปิดตลาดอย่างกะทันหัน โดยก่อนหน้าในวันที่ 31 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนเห็นยังเปิดขายกันตามปกติ จึงทำให้พ่อค้าแม่ขายในตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ต้องได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากได้สั่งสินค้ามาลงไว้ที่หน้าตลาดเกือบทุกร้าน ซึ่งปกติผ่านวันสิ้นปี ลูกค้าจะเข้ามาซื้อของในตลาดกลับไปฉลองปีใหม่กัน แต่จากสถานการณ์ที่ตนเห็นเมื่อคืนที่ผ่านมา พ่อค้าแม่ขายบางแผงต้องรีบขนของขึ้นรถกลับไปไว้ที่บ้าน บางแผงก็นำมาตั้งขายหน้าตลาดแบบราคาถูก เพื่อที่ไม่อยากให้สินค้าต้องตกค้าง หรือตกค้างได้น้อยสุด แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่เทศกิจขับไล่ ไม่ให้ขายในบริเวณดังกล่าว
นอกจากนี้ ปีใหม่ปีนี้เป็นปีที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก สำหรับผู้ค้า รู้สึกเห็นใจมากและเข้าใจถึงความรู้สึก ส่วนตัวก็เคยไปเดินในตลาดอยู่บ่อยครั้ง โดยภายในตลาดจะขายครบทุกอย่าง ทั้งอาหารทะเล อาหารคาวหวาน หรือแม้แต่เสื้อผ้า ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ปิดตลาดลง และจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 5 ม.ค.64 ตนก็ภาวนาอยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ทีมข่าวลงพื้นที่ ร้านข้าวต้มตี๋เล็กโภชนา อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังในพื้นที่ โดยวันนี้ยังคงเปิดบริการ แต่ไม่อนุญาตให้นั่งทานในร้าน แต่จะขายใส่ถุงให้กลับไปกินที่บ้านเท่านั้น ซึ่งมีลูกค้าค่อนข้างน้อยและบางตาและลูกค้าที่เข้ามาในร้านก็จะสวมแมสก์ทุกคน ร้านจะเปิดบริการตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. ก็จะปิดบริการ เนื่องจากในเวลา 22.00 น. เป็นช่วงเวลาล็อกดาวน์
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ เจ๊บุญตา เจ้าของร้านข้าวต้มตี๋เล็กโภชนา เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ จ.สมุทรสาคร เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.63 ที่ผ่านมา แทบไม่มีลูกค้าขาจรมาซื้ออาหารเลย เนื่องจากไม่มีใครแวะมาที่ จ.สมุทรสาคร มีเพียงลูกค้าประจำที่เป็นคนในพื้นมาอุดหนุน ทำให้รายได้ร้านของตนลดลงอย่างหนัก เงินไม่พอที่จะจ่ายค่าเช่าร้านด้วยซ้ำ ซึ่งมีการประกาศว่าจะมีการล็อกดาวน์ จ.สมุทรสาครต่อถึงวันที่ 15 ม.ค.64 ร้านของตนก็ยิ่งแย่ เพราะจะไม่มีรายได้เลย หากมีการล็อกดาวน์เพิ่มอีก ตนก็อยากให้ภาครัฐเยียวยาผู้ประกอบการในพื้นที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ร้านของตนปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด จะไม่ให้ลูกค้านั่งทานในร้าน แต่ต้องซื้อกลับบ้านเท่านั้น และลูกค้าที่เข้ามาในร้านจะต้องสวมแมสก์ทุกคนด้วย
