จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงกัน มีผู้เสียชีวิต ที่สวนอาหาร ม.1 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้นายภุชงค์ แสงใส อายุ 36 ปี และนายธนสิทธิ์ อยู่เหมาะ อายุ 36 ปี เสียชีวิตภายในสวนอาหาร ในเวลา 00.30 น. ของวันที่ 25 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 28 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เกาะติดความเคลื่อนไหวที่ สภ.กุยบุรี โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายธนกฤต แสงเขียว หรือ เหลิม และนายถนอมศักดิ์ เพ็ชรประดับ หรือ นายเหลือ เข้าสอบปากคำเพิ่มเติม และรายงานตัวต่อศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านช่องทาง Video Conference โดยในเบื้องต้นศาลคัดค้านการประกันตัวทั้งคู่
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายเหลิมและนายเหลือ ขึ้นรถตู้เพื่อไปฝากขังยังศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่ามกลางญาติของนายภุชงค์ แสงใส หรือ ไผ่ และญาตินายธนสิทธิ์ อยู่เหมาะ หรือ ตู่ ดักรออยู่ตรงด้านหน้าทางขึ้นลงของ สภ.กุยบุรี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยกันไม่ให้มีการปะทะ
ทันทีที่มีการพาตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนขึ้นรถ ก็มีเสียงญาติผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายตะโกนด่าทอนายเหลิมและนายเหลือด้วยความโกรธ ซึ่งมีญาติทางด้านของนายภุชงค์ หลุดวงล้อมเจ้าหน้าที่เข้ามาจะทำร้ายนายเหลิม แต่เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันรวบตัวไว้ได้ทัน
ทีมข่าวเจอญาตินายเหลิมที่โรงพัก แต่อยู่ห่างจากบริเวณโรงพัก เนื่องจากญาติฝังผู้เสียชีวิตเยอะกว่า ทีมข่าวเข้าไปพูดคุยและพยายามสอบถาม แต่ญาติไม่ตอบ แล้วเดินหนีทีมข่าวไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา 1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ครอบครองปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้งคู่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล โดยในวันที่ 28 ธ.ค.63 จะนำตัวทั้ง 2 คนไปฝากขังยังศาล จ.ประจวบคีรีขันธ์
หลังจากที่มีการนำตัวนายเหลิมและนายเหลือ ขึ้นรถไปฝากขังยังศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่ามกลางเสียงด่าทอ ทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับนายอาทิตย์ แสงใส อายุ 31 ปี น้องชายนายภุชงค์ กล่าวว่า เมื่อตนเห็นหน้านายเหลิม มือยิงพี่ชายตนเองเสียชีวิต แล้วรู้สึกจุก พูดอะไรไม่ออก ส่วนตัวยังมีความรู้สึกโกรธนายเหลิม ที่ยิงพี่ชายของตน
สิ่งที่ยังเป็นกังวลใจก็คือเรื่องของการดำเนินคดี ต่อให้ตอนนี้ศาลคัดค้านการประกันตัวก็จริง แต่ตนก็ยังกลัวว่า ถ้าระยะเวลาผ่านไป 2-3 เดือนพอเรื่องเงียบแล้ว จะเกิดความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่านายเหลิม น่าจะใช้วิธีเดิมเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา (ปี 2555 ยิงหัวหน้าแดนเซอร์) และก็คาดว่าน่าจะมีการเตรียมมาก่อนหน้าที่จะเข้ามอบตัวแล้ว และที่ผ่านมาทางญาติผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้ติดต่อเข้ามาขอโทษหรือขอเยียวยาอะไรกับทางครอบครัว ตนวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด
นางชบา แสงใส อายุ 56 ปี แม่นายภุชงค์ กล่าวว่า ตนมีความต้องการให้สื่อมวลชนช่วยเหลือ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินตามกฎหมาย ส่วนตัวยังมีความวิตกกังวลในเรื่องของการหลุดคดี ซึ่งคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้คำมั่นว่าจะให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของตน ส่วนนี้ตนก็ไม่ได้รู้สึกมั่นใจขนาดนั้น เนื่องจากเวลาผ่านไปคำพูดอาจจะเปลี่ยนไป
ตนสันนิษฐานในข้อสงสัยว่า นายเหลิมและนายเหลือ เข้ารับการมอบตัวรวดเร็วในเวลาไม่กี่วัน คาดว่านายเหลิมและนายเหลือ คงรู้ว่าถ้าอยู่ข้างนอกคงไม่ปลอดภัย ก็อาจจะมีคนช่วยเหลือทั้ง 2 คน และการที่มามอบตัวในครั้งนี้ ก็ไม่ได้มองว่านายเหลิมจะมีความสำนึกผิดแต่อย่างใด
ทุกวันนี้ก็ยังคงหวาดกลัวว่า จะมีคนบุกมาทำร้ายคนในครอบครัว เนื่องจากนายเหลิมมีอิทธิพลในพื้นที่ แต่ทั้งนี้ตนมองว่า ไม่มีอะไรที่น่ากลัวไปกว่านี้ ซึ่งสภาพจิตใจตนในขนาดนี้ก็ยังคงอยู่ในความเสียใจ แต่ตนก็จะเข้มแข็งและสู้เพื่อลูก และยังคงรู้สึกว่านายไผ่ ลูกชายของตนยังคงอยู่กับตนตลอดเวลา
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปพูดคุย น.ส.ส้ม (นามสมมติ) อายุ 18 ปี กล่าวยืนยันให้ทีมข่าวฟังว่า บทสนทนาในวงเหล้า ก่อนหน้าที่จะมีการตีขากันเกิดขึ้นนั้น นายภุชงค์ ถามไปยังนายธนกฤต หรือ เหลิม ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับเหตุการณ์การที่นายบาส ถูกนายถนมอมศักดิ์ หรือ เหลือ ใช้ปืนตบหน้า ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร แต่ด้านนายเหลิม ก็ไม่ได้มีการตอบอะไร โดยมีท่าทีเหมือนไม่อยากพูด
หลังจากนั้นนายไผ่ ก็มีการตีขานายเหลิม แล้วพูดประมาณว่า "เราก็เพื่อนกันนะ มีอะไรก็ช่วยกันได้ มึงช่วยกู กูช่วยมึง" พร้อมกับตีขานายเหลิมเรื่อย ๆ พอผ่านไปไม่นาน นายไผ่ก็วนกลับมาถามนายเหลิมเป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องการที่นายบาส ถูกนายเหลือใช้ปืนตบหน้า แต่นายเหลิมก็ไม่ตอบอีกเช่นเคย แล้วนายไผ่ก็พูดเดิม ๆ ซ้ำ ๆ 3-4 รอบ ว่าเราเพื่อนกันนะ มีอะไรช่วยเหลือกัน คุยกันได้ มึงช่วยกูกูช่วยมึง แต่นายเหลิมก็ไม่ตอบ นายเหลือก็ไม่ได้พูดอธิบายอะไรให้นายไผ่ฟัง
ส่วนนายเหลือ ก็ค่อนข้างพูดคุยปกติกับนายไผ่ โดยนายไผ่ก็ยังพูดเล่นกับนายเหลือว่า "พี่เหลือผมขอยื้มเงินสัก 200-300 บาท จะให้ทริปเด็กเสิร์ฟ" ซึ่งนายเหลือก็ยิ้มแล้วทำท่าทางจะควักเงินให้ แต่ก็ไม่ได้ให้เงินไป ซึ่งนายไผ่ ก็บอกว่าจะให้ทริปทีหลังต่างหากอีกที
เมื่อตนกลับมาที่ก็เห็นว่านายเหลิม และนายเหลือ เดินออกจากโต๊ะไปด้วยสีหน้าฉุนเฉียว โดยมีนายเล็กเป็นผู้เดินไปส่ง พอนายเหลิมออกไปจากร้าน ก็มีการพูดคุยกันปกติ แต่ไม่มีใครพูดเรื่องปืนตบหน้า ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการพูดคุยถึงเรื่องการชำระเงิน โดยนายไผ่ ยังพูดอีกว่าตนจะเป็นคนจ่ายบิลของนายเหลิมด้วย ซึ่งก็ยังไม่ทันได้จ่ายเงิน นายเหลิมก็บุกเข้ามาในร้าน แล้วถามว่า ใครที่มันมีปัญหากับกู จากนั้นนายเหลิมก็ใช้ปืนยิงนายไผ่และนายตู่เสียชีวิต
ส่วนตัวตนคาดสาเหตุว่า นายเหลิมน่าจะไม่พอใจที่นายไผ่ถามจี้เรื่องปืนตบหน้ากับนายเหลิมซ้ำ ๆ พร้อมตีขาค่อนข้างแรง แต่ตนไม่ทราบว่านายเหลิมยิงนายตู่ทำไม
