เผาแล้ว! ศพยัดถังแม่ผวารอยน้ำหยด เชื่อวิญญาณมีห่วง ญาติลั่นตัดขาดมือฆ่าเนรคุณ (คลิป)

28 ธ.ค. 63

กรณีตำรวจ สภ.แม่กา อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ รับแจ้งพบศพยัดถังซุกในเมรุเผาศพ บ้านสันบ่อเย็น ต.โป่งทุ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ที่เกิดเหตุพบร่างนางอาคร สมคำ อายุ 59 ปี อยู่บ้าน ต.โปงทุ่ง อ.ดอยเต่า สภาพอยู่ในถังน้ำพลาสติก ซ่อนไว้ภายในเมรุเผาศพ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบพบโทรศัพท์มือถือ เงินสด 200 บาท และของใช้ และล่าสุดหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายธานิน หรือโสด และนายศักดิ์ ญาติสนิทของคนตายไปสอบปากคำ จนกระทั่งนายธานิน รับสารภาพเป็นคนก่อเหตุ เพราะหลอนหลังจากเสพยาบ้า ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อเดือดบุกจะตบลูกเหี้ยมฆ่าน้ายัดถัง ช็อกเห็นบีบคอจับทืบกดน้ำ สาปให้ลงนรก

444501

ล่าสุดวันที่ 28 ธ.ค.63 เวลา 11.00 น. ที่วัดบ้านโป่ง ต.โป่งทุ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ญาติของนางอาคร สมคำ อายุ 59 ปี ได้เคลื่อนร่างของนางอาคร ออกจากศาลาสวดศพ ขึ้นมาตั้งไว้บนรถลากจูงที่มีการประกับตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาว-แดง ซึ่งเป็นสีที่ผู้ตายชอบ

387931

ในเวลา 12.30 น. ญาติได้นิมนต์พระสงฆ์ 4 รูป ทำพิธีสืบถอน หรือพิธีสะเดาะเคราะห์ เพื่อถอนให้ดวงวิญญาณของนางอาคร ไม่ผูกติดที่วัดจุดตั้งศพ โดยชาวเหนือเชื่อกันว่าจุดใดที่นำศพไปตั้งวางไว้ จะต้องมีการสืบถอนทุกสถานที่

โดยพิธีการสืบถอน ได้ใช้สะตวง 4 กระทงวางไว้ 4 มุมของรถลากจูง ซึ่งสะตวงทำด้วยกราบกล้วยทำเป็นสีเหลี่ยม บรรจุเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ กล้วยดิบ อ้อย มะเขือ ข้าวเหนี่ยว ข้าวกอก หมากพลู บุหรี เทียน 4 เล่ม ธูป 3 ดอก มุมสะตวงปักธงสามเหลี่ยม 

titled

เวลา 13.15 น. ญาติและชาวบ้าน ได้เคลื่อนร่างของนางอาคร ออกจากวัดบ้านโป่ง ไปยังป่าช้าสันบ่อเย็น โดยช่วยกันลากจูงรถ มีผู้เฒ่าผู้แก่เดินถือธงหรือตุงรูปคนมีขาว เขียนชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด และวันตาย ของผู้ตายเอาไว้ และยังสะพานย่ามที่บรรจุธูปเทียนและน้ำมะพร้าว สำหรับใช้ล้างหน้าศพ จากนั้นมี พระสงฆ์เดินนำ และสังเกตว่ามีลูกหลานผู้ตาย 3 คน ร่วมบวชหน้าไฟ ส่งดวงวิญญาณผู้ตายให้ไปสู่สุขคิ

เมื่อร่างของนางอาคร มาถึงป่าช้า ญาติคนตายได้ถือกระทงดอกไม้ พนมมือ เดินเวียนขวารอบศพ 3 รอบ โดยท่องบทสวด “ขออโหสิกรรม วจีกรรม มโนกรรม” เพื่อขอขมาผู้ตาย ต่อสิ่งที่ล่วงเกินต่อยังมีชีวิต จากนั้นได้มีพิธีทอดผ้าไตรเปิด 8 ชุด ไตรเล็ก 60 ชุด 

 

230345

ช่วงที่มีการเปิดฝาโรง นายเหรียญ ใหม่ปลา พ่อของผู้ต้องหา ในฐานะพี่ชายของคนตาย ได้ขึ้นไปที่โรงศพนางอาคร เพื่อดูหน้าครั้งสุดท้าย โดยเอามือแตะไว้ที่โรง พร้อมกับสะอื้นและมีน้ำตา พูดเบาว่า “พี่ขอโทษ” เช่นเดียวกับนางอารีย์ ปุดนะ และอำไพ ใจเป๋ง น้องสาวของคนตาย รวมถึงลูกสาวคนตาย และญาติ ๆ ไม่ได้ขึ้นไปดูหน้าศพครั้งสุดท้าย แต่ยืนอยู่เคียงข้างโลงศพ 

960897

จนกระทั่งเวลา 14.23 น. ได้มีพิธีประชุมเพลิง โดยการจุดไฟลูกหนู เพื่อประชุมเพลิง สังเกตได้ว่าหลังจากที่ไฟจุดติดแล้ว สัปเหร่อได้รีบปิดประตูเมรุ โดยควันสีเทาทยอยพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ซึ่งเมื่อเทียบกับควันที่มีการประกอบพิธีสืบถอนเมื่อวานนี้ จะมีลักษณะลอยต่ำ จากนั้นชาวบ้านและสัปเหร่อ ได้นำเสื้อผ้าของใช้ของคนตาย มากองรวมกันบริเวณด้านหลังเมรุ พร้อมทั้งทำเป็นบ้านขนาดเล็กสีทอง-แดง ซึ่งมีความเชื่อกันว่า ให้เผาไปพร้อมกับคนตาย เพื่อให้คนตายนำไปใช้หลังจากนี้

ทีมข่าวสังเกตว่า ในระหว่างการทำพิธี จะมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินทางมาพร้อมกับสวมหมวกสีน้ำตาลคาวบอย ทีมข่าวจึงได้เข้าไปสอบถาม จึงทราบว่า เป็นกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่ของคนตาย ที่มาร่วมแสดงความไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย แต่การสวมใส่หมวก เป็นเพราะว่าผู้ตายชื่นชอบหมวกมาก ประกอบกับงานเลี้ยงที่เจอกันครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิต กลุ่มของตนก็สวมใส่หมวกคาวบอยร่วมงานด้วย

332438

นางพอง พวงกันทา อายุ 62 ปี รุ่นพี่คนตาย เปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มของตนเองตั้งจัยสวมใส่หมวกคาวบอย เพื่อมาร่วมแสดงความเสียใจ และส่งเป็นวาระสุดท้าย เนื่องจากผู้ตายเป็นคนที่ชอบหมวกมาก ชอบกิน ชอบเที่ยว และชอบงานสังสรรค์ โดยทุกครั้งเวลาในกลุ่มจัดงานหรือรวมตัวกัน ผู้ตายจะเป็นคนออกความคิดเรื่องชุด เรื่องการแต่งกาย แต่ก็จะไม่ห่างเรื่องธิมหมวก ดังนั้นด้วยชอบเรื่องหมวก ทุกคนจึงตกลงกันเพื่อสวมหมวกมาร่วมงาน

812775808351190851

และตั้งแต่ที่นางอาครจากไป กลุ่มของตนก็ไม่มีใครฝันหรือสัมผัสถึงดวงวิญญาณของผู้ตายได้ เพราะเชื่อว่าผู้ตายเป็นคนดี หลังจากตายแล้วก็คงจะไปสู่ภพภูมิที่ดี แต่ก็อาจจะมีห่วงบ้างเล็กน้อย เพราะผู้ตายห่วงแม่ รักลูก แต่ถ้าหากคนในครอบครัวดูแลแม่แทนผู้ตายแล้ว เชื่อว่าก็คงจะหมดห่วง และไปสู่สุคติ

346735

นายประเสริญ ปั๋นแก้ว สัปเหร่อ ในฐานะมัคทายกของหมู่บ้าน เปิดเผยว่า กรณีการจัดพิธีประชุมเพลิงให้กับนางอาครในวันนี้ ตนสังเกตควันที่ป่องเมรุ พบว่ามีลักษณะโพยพุ่งขึ้นที่สูง แต่สีควันมีสีเทา เพราะเนื่องจากเป็นการเผาไม้โรงศพและเสื้อผ้า ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ควันที่โพยพุ่งขึ้นที่สูง หมายความว่า “ผู้ตายหมดห่วง และไปสูสุคติแล้ว” แต่ถ้ากรณีการประกอบพิธีเสี่ยงทายเมื่อวานนี้ หลังจากทำพิธีสืบถอน แต่ลักษณะควันลอยต่ำ ไม่ได้ขึ้นที่สูง หมายความว่า “ผู้ตายอาจยังมีห่วง เพราะยังประกอบพิธีไม่เสร็จสิ้น” แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างทำพิธีอย่างถูกต้อง และมีวิธีสืบถอนแล้ว ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ ไม่ผูกติด

245128

และในการประกอบพิธีในวันนี้ ยังมีการเผาข้าวของเครื่องใช้ของผู้ตาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้า พร้อมทั้งได้มีการเผาบ้านไม้หลังเล็ก ซึ่งทางเหนือเรียกว่า “บ้านตาน” หมายถึงบ้านที่ใช้ถวาย หรืออุทิศส่วนกุศลให้กับคนตาย เพื่อนำไปใช้เป็นบ้านหลังที่ 2 บ้านหลังความตาย โดยหลังจากที่หลุดผล และชดใช้เวรกรรมครบแล้ว ก็จะไปใช้บ้านหลังดังกล่าวในการอยู่อาศัย ในภพภูมิอีกโลกหนึ่ง เพราะเป็นความเชื่อของชาวบ้าน ที่ทำสืบต่อเนื่องกันมานาน

431900

ขณะที่กรณีเสียงปริศนา “ช่วยข้าด้วย” นั้น จนถึงวันนี้ตนก็ยังไม่รู้สาเหตุ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเจอ แต่เชื่อว่าหากเสียงขอความช่วยเหลือดังกล่าว เป็นเสียงผู้ที่เคยใช้ชีวิตและฌาปนกิจที่เมรุแห่งนี้ หรือเป็นดวงวิญญาณที่ยังสิงสถิตอยู่บริเวณในป่าช้า หลังจากที่มีการทำพิธีสืบถอนเมื่อวานแล้วนั้น ทุกอย่างจะได้รับการปลดปล่อย แล้วชาวบ้านก็จะไม่ได้ยินเสียงดังกล่าวอีก เพราะพิธีสืบถอน เป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นพิธีที่ปลดปล่อยดวงวิญญาณได้

ส่วนที่บ้านของผู้ตาย ซึ่งพบว่ายังคงมีนางธรรม ปุดนะ อายุ 96 ปี แม่ของผู้ตาย อยู่อาศัยกับนางอุสา ตาวัง อายุ 50 ปี หลานของนางธรรม ซึ่งอยู่เป็นเพื่อนกับนางธรรม เพราะเนื่องจากพิธีฌาปนกิจศพ ที่ป้าช้าบ้านสันบ่อเย็น ไม่สามารถพานางธรรมไปร่วมงาน และส่งนางอาครได้ เนื่องจากมีอายุมาก เดินทางลำบาก ป่วยเป็นโรคชรา จึงได้เพียงแต่นั่งรออยู่ที่บ้าน

974427

ทีมข่าวสังเกตว่า นางธรรม อยู่ในอาการเสียใจ ทุกครั้งที่พูดถึงนางอาคร ก็จะสะอื้นและร้องไห้ออกมาเป็นครั้งคราว นางธรรม บอกกับทีมข่าวว่า ยังทำใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา ตนมีเพียงนางอาคร ซึ่งเป็นลูกที่ตนรักและไว้ใจที่สุด ดูแลตน หาข้าวหาน้ำให้ทาน แต่หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าลูกคนไหนจะดูแลได้เท่านางอาครและไม่คิดว่าหลานชาย จะกล้าลงมือก่อเหตุได้ ส่วนตัวเสียใจจนบอกไม่ถูก หลังจากนี้จะพยายามเข้มแข็ง และอยู่ต่อไปให้ได้ 

497419

ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีประชุมเพลิงนางอาคร ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางอารีย์ ปุดนะ น้องสาวคนตาย เปิดเผยว่า หลังจากเสร็จสิ้นพิธีวันนี้ ตนเชื่อว่าพี่สาวจะไปสู่สุคติ และไปอยู่บนชั้นฟัา กับสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว พี่สาวก็คงจะมีความสุข หมดทุกหมดโศก และส่วนของนางธรรม ผู้เป็นแม่นั้น ยังมีลูกอีกหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือตน โดยพร้อมที่จะดูแลแม่ แม้ว่าอาจจะดูแลไม่ดีเท่านางอาครพี่สาวก็ตาม แต่ก็จะต้องดูแลแม่ให้ดีที่สุด เพื่อให้พี่สาวไม่เป็นห่วงหรือกังวล ที่สำคัญครอบครัวและชาวบ้าน ได้มีการประกอบพิธีตามศาสนา และประกอบพิธีตามความเชื่อ โดยหลังจากนี้เชื่อว่าดวงวิญญาณก็จะไปสู่สุคติเช่นเดียวกัน

973208

นางอุสา ตาวัง อายุ 50 ปี หลานของนางธรรม เล่าความเชื่อว่า หลังจากที่นางอาครจากไป ในคืนวันแรกที่มีการสวดอภิธรรม ซึ่งเป็นคืนที่รับศพมาจากโรงพยาบาล กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด โดยคืนนั้นถือว่าเป็นการสวดอภิธรรมคืนแรก และนางอาคร รู้ตัวเองว่าเสียชีวิตแล้ว จึงได้กลับมาที่บ้าน ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ตอนนั้นตนนอนอยู่ปลายเตียงของนางธรรม โดยช่วงที่นอนหลับอยู่ มีหยดน้ำตกลงมาใส่หน้าผาก และหยดน้ำก็ยังตกใส่นางธรรม

cg_4

จากนั้นนางธรรม ก็ตื่น อุทานขึ้นมาว่า “อาคร มาหา” ตนจึงตื่นขึ้นมาตาม และมองหาก็ไม่มีร่องรอยที่น้ำจะหยดลงมาใส่ จึงคิดว่านางอาครแวะมาหาจริง เนื่องจากตอนที่ตายถูกนายธานิน จับยัดถัง และนำน้ำเทลงไป จึงเชื่อว่าสภาพศพที่มีผมเปียกน้ำ จึงทำให้เป็นหยดน้ำที่หยดลงมาโดนตัวเองกับนางธรรม และการกลับมาของนางอาคร เพราะต้องการที่จะมาลาแม่ เนื่องจากเป็นการตายกะทันหัน และไม่ได้ลาแม่ ประกอบกับผู้ตายเป็นคนรักแม่มาก จึงเชื่อว่ามาเพื่อบอกลา

หลังจากที่ญาติของผู้ตายเดินทางกลับมาจากป่าช้าบ้านสันบ่อเย็น ได้มารวมตัวกันบริเวณลานกลางบ้าน โดยมีผู้เฒ่าผู้แก่ ซึ่งชาวบ้านนับถือเรียกว่าหมอทรง ได้นำฝ้ายสายสิญจน์ ผูกข้อไม้ข้อมือให้กับลูกสาวคนตาย และญาติ ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นการรับขวัญ หลังจากที่พบเจอกับเหตุการณ์หวาดผวา

ทีมข่าวได้เช็กข้อมูลตรวจสอบ ไปยังญาติ ๆ ของนางอาคร กรณีหลังจากรับโทษอาจกลับออกมาใช้ชีวิตร่วมกับญาติ ๆ อีกครั้ง

นายเหรียญ ใหม่ปลา พ่อคนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนไม่มีวันให้อภัย ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ คนแบบนี้ไม่สำนึก ทำผิดช้ำซาก อยากให้ติดคุกหรือตาย

619158

น.ส.วนิดา อุปะการะ ลูกสาวคนตาย เปิดเผยว่า ไม่มีญาติคนไหนให้อภัย ไม่มีใครรับได้ กับพฤติกรรมโหดเหี้ยม ตนก็ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ควรรับโทษและไม่ควรได้กลับออกมา คดีฆ่าคน ไม่ใช่คดีลักขโมย

318334

นางอำไพ ใจเป๋ง น้องสาวคนตาย เปิดเผยว่า คำว่าให้อภัย ไม่มีสำหรับนายธานิน คนเลี้ยงข้าว ให้เงินให้ มีพระคุณชุปเลี้ยง ฆ่าได้ ถ้าออกมาก็คงจะฆ่าคนในครอบครัวได้อีก ถ้ากฎหมายไทยอ่อนประหารไม่ได้ อย่างน้อยก่อเหตุช้ำซ้อน และช้ำซาก ก็ควรจะติดให้ตายไป แม้แต่ศพก็ไม่เผา

นางอารีย์ ปุดนะ น้องสาวคนตาย เปิดเผยว่า เป็นเรื่องของกรรม และเวรกรรมที่นายธานิน จะไปใช่กรรมที่ก่อ ถ้าออกมาก็ไม่มีวันให้อภัย หลังเคยติดคุกหลายหนในคดียาเสพติดยังพอเลี้ยงได้ ดังนั้นก็อย่าได้เจอกันอีกตลอดไป ที่สำคัญแม้แต่ความเป็นญาติ ก็ไม่มีให้อีกต่อไป

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส