หลานโหดฆ่าน้ายัดถังรับจับศพคว่ำกรอกน้ำขาดใจตาย คนผวาเสียงผีจากเมรุจ่อทำบุญให้ (คลิป)

26 ธ.ค. 63

จากกรณี ตำรวจ สภ.แม่กา อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ รับแจ้งพบศพยัดถังซุกในเมรุเผาศพ บ้านสันบ่อเย็น ต.โป่งทุ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ที่เกิดเหตุพบร่างนางอาคร สมคำ อายุ 59 ปี อยู่บ้าน ต.โปงทุ่ง อ.ดอยเต่า สภาพอยู่ในถังน้ำพลาสติก ซ่อนไว้ภายในเมรุเผาศพ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบพบโทรศัพท์มือถือ เงินสด 200 บาท และของใช้

680134

ล่าสุดหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายธานิน หรือ โสด และนายศักดิ์ ญาติสนิทของคนตายไปสอบปากคำ จนกระทั่งนายธานินรับสารภาพเป็นคนก่อเหตุ เพราะอาการหลอนจากการเสพยาเสพติดนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับแล้วหลานคลั่งฆ่าน้ายัดถังซ่อนศพในเมรุ ญาติฉะเหี้ยมลากศพผ่านป่า มีเกิน 1 คนทำ
สะพรึง! เสียงโหยหวนลั่นเมรุ "ช่วยข้าด้วย" จุดซ่อนศพฆ่าหญิงยัดถัง สื่องงตาแตก
ฆ่าโหดสาวใหญ่ซุกถังซ่อนในเมรุ ญาติช็อกเจอศพเพราะโทรเข้า ล็อกคนสนิทสอบเข้ม

วันที่ 26 ธ.ค. 63 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงพัก สภ.แม่กา อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัว นายธานิน หรือ โสด ใหม่ปลา หลานชายของนางอาคร ผู้ตาย เดินทางออกจากห้องขังในโรงพัก ขึ้นรถไปพร้อมกับชุดสืบสวน และพนักงานสอบสวน ส่งตัวนายธานินไปบำบัดในคดียาเสพติด

307124

เบื้องต้น ถูกแจ้งข้อกล่าวหาคดียาเสพติด และเตรียมออกหมายจับในคดีฆ่าผู้อื่น จากนั้น จึงจะมีการอายัดตัว ฝากขังต่อศาลต่อไป และในวันนี้ เดิมทีมีกำหนดการว่าจะนำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ แต่เนื่องด้วยหมายจับยังไม่ออก จึงต้องมีการเลื่อน และพาตัวไปบำบัดในคดียาเสพติดก่อน

ช่วงที่ตำรวจพาตัวนายธานิน ไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปที่ศูนย์บำบัดนั้น นายธานินบอกว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าทุกคนรู้ดี ตนเองไม่มีอะไรพูด และในช่วงเวลาเกิดเหตุตนเองยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในอาการมึนเมาหรืออาการเสพยาเสพติด และหลังจากนี้ความจริงทุกอย่างจะกระจ่าง โดยจะมีระบบดาวเทียมส่งภาพมาให้ดู"

473165

ขณะที่การควบคุมตัวนายธานิน ไปที่ศูนย์บำบัดจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ายังมีการควบคุมตัว นายศักดิ์ ปุดนะ น้องคนสุดท้ายของผู้ตาย ไปเข้ารับการบำบัดด้วย เนื่องจากถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดียาเสพติด หลังจากที่ผ่านการบำบัดแล้ว ก็จะกลับมาใช้ชีวิตได้ในครอบครัวตามปกติ

564990

จากข้อมูลการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่านายศักดิ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนางอาคร ประกอบกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ เช่น รถเข็น ถังน้ำ กระสอบ ไม่มีรอยนิ้วมือของนายศักดิ์เกี่ยวข้อง

cg

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้รับข้อมูลจากตำรวจชุดทำคดี ซึ่งนายธานินมีการรับสารภาพ พร้อมทั้งเปิดเผยถึงขั้นตอนการก่อเหตุทั้งหมดแล้ว รับสารภาพว่าหลังจากที่มีการล็อกคอและใช้กำปั้นชกต่อยนางอาคร จนกระทั่งล้มลง ได้มีการกระทืบซ้ำ จนนางอาครแน่นิ่งไป แต่ตอนนั้นเชื่อว่านางอาครยังไม่เสียชีวิต นายธานินได้นำถังพ่นยาสีน้ำเงินที่วางเรียงเอาไว้จำนวน 3 ถังในโรงรถ เลือกเอาถังตรงกลางมาเป็นที่อำพรางศพ จับขานางอาครยกขึ้นแล้วเอาหัวทิ้งลงไปก้นถัง

จากนั้นได้ไปหยิบเอาถังน้ำพลาสติกไปตักน้ำที่ก๊อกน้ำจำนวน 3 ถัง เทลงไปในถังพ่นยา และทิ้งให้ร่างนางอาครอยู่ในนั้น ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ก่อเหตุ จนกระทั่งถึงเวลา 21.00 น. จึงได้นำรถเข็นไปยกถังพ่นยา และเข็นไปตามเส้นทางที่ไม่มีบ้านคน หลบเลี่ยงการถูกเจอไปทางป่า แล้วนำไปอำพรางเอาไว้ในเมรุเผาศพ

135859722689

ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่วัดบ้านโปง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นางอาคร สมคำ อายุ 59 ปี โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งญาติได้นำร้างของนางอาครบรรจุไว้ในโรงเย็น ตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ในศาลาวัด โดยไม่ได้มีการนำร่างกลับไปที่บ้าน เพราะยังปฏิบัติตามความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ต้องไม่นำศพที่ตายอยู่ในเมรุกลับไปที่บ้านอีก ไม่เช่นนั้นจะเกิดอาเพศสิ่งไม่ดีในหมู่บ้าน

412598

นางอำไพ ใจเป๋ง หรือ พลอย อายุ51ปี น้องสาวของคนตาย เปิดเผยว่า ตนเองรู้สึกเสียใจที่หลานแท้ ๆ ก่อเหตุฆ่าคนในครอบครัวได้ โดยที่ผ่านมาได้พยายามระวังตัว และเป็นห่วงมาโดยตลอดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง ด้วยอาการที่หลอนยาเสพติด โดยหลังจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่ถ้าหากเป็นไปได้ก็อย่าปล่อยให้ออกมาใช้ชีวิตตามปกติ เพราะก่อนหน้านี้เคยก่อคดีฆ่าข่มขืน แต่ก็ติดคุกเพียงแค่ 6-7 ปี กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ดังนั้นการก่อเหตุซ้ำครั้งนี้ ก็อยากให้ถูกประหาร หรือรับโทษสูงสุดของกฎหมาย เพราะเป็นคดีที่โหดร้าย

904668

อีกทั้ง ครอบครัวยังทราบความจริงจากการให้ปากคำของนายธานิน ทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมการก่อเหตุ ว่ามีการลงมือชกต่อย ล็อกคอจนขาดอากาศหายใจ มีการกระทืบซ้ำ ทั้งที่ยังไม่เสียชีวิต เป็นพฤติกรรมที่โหดร้าย หากวันนั้นไม่มีการเติมน้ำเข้าไปในถัง นางอาครก็คงไม่ถึงแก่ความตาย ตนก็ไม่ต้องมาขออโหสิกรรม ไม่ต้องมานับญาติ

ส่วนกรณีนายศักดิ์ ซึ่งเป็นน้องคนเล็กในบ้าน ยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเอาไว้ในฐานะผู้ต้องสงสัย ตนเองในฐานะญาติ ยังคลุมเครือเกี่ยวกับสถานที่และตำแหน่งอยู่อาศัยในช่วงเวลาเกิดเหตุ ดังนั้นอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการสอบสวนและตรวจสอบอย่างละเอียด แต่ในเรื่องความขัดแย้ง ปมที่ดิน หลังจากที่แม่คือนางธรรม เสียชีวิตแล้ว มีที่ดินจำนวน 3 ไร่มอบให้กับคนที่ดูแลบ้านปลายชีวิต ประเด็นนี้ไม่มีการพูดถึงตลอดช่วงที่ผ่านมา และไม่ได้มีการขัดแย้ง

909881

สำหรับเสียงที่ทีมข่าวมีการบันทึกได้ในขณะที่มีการถ่ายทำบริเวณหน้าเมรุ จุดเกิดเหตุเมื่อวานนี้ มีเสียงพูดว่า "ช่วยข้าด้วย" ตนยืนยันว่าไม่ใช่เสียงของนางอาคร เพราะเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงคล้ายผู้ชาย มีลักษณะเป็นเสียงแหบ ถ้าหากจะเป็นนางอาครมาขอความช่วยเหลือ ก็จะไม่พูดด้วยประโยคหรือน้ำเสียงแบบนี้ เพราะเป็นคนเหนือจะพูดภาษาเหนือว่า "ช่วยจวย", "จ้วยจิ่ม", "จ้วยหน่อย" เท่านั้น

819296

นางทอง (นามสมมติ) อายุ 57 ปี อดีตนายจ้างของนายธานิน คนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนเองทราบว่านายธานินเพิ่งพ้นโทษมาได้ไม่นาน ช่วงประมาณเดือนมิถุนายน ตนเองรู้สึกสงสาร ประกอบกับเห็นว่าเจ้าตัวออกจากคุกได้กลับตัวเป็นคนดีแล้ว จึงได้รับมาเป็นคนขับรถที่บ้าน โดยช่วงที่มีการว่าจ้างวันละ 170 บาท นายธานินก็ขับรถไปรับส่งตนเองตามปกติ รับผิดชอบ และพูดจาน้อย แต่ในช่วงระยะหลัง ก่อนที่จะก่อเหตุฆ่านางอาครประมาณ 1 เดือน ตนเองได้เลิกจ้าง เพราะเนื่องจากนายธานินขับรถมีอาการเหม่อลอย พูดจาคนเดียว ทำนองว่า "มีคนยืมเงินไปแล้วไม่เอาเมื่อคืน แต่ไม่มีใครยืม" หรือแม้แต่เหตุการณ์โทรศัพท์หาย ทั้งที่โทรศัพท์แขวนอยู่ที่คอ โดยทุกครั้งที่เกิดอารมณ์เหม่อลอย จะยกมือออกจากพวงมาลัยรถ และใช้มือสองข้างตบที่ขาตัวเอง ทั้งที่รถกำลังแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็ว

cg2

ทั้งนี้ ช่วงที่จ้างนายธานินเข้ามาทำงานด้วย ช่วงเดือนประมาณสิงหาคม-กันยายน 63 ที่ผ่านมา มี 2 เหตุการณ์ ที่นายธานินพยายามออกอุบายชักชวนตนเองให้ไปอยู่ด้วยกันสองต่อสอง โดยเหตุการณ์ครั้งแรก ขณะที่ขับรถผ่านฝายชะลอน้ำ หรือฝายเก็บน้ำของหมู่บ้าน นายธานินพูดขึ้นมาว่า "ไปดูน้ำล้นกันเถอะแม่" โดยตนเองเห็นว่าขับรถผ่านพอดี ก็ไม่ได้ขัดหรือปฏิเสธ แต่เมื่อไปถึง เริ่มสังเกตอาการของนายธานินมีอาการแปลก จริงกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี หรือถูกกระทำมิดีมิร้าย จนกระทั่งไปเจอกับชาวบ้านที่มาตกปลาอยู่บริเวณจุดดังกล่าว จึงทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

240884

จนกระทั่งมาถึงเหตุการณ์ครั้งที่ 2 นายธานินชักชวนให้ไปล่องแพ โดยตอนนั้นตนเองเห็นว่าเริ่มผิดปกติ จึงได้ออกอุบายโทรชวนเพื่อนขึ้นมาบนรถอีก 1 คน จึงทำให้นายธานินเปลี่ยนใจ ไม่ไปล่องแพ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถ้าหากตนเองไหวตัวไม่ทัน หรือไม่มีคนที่เข้ามารับรู้ ป่านนี้ก็คงกลายเป็นศพ หรืออาจจะถูกกระทำมิดีมิร้ายไปแล้วก็ได้

835653

ทีมข่าวสำรวจภายในบ้านของนางอาคร ผู้ตาย ที่อยู่อาศัยร่วมกับนายศักดิ์ น้องชายคนสุดท้อง พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ยกสูงจากพื้น โดยทางเข้าบ้านหันไปอีกทาง ไม่ได้อยู่ด้านหน้าทางเข้าประกอบกับบ้านหลังดังกล่าวไม่มีหน้าต่าง ที่จะมองเห็นฝั่งที่มองเห็นบ้านของนางธรรม ผู้เป็นแม่ และไม่สามารถมองเห็นครัวห้องครัวได้

378298

ลักษณะในบ้าน แบ่งเป็น 2 ห้อง ด้านในสุดเป็นห้องนอนของนางอาคร ส่วนห้องที่อยู่ริมด้านนอก เป็นห้องของนายศักดิ์ และในวันเกิดเหตุ ตามที่นายศักดิ์อ้าง บอกว่านอนดูทโทรทัศน์อยู่บริเวณโถงของบ้าน

594693

ทีมข่าวทดสอบเดินตามถนนเส้นทางเกิดเหตุ ใช้เวลาช่วงค่ำ บรรยากาศใกล้เคียงกันช่วงเวลาจริงเริ่มต้นจากโรงเก็บถังพ่นยา ที่นายธานินได้มีการซ่อนอำพรางศพ หลังจากออกจากรั้วบ้านจะเจอกับถนนลาดยาง ซึ่งเป็นถนนในชุมชน ระยะทางประมาณ 10 เมตร ผ่านบ้าน 4 หลัง

439600

บ้านฝั่งตรงข้ามบ้าน อ้างว่าเวลา 16.00-23.00 น. ไปงานเลี้ยงที่ต่างตำบล, บ้านหลังถัดไป เป็นบ้านไม่มีคนอยู่ ย้ายไปนอนกับญาติ ส่วนอีกหลังก่อนถึงทางเลี้ยวเข้าชอย เป็นบ้านที่เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำนอนเร็ว บ้านที่หัวมุมอีกหลัง เป็นบ้านคนแก่ มีอาการป่วย เข้านอนเร็วแต่หัวค่ำ 19.00 น. จึงไม่มีคนเห็นนายธานินเข็นศพผ่านบ้าน

104893

สำหรับเสียงปริศนาที่ทีมข่าวสามารถบันทึกได้ในระหว่างถ่ายทำด้านหน้าเมรุ จุดที่เจอศพนางอาคร มีเสียงพูดว่า "ช่วยข้าด้วย" วันนี้ ทีมข่าวจึงเดินทางลงพื้นที่ไปพร้อมกับ นายประเสริฐ ปั๋นแก้ว อายุ 47 ปี สัปเหร่อและมักนายกของวัดโปง พร้อมด้วย นายดนัย ใหม่ปลา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านสันบ่อเย็น และชาวบ้านในพื้นที่อีกกลุ่มหนึ่ง โดยได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่โดยรอบเมรุ พบว่าพื้นที่ใกล้เคียง ไม่มีบ้านคนอาศัยอยู่ ในรัศมีประมาณ 1 กิโลเมตร และไม่มีคนมาทำการเกษตรในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ว่างเปล่า

 

662418

 

จากนั้น นายประเสริญ สัปเหร่อของหมู่บ้าน พาทีมข่าวไปสำรวจบริเวณด้านหลังของเมรุ พบว่าจุดดังกล่าวมีปล่องระบายลม เพื่อให้ลมเข้าไปเลี้ยงเตาเผา มีตะแกรงเหล็กเป็นประตูเปิดปิด แต่ไม่มีกุญแจปิดล็อกเอาไว้ ความเป็นไปได้จะเกิดต้นเสียงคำว่า "ช่วยข้าด้วย" ก็ต้องมีคนตะโกนจากปล่องลมจุดด้านหลัง

177686titled

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้ทำการทดสอบตะโกน คำว่า "ช่วยข้าด้วย" ซึ่งมีสัปเหร่อของหมู่บ้านเป็นต้นเสียงตะโกนทดสอบอยู่ด้านหลังช่องระบายลม ส่วนด้านบนเมรุ จุดที่เป็นเตาเผา มีช่างภาพตั้งกล้องเพื่อบันทึกและเก็บเสียง เป็นลักษณะมุมกล้องเดียวกันกับที่บันทึกเหตุการณ์เมื่อวานนี้ โดยมีการพูดต่อเนื่อง 3 ครั้ง ยืนยันว่าสามารถได้ยินเสียงดังกล่าวได้ แต่ในวันที่ทีมข่าวขึ้นไปในการบันทึกและถ่ายทำไม่มีใครเดินไปอยู่ด้านหลังของเตาเผา

622183

นายจันทร์คำ ภูบุตร อายุ 41 ปี ผู้ปฏิบัติธรรม หรือผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ แต่ไม่ใช่คนทรง เดินทางมาสังเกตการณ์ทดสอบของทีมข่าวในวันนี้ บอกว่า เสียงที่ทีมข่าวสามารถบันทึกได้นั้น ไม่ใช่เสียงที่มาจากการพูดของคนทั่วไป แต่เป็นเสียงสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น ที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเสียงของใคร ดังนั้นเมื่อมีการขอความช่วยเหลือแล้ว ก็ควรที่จะต้องมีการทำพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณ ถ้าหากรู้ว่าผู้ตายชื่อนามสกุลอะไรแล้วมาต้องการขอความช่วยเหลือ ให้พระมีการเรียกชื่อ บอกชื่อ แล้วทำการปลดปล่อยดวงวิญญาณ แต่ถ้าหากกรณีไม่รู้ชื่อคนตายที่มาขอความช่วยเหลือ ให้เรียกว่าเป็นการขอแบบองค์รวม หรือภาษาเหนือเรียกว่า "สืบถอน แบบชาปะ" จะทำให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติ และได้รับการปลดปล่อยจากสิ่งที่ถูกจองจำ

cg3

นายจันทร์คำ บอกอีกว่า เท่าที่ตนเองพอจะสัมผัสได้ เมรุแห่งนี้อาจมีการสร้างทับที่บางอย่าง หรือคนที่เคยอยู่มาก่อนหน้านี้ในอดีต ยุคสงคราม ก่อนมีหมู่บ้านหรือเจ้าที่ ดังนั้นจึงต้องไปย้อนหาประวัติว่ามีการสร้างถูกต้องหรือไม่ มีการสร้างทับที่ของใคร และด้านล่างก่อนที่จะเป็นเมรุมีอะไรถูกฝังอยู่ ซึ่งถ้าหากทำถูกต้องแล้วก็ถือว่าเป็นการปลดปล่อยและช่วยเหลือในสิ่งที่เขากำลังเรียกหา

955382308248

โดยข้อมูล สร้างเมรุต้นปี 2561 เผาศพไปแล้ว 10 ศพ ศพที่เคยถูกเผาเมรุหมู่บ้านประกอบด้วย 1.นายต๋อย อดีตข้าราชการตำรวจ เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว, 2.นายชาติ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง, ลำดับที่ 3-6 เป็นผู้หญิง ตายด้วยโรคชรา, 7.นายคำปลิว ตายด้วยโรคชรา, 8.นายภา ตายด้วยโรคประจำตัว, 9.นายแม็ก ผูกคอตาย, 10.นายมดเดย์ ตายด้วยอุบัติเหตุรถล้ม

693975

นางสุ่ม ตาแก้ว อายุ 70 ปี ผู้เฒ่าผู้แก่ประจำหมู่บ้าน เปิดเผยว่า กรณีคลิปเสียงที่เผยแพร่ออกอากาศเมื่อคืนที่ผ่านมาของรายการทุบโต๊ะข่าว ตนเองได้รับชมขณะที่ออกอากาศพร้อมกันก็รู้สึกขนลุก และตกใจ ส่วนตัวทราบว่าเป็นเสียงผู้ชาย แต่ก็เชื่อว่าอาจเป็นการขอความช่วยเหลือของนางอาคร ที่อาจมีการแปลงเสียง หรือต้องการตะโกนขอความช่วยเหลือ เพราะคนตายไปแล้ว สามารถทำอะไรก็ได้

สำหรับประวัติความเป็นมาของเมรุเผาศพหลังจากที่มีการก่อสร้างเมรุเสร็จ มีชาวบ้านล้มตาย ก็ยังต้องใช้เมนแบบเก่าคือเชิงตะกอน ทำการเผาร่างตามปกติ เพราะยังไม่เริ่มใช้เมรุ เนื่องจากชาวบ้านถือกันว่าศพแรกที่จะนำขึ้นเผาเมรุใหม่ ต้องเป็นศพผู้บริสุทธิ์ ศพผู้ที่ไม่ตายผิดแปลก หรือไม่ใช่ศพของคนแก่ จนกระทั่งถัดมาไม่กี่เดือนเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว จึงได้ใช้เมรุใหม่ ฌาปนกิจร่างให้กับอดีตตำรวจ เพราะถือว่าการเผาศพแรกเป็นเรื่องที่สำคัญ หลังจากที่เริ่มใช้เมรุใหม่ ชาวบ้านก็ได้ทำพิธีสืบถอด และทุบเชิงตะกอนแบบเก่าทิ้งทันที

223650

ขณะที่การตั้งศพของนางอาคร โดยไม่ได้มีการตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้าน แต่ต้องนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด เพราะเนื่องจากกลัวว่าจะผิดประเพณี ถ้าหากกรณีศพที่ไปอยู่ในป่าช้าหรือเมรุแล้ว ไม่สามารถที่จะนำกลับมาตั้งที่บ้านได้ และต้องมีพิธีสืบทอดหรือสะเดาะเคราะห์เชิญดวงวิญญาณให้นางอาคร ลุดพ้นออกจากบริเวณจุดที่เจอศพ จึงจะมีพิธีฌาปนกิจได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส