เน็ตไอดอลยุคบุกเบิก "บอลลูน พินทุ์สุดา" เปิดใจสาเหตุที่หายไปจากวงการ

หลายๆ คนคงยังจำได้ดี สำหรับเน็ตไอดอลยุคบุกเบิกอย่างสาว "บอลลูน พินทุ์สุดา" ที่ครองใจหนุ่มๆ สาวๆ ทั่วประเทศ กับภาพความสดใส รอยยิ้มของเธอที่ยังฝังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน รายการ ต้มยำอมรินทร์ เลยพารอยยิ้มและความน่ารักของ บอลลูน กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับอัปเดตเรื่องที่หายหน้าหายตาจากวงการบันเทิงไป งานนี้เจ้าตัวเปิดแบบหมดเปลือก แถมยังประกาศสถานะอีกด้วยว่ายัง โสด โสด อยู่นะคะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เราเลือกผู้ชายได้! "แอน จักรพงษ์" ยังไม่ยกใครเป็นพ่อของลูก รอให้ลูกช่วยตัดสินใจ
- "ตุ๊ก ญาณี" ขอเคลียร์ข่าวเป็นนักแสดงเรื่องมาก แถมยังค่าตัวแพง!
- "กอล์ฟ อนุวัฒน์" ขึ้นแท่นเจ้าพ่อซีรีส์วาย เล่นดีจนถูกมองว่า แอ๊บแมน!
-"ลำยอง หนองหินห่าว" แต่งงานแก้เคล็ด เพราะอยากมีลูก
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่  

ถาม ตอนนั้นดังขึ้นมาจากไหน

บอลลูน พินทุ์สุดา : ถ่ายแบบนิตยสาร Mango Katch แล้วที่เข้าสู่วงการได้ เพราะเราก็ไปเดินสยามกับเพื่อนๆ แล้วก็เจอพี่ๆ เบเกอรี่ มิวสิค เขากำลังทำหนังสือวัยรุ่น เขาก็ชวนไปถ่าย แต่ก็ไม่ได้ดังเลยนะคะ ตอนนั้นเขาก็เอารูปเราไปลงในอินเตอร์เน็ต แล้วก็ได้เล่นหนัง เพราะตอนนั้นอินเตอร์เน็ตเพิ่งจะเริ่มๆ เข้ามา แล้วที่เล่นกันคือ MSN Hi5


ถาม ตอนนั้นเรางงไหม อยู่ดีๆ เราก็ดังมากในอินเตอร์เน็ต

บอลลูน พินทุ์สุดา : สมัยนั้นไปเดินที่สยาม คนก็จะรู้จักเราจากในวงแคบๆ ก่อน เพราะเมื่อก่อนไม่ได้มีโซเชียลอยู่ในมือ แล้วใครก็รู้จักเรา สมัยเราก็ถ่ายหนังสือ ตามสยามเขาก็รู้จักเรา พอเราไปเล่นหนัง ก็เริ่มมีคนรู้จักค่ะ พอหลังจากถ่ายหนังเสร็จ คนก็เริ่มจับตามองเราแล้ว ถามว่ารู้สึกยังไงบ้าง ช่วงนั้นก็ยังเด็ก ก็สนุกกับการทำงาน ได้เงิน จะซื้ออะไรก็ได้


ถาม รู้สึกยังไงบ้างกับคำว่า เน็ตไอดอลคนแรกของประเทศไทย

บอลลูน พินทุ์สุดา : เน็ตไอดอลมีหลายความหมายใช่ไหม บางคนเอาคำว่า เน็ตไอดอลไปใช้แบบว่าโป๊เปลือย เพื่อเรียกยอกไลก์ เรียกยอดฟอลโลว เราเลยรู้สึกว่าคำนี้มันเป็นคำที่มีทั้งสองแง่

ถาม แต่สำหรับของบอลลูน เขาชื่นชอบเพราะความน่ารัก แต่ในอีกมุมหนึ่ง ยุคนั้นของเราก็ถึงว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะแต่งตัวแบบเซ็กซี่ที่สุดในตอนนั้น

บอลลูน พินทุ์สุดา : ตอนนั้นกางเกงขาสั้น เสื้อสายเดี่ยว คือแรงมากแล้วค่ะ แล้วมีอยู่ยุคหนึ่งที่เสื้อผ้าจะสีสันมากๆ แบบใส่เสื้อสีหนึ่ง กางเกงอีกสีหนึ่ง เรามานั่งนึกตอนนี้ เราใส่ไปได้ยังไงเมื่อก่อน แต่คุณพ่อคุณแม่พอได้เห็นการแต่งตัวของเรา ท่านก็มีบ่นๆ บ้างค่ะ อย่างคุณแม่จะนั่งอยู่ตรงประตูทางออกจากบ้านเลย พอเห็นเราแต่งตัว ท่านก็จะบอกว่าอันนี้ใส่ไม่ได้ อันนั้นใส่ไม่ดี เราก็ต้องแต่งตัวเรียบร้อยออกจากบ้าน แล้วพอเราไปเจอเพื่อนๆ แล้วค่อยถอดออก (หัวเราะ) หรือเอาไปเปลี่ยนข้างนอก แต่เราก็ไม่ได้โป๊มาก แค่เสื้อสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น


ถาม แต่ถึงไม่โป๊ แต่เวลาที่ทุกคนนึกถึงบอลลูนคือเซ็กซี่

บอลลูน พินทุ์สุดา : มันเป็นเพราะรูปร่าง เวลาเราใส่เสื้อผ้าออกมาเลยดูเซ็กซี่ ดูเป็นคนที่ผู้หญิ๊ง ผู้หญิง มีหน้าอกหน้าใจ แต่ในยุคนั้นไม่รู้ตัวเองเลยนะคะ ว่าตัวเองเซ็กซี่ แต่รู้ว่าเราไม่ได้มีเท่ากับคนอื่นๆ เหมือนมีมากกว่าคนอื่น เพราะเราอยู่โรงเรียนผู้หญิงล้วนด้วย พอรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนคนอื่นเราก็จะเดินห่อไหล่ เพราะรู้สึกว่าไม่มั่นใจ


ถาม จริงๆ เราชื่อบอลลูนอยู่แล้วหรือเปล่า

บอลลูน พินทุ์สุดา : ใช่ค่ะ ชื่อตั้งแต่เกิดเลย เพราะเราเกิดที่โรงพยาบาลสมิติเวช แล้วช่วงที่เราเกิดมีคนเกิดมาก่อนเรา เขาน้ำหนักมากที่สุด แล้วก็มีลูกปิงปองแขวนที่เตียงเกิดเขา แต่พอเราเกิดมา เราดันมีน้ำหนักมากกว่่าเขา พยาบาลก็เอาบอลลูนมาแขวนไว้ที่เตียง เราก็เลยชื่อบอลลูนมาตั้งแต่นั้นเลย เพราะสมบูรณ์มากที่สุดในโรงพยาบาล


ถาม อย่างในยุคนี้บางคนที่ถ่ายเซ็กซี่แล้วโพสต์ลง ทำให้บางครั้งเกิดทัวร์ลงเพราะเซ็กซี่เกิดเหตุ แล้วในยุคนั้นบอลลูน เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างหรือเปล่า

บอลลูน พินทุ์สุดา : ในยุคนั้นก็มีนะคะ เพราะว่าอินเตอร์เน็ต คนที่เข้าไปพิม เขาไม่ต้องเปิดเผยตัวตนไง เขาจะพิมอะไรก็ได้ที่เขาเรียกว่าเกรียนคีย์บอร์ดใช่ไหมคะ ก็จะมีคนเข้าไปพิม แต่เราจะไม่ได้เป็นคนที่อ่านทุกคอมเมนต์อยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเรา แต่ที่เคยเจอต่อหน้าต่อตานะคะ ก็จะมีคนมาที่หน้าบ้าน เราก็จะให้บอกไปว่าไม่เราไม่ได้อยู่ แต่บางคนก็เอาของมาให้ที่บ้านนะคะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขารู้ว่าบ้านเราอยู่ไหนได้ยังไง อันนี้เรียกว่าคุกคามมากที่สุดค่ะ


ถาม ซึ่งสมัยนั้นอาจจะยังไม่ได้มีการคุกคามแบบส่งข้อความมาหาเราทางโซเชียล แต่ตอนนั้นก็มีข่าวลือว่าบอลลูน ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว

บอลลูน พินทุ์สุดา : ใช่ค่ะ เพราะอย่างที่บอกคือในอินเตอร์เน็ตข่าวมีทั้งจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ก็มีข่าวว่าเราประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทางรถยนต์ที่จังหวัดลพบุรี ก็มีพี่ๆ นักข่าวหัวใหญ่เลยนะคะ โทรมาว่าแบบเกิดเรื่องอย่างนี้จริงไหม เราก็บอกว่าไม่มีค่ะ แล้วเราก็ไม่ได้ไปลพบุรีด้วย

ถาม หายหน้าหายตาไปนานมาก หายไปไหนมา

บอลลูน พินทุ์สุดา : เปิดบริษัทด้วย แล้วก็เรียนต่อด้วย ก็เลยยุ่งๆ ถามว่าหายไป นานขนาดไหน ก็ต้องบอกว่านานเหมือนกันนะคะ อย่างเล่นหนังล่าสุดคือที่เราได้รับเป็นบทอาอี๊ เราเลยรู้สึกว่าไม่เอาแล้วดีกว่า ต่อไปเราคงเป็นอาม่า เราก็เลยคิดว่าไปเรียน ไปเปิดบริษัท ไปทำอะไรที่เป็นของตัวเองดีกว่า แต่เราไม่ได้หนีวงการนะคะ แต่งานของเราจะเปลี่ยนไป เพราะแต่ก่อนเราเล่นหนัง เราเป็นนางเอก แต่ตอนนี้มาเป็นอาอี๊เลยไม่เอาแล้วดีกว่า แต่ว่าถ้าตอนนี้ติดต่อมา ถามว่าจะรับไหม ถ้าเป็นคนที่เราเคยร่วมงานด้วย เราก็โอเค ยินดีที่จะรับนะคะ


ถาม ตอนนี้ไปเรียนปริญญาเพิ่ม แล้วเปิดบริษัททำงานเบื้องหลัง

บอลลูน พินทุ์สุดา : ใช่ค่ะ ทำเบื้องหลังโปรดักชั่นเฮ้าส์ ทำอีเว้นท์


ถาม แต่มีคนบอกว่าเป็นออแกไนซ์ที่เขี้ยวมากๆ

บอลลูน พินทุ์สุดา : เพราะเราชอบต่อราคาเพื่อนๆ นักแสดง แต่ถ้าเขาไม่ให้ เราก็เข้าใจเขานะคะ เพราะว่าเราเคยอยู่เบื้องหน้ามาก่อน เราก็พอจะรู้ว่าเรทราคาของแต่ละคนอยู่ประมาณไหน เราจะบอกเขาก่อนอยู่แล้วว่ามีงบเท่านี้ไหวไหม ที่มาทำออแกไนซ์ เพราะว่าน้องชายทำอยู่แล้ว ส่วนตอนแรกที่เราทำคือเราเข้ามาติดต่อดารา ศิลปินให้เขา แล้วพอเราทำแล้วเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำงานของเขามาก เราก็เลยลงมาเต็มตัว


ถาม แต่ในช่วงที่กำลังโด่งดัง เราก็ไปเจอโรคที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว

บอลลูน พินทุ์สุดา : เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แล้วเราเจอช้า บางคนที่เขาเป็นเหมือนเรา เจอเร็ว เขาก็จะมีเวลารักษาได้ดีกว่าเรา แต่พอเราเจอ อีกนิดเดียวคือต้องผ่าตัดแล้ว แต่ผ่าตัดมันอันตราย จะต้องผ่าเปิดช่องอก แหวกซี่โครงเข้าไป เพื่อจะซ่อม ถ้าซ่อมไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ลิ้นหัวใจมีอยู่ 3 อย่าง คือแบบโลหะ ใช้ของหมูของวัว แล้วอีกอย่างคือลิ้นหัวใจของมนุษย์ ตอนแรกเราอยากได้ลิ้นหัวใจของมนุษย์ เพราะผลข้างเคียงน้อยที่สุด แต่เราได้คุยกับคุณหมอแล้วว่าในเคสเราทำไม่ได้ เป็นลิ้นหัวใจส่วนที่ใช้ของมนุษย์ไม่ได้

บอลลูน พินทุ์สุดา : อาการตอนแรกคือเดินขึ้นบันได้ก็เหนื่อยแล้ว เราก็คิดว่าเราเป็นอะไร ทำไมคนอื่นดูแข็งแรงกว่า เราไปลองวิ่ง วิ่งนิดเดียวก็เหนื่อยเกินคนปกติทั่วไป หัวใจของเราก็จะเต้นผิดจังหวะและเร็วตลอดเลยค่ะ คือจริงๆ แล้วอันตราย เราเลยต้องใส่นาฬิกาสมาร์ทวอช จะขึ้นมาเลยว่าหัวใจของเราเต้นยังไงผิดปกติไหม ซึ่งการเต้นของหัวใจเราจะขึ้นร้อยกว่าตลอด เลยต้องทานยาควบคุมการเต้นของหัวใจตลอดเวลา ซึ่งคุณหมอบอกว่าต้องควบคุมให้ดี แต่เราก็ยังแอบไปดำน้ำนะคะ เพราะการดำน้ำเป็นสิ่งที่เราชอบ เราชอบการผจญภัย ชอบเล่นสกี ชอบดำน้ำ ซึ่งการดำน้ำมันไม่ค่อยดีต่อหัวใจอยู่แล้ว คุณหมอบอกเลยว่า บอลลูน ไม่ควรไปดำน้ำ คุณหมอคนนี้พูดแรงมากว่า ถ้าไม่เชื่อหมอ ไม่ต้องมาหาหมอ ให้ไปหาสัปเหร่อ พูดต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่ด้วย แต่ด้วยตอนนั้นเราหยุดยาเองด้วย คือเราทั้งไปดำน้ำและก็หยุดยา เพราะเรารู้สึกว่าคุณหมอบอกว่าเราเป็นตั้งแต่เกิด เราเลยคิดว่าถ้าเราเป็นตั้งแต่เกิดแล้วเราใช้ชีวิตมาถึงทุกวันนี้ได้ เราไม่เห็นต้องพึ่งยาเลย ถ้าเราพึ่งยาตั้งแต่ตอนนี้ เราก็กินไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิตเราแน่นอน จนกว่าจะผ่าตัด ก็เลยหยุดยาไปเองเลย ซึ่งถ้าเราทานยาจะไม่เหนื่อยมาก แต่เราคิดว่าไม่เอา เราไม่อยากกินยาตลอดชีวิต คุณหมอดุอย่างแรงเลยค่ะ ตอนนี้กลับมากินยาเหมือนเดิม เลิกดื้อแล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่หยุดดำน้ำ แต่เราดำน้ำน้อยลง เพราะคุณหมอบอกว่าการดำน้ำเราต้องลงไปอยู่ในน้ำด้วยความลึก 20 กว่าเมตร ถ้าสมมุติเราเกิดไม่ไหว เพราะการดำน้ำไม่ได้ขึ้นที่ร่างกายอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำด้วย ไม่มีใครมาช่วยเราทัน แต่เราก็สัญญากับคุณหมอว่าเราจะดำน้อยลง

ถาม แล้วมีบัดดี้ มีแฟนไปดูแลซัพพอร์ตไหม

บอลลูน พินทุ์สุดา : ไม่มีแฟน ไม่มีคนดูแล ไม่มีคนพาไปโรงพยาบาล


ถาม โสดมานานแค่ไหนแล้ว

บอลลูน พินทุ์สุดา : นานค่ะ นานมาก เพราะเมื่อก่อนเราเป็นคนที่เลือกเยอะ เหมือนหลายๆ คนที่แบบคนนี้ก็มีข้อดีอย่างนี้ อีกคนก็มีข้อดีแบบนี้ (แสดงว่าเมื่อก่อนเจ้าชู้) ก็เป็นบ้าง แต่ก็ไม่ได้เยอะมากนะ แต่พอหลังจากนั้นก็ไม่มีให้เลือก ก็โสดค่ะ แต่ก็มีคนที่แบบดูแลกันไป คุยกันไป แต่ก็ไม่ได้เป็นคนที่จะสามารถพัฒนาไปเป็นอย่างอื่นที่สมบูรณ์แบบที่เราอยากจะให้เป็นได้ค่ะ แต่ถามว่าโสดแล้วสุขไหม ก็ไม่ได้สุขนะคะ เพราะเราก็อยากให้มีคนที่เขาอยู่ข้างๆ เรา เวลาที่เราไปหาหมอ ส่วนสเปกตอนนี้ไม่ค่อยมีแล้วค่ะ คุยรู้เรื่องเข้ากันได้ เท่านี้ก็โอเค


ถาม อีกเรื่องที่จะไม่ถามไม่ได้คือเป็นคนที่สวยธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์

บอลลูน พินทุ์สุดา : ใช่ค่ะ ร้อยเปอร์เซ็นต์ เรากลัวทั้งมีดหมอและเข็มฉีดยา แล้วก็เลเซอร์ยังไม่เคยทำเลยค่ะ เพราะเรากลัวไม่กล้าทำเพราะกลัวเจ็บ