เราเลือกผู้ชายได้! "แอน จักรพงษ์" ยังไม่ยกใครเป็นพ่อของลูก รอให้ลูกช่วยตัดสินใจ

24 ธ.ค. 63

ปังไม่หยุด ฉุดไม่อยู่แล้วจริงๆ สำหรับ "แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์" ติดอันดับเศรษฐีหุ้นอันดับที่ 149 ของประเทศไทย และถือเป็นสตรีข้ามเพศที่รวยอันดับ 1 ในประเทศไทย, อันดับ 1 ในเอเชีย และเป็นอันดับ 3 ของโลก ล่าสุดได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ ต้มยำอมรินทร์ เปิดชีวิตที่ต้องต่อสู้จากศูนย์จนรวยล้นฟ้าแบบวันนี้ แถมความรักก็รุ่งสุดๆ ควงหนุ่มโคตรหล่อ "เคิร์ก บอนแดด" อวดความสวีทกลางรายการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ตุ๊ก ญาณี" ขอเคลียร์ข่าวเป็นนักแสดงเรื่องมาก แถมยังค่าตัวแพง!
- "กอล์ฟ อนุวัฒน์" ขึ้นแท่นเจ้าพ่อซีรีส์วาย เล่นดีจนถูกมองว่า แอ๊บแมน!
-"ลำยอง หนองหินห่าว" แต่งงานแก้เคล็ด เพราะอยากมีลูก
- "ตู้ ดิเรก" เผยประสบการณ์เต้นยับจนตกเวที เปิดใจไม่ยอมผ่าตัด กลัวเต้นไม่ได้ตลอดชีวิต!

- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่    

s__66527305

ถาม ล่าสุด แอน จักรพงษ์ ถูกจัดให้เป็นสตรีข้ามเพศที่รวยเป็นอันดับที่ 3 ของโลก จากนิตยสารชื่อดัง และพูดได้ว่าเป็นคนไทยคนเดียวที่เข้าไปอยู่ตรงนั้น เพราะที่เหลือเป็นอเมริกาหมดเลย

แอน จักรพงษ์ : เป็นคนไทยคนแรกและคนเอเชียด้วย ก็ต้องขอบคุณนิตยสารฟอร์บส์ด้วยค่ะ แต่ว่าสิ่งที่เราทำ เราต้องถ่อมตัวนะแล้วเราก็ต้องเรียนรู้ในเรื่องของการทำงานและวิสัยทัศน์ที่เราต้องก้าวต่อไป มันหยุดตรงแค่จุดนี้ไม่ได้ ตอนที่เขาประกาศชื่อออกมา เราก็ตกใจเหมือนกันนะคะ


ถาม เรารู้ล่วงหน้าไหม เขามีการติดต่อเรามาหรือเปล่าที่เราจะได้รางวัลนี้

แอน จักรพงษ์ : ไม่มีเลยค่ะ มี interview แต่ต้องบอกก่อนว่า JKN คือบริษัทที่ติด 200 บริษัทที่ดีที่สุด The Best two hundred of Asia อยู่แล้วในปีนี้ พอประกาศออกมาปุ๊บ ผลกำไร รายรับ รายได้ของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ พอเขาเห็นแล้วอันนั้นคือชัดเจน แต่พอมาถึงตัวแอนเอง เขาก็มา interview แล้วท้ายที่สุด พอเขาไปประมวลเรื่องทรัพย์สิน เงินสด ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็ตัวหุ้นที่ถืออยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในและนอกประเทศเลยจัดให้เราติดเป็นอันดับที่สาม ส่วนอันดับที่หนึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม อายุประมาณจะ 70 แล้ว ส่วนคนที่สองเป็นนักวิทยาศาสตร์ อายุประมาณ 60 กว่า ก็เป็นคนอเมริกาเหมือนกัน ส่วนคนที่สี่คือคนที่สร้าง The Matrix


ถาม ทุกครั้งที่ แอน จักรพงษ์ ไปที่ไหน ต้องมาเป็นขบวน มีคนติดตาม แล้วคนที่มากับเขาคือมาทำงาน ทุกคนมีหน้าที่ ปกติแล้วเคลื่อนขบวนกี่คน

แอน จักรพงษ์ : ปกติแล้วมาประมาณ 7-10 คน คือช่างแต่งหน้าทำผม คนละหนึ่งแล้วใช่ไหมคะ เสื้อผ้า เลขา ช่างกล้องส่วนตัว แล้วก็ทีมโซเชียล แต่ถ้ามีงานอีเว้นท์ที่เพิ่งจัดที่สยามพารากอน ก็ต้องมีบอดี้การ์ดอีกประมาณ 8 คน แล้วการจัดงานของเรา เราไม่เคยจ้างออแกไนซ์นะ เราทำเองหมดเลย เพราะเป็นบริษัทในเครืออีกบริษัทที่เราทำ เพราะฉะนั้นเราเลยกลายเป็นคนที่ต้องคิดงานเยอะมาก ใช้พลังเยอะมาก แล้วไหนต้องเลี้ยงลูก เฉพาะเสาร์ อาทิตย์ถึงได้เจอ เพราะภารกิจมันเยอะ แต่ในความเป็นแม่ แม่ค้า แม่ทัพ แล้วก็เป็นแม่แอนของแฟนคลับทุกคน เพราะฉะนั้นแล้วเราต้องการคนรอบข้างที่มาซัพพอร์ตบทบาทของเรา ไม่งั้นพูดตรงๆใครจะไปทำไหว หมดแรงแล้ว เราก็ต้องการคนที่มาคิดงานให้เป็นทีมเดียวกับเรา ไม่ได้เว่อร์วัง แต่เป็นเรื่องจริงสำหรับคนที่ทำงานบริหาร งานปีนึงเป็นพันเป็นหมื่นล้าน ถ้าไม่มีคนรอบกาย มันจะเป็นไปได้ยังไง บางเรื่อง

s__66527300

ถาม เรื่องบางเรื่องเราก็ให้คนบางคนทำ ส่วนเราก็ทำในส่วนที่สำคัญจริงๆ เก็บพลังไว้แบบนั้น แต่ใครจะเชื่อว่าเป็นเจ้าแม่ความงามทุกอย่าง แต่ว่าแต่งหน้าเองไม่เป็น

แอน จักรพงษ์ : (หัวเราะ) แต่งไม่เป็นเลย เพราะเราเพิ่งจะมาเป็นผู้หญิงเต็มตัว สองปีกว่าเองนะ เขียนคิ้วอะไรไม่เป็นเลย แค่รองพื้น ทาลิปสติก แล้วก็ทำงานเลย นอกนั้นทำอะไรไม่เป็นเลย เคยลองแต่งเองนะ ออกมาเป็นผีเลย เพราะเราไม่มีเวลาคิดเรื่องการแต่งหน้า เวลาเราตื่นมา มีคนเตรียมชุดให้ ขึ้นรถปุ๊บ นอน แล้วช่างแต่งหน้าแต่งให้เราบนรถเลย จะแต่งหน้าแต่งตัวบนรถตลอดเวลา  เวลาในการแต่งหน้าก็ครึ่งชั่วโมง หรือ 45 นาที แล้วแต่ว่าไปช่องไหน ไปเจอลูกค้าที่ไหนคนไหน พอเราลงจากรถ เราต้องสวยเป๊ะแล้ว

แอน จักรพงษ์ : รถที่เรานั่งมีครบทุกสิ่งทุกอย่าง เลยต้องมีคนดูแล บริการเราหมด บางครั้งเรามีภารกิจเยอะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราก็เลยคิดว่าใจเย็นไปก่อน แล้วค่อยไปเรียนแต่งหน้าทีหลัง ก็เรียนจากช่างแต่งหน้าเราเอง เรียนแบบเบสิคๆ ไป ปรากฏว่าผู้ชายที่เขาอยู่กับเรา บอกให้เราพักหน้าไปเลย ไม่ต้องแต่ง เขาบอกว่าผิวเราก็สวยอยู่แล้ว เราไม่ต้องแต่งเลย เวลาที่เราไม่ออกสื่อ ไม่ไปไหน อยู่บริษัท คือไม่แต่งหน้าเลย นั่งทำงานอย่างเดียว เพราะที่บริษัทเขาต้องการแม่ทัพ เขาไม่ได้ต้องการนางงาม มานั่งเป็น CEO บริษัท เพราะฉะนั้นเราต้องใช้สมอง ใช้พลังในการที่จะให้บริษัทมีการก้าวหน้า เจริญเติบโตไปเยอะๆ เพราะฉะนั้นที่เราจะแต่งหน้าทำผมคือ ไปงานหรือมีแขกเท่านั้นพอ


ถาม แต่ใครๆ บอกว่าสวย แต่ที่ผ่านมาไม่มีความมั่นใจจมูก

แอน จักรพงษ์ : ใช่ค่ะ ก็ไม่มีอะไรมาก ม่ได้ไม่ถึงกับไม่มีความมั่นใจนะ แต่คนจะชอบวิพากษ์วิจารณ์ว่าตรงนั้นเพิ่มหน่อยสิ ตรงนี้เพิ่มนิดนึงสิ ก็แล้วแต่คน แต่ถ้าถามถึงความพึงพอใจในความสวยของตัวเองเท่าที่จะเป็นแล้ว เพราะฉะนั้นมันจะมีอะไรบ้างที่คนไม่ชอบ หรือว่าเราคิดว่ามันไม่ถูกใจร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่าไปเสพติดศัลยกรรม แค่เสพติดความสวยก็พอ สวยในแบบฉบับของเรา ใครจะพูดอะไรก็แล้วแต่ เขาจะพูดก็ปล่อยเขาไปเถอะ มันไม่มีใครเพอร์เฟคหรอก ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยไปเถอะ ถ้าเราพึงพอใจในความงามของเราแล้ว เสพติดความสวยของตัวเราเองเท่านี้พอแล้ว แล้วเราก็ดูแลรูปร่างหน้าตาผิวพรรณ เราจบ นิสัย มารยาท คือองค์ประกอบด้วยเช่นเดียวกัน แต่ว่าดิฉันไม่เสียความมั่นใจค่ะ

 

ถาม ที่มีข่าวว่า คุณแอน กำลังจะบินไปยกเครื่อง ยกหน้าใหม่อีกรอบ ไม่จริงใช่ไหม

แอน จักรพงษ์ : ก็โควิดคงไปไม่ได้แล้ว ข้อที่หนึ่ง ยังไม่ได้มีแผนอะไร คนก็เขียนกันไปเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าจะไปทำจริงๆ บอกได้เลยว่าโรงพยาบาลให้เราฟรีอยู่แล้ว แต่อยากจะพูดตรงนี้ประกาศไปเลยว่าเราซื้อโรงพยาบาลศัลยกรรมแล้วในเมืองไทย เดี๋ยวจะประกาศไตรมาสที่หนี่ง ซื้อทั้งโรงพยาบาล เป็นศัลยกรรมทั้งหมด ตั้งชื่อเป็นบริษัท JKN ออร่า จำกัด เพราะตอนที่เราเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโรงพยาบาลที่เกาหลี รายได้ที่เขาได้รับคือ 9 หลักเลย แล้วเราเป็นนักธุรกิจ เราจึงมาเปิดเป็นของเราเอง และนำศิลปินดารามาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ด้วยค่ะ


ถาม ช่วงแรกพูดถึงลูกๆ ทั้งสอง แอนดรูว์-แองเจลิก้า เป็นยังไงบ้าง

เคิร์ก บอนแดด : ผมรักและชอบเป็นลุงของพวกเขา แต่ว่าใครจะรู้ว่าในอนาคตผมอาจจะเปลี่ยนสถานะไปเป็นพ่อของพวกเขาก็ได้

แอน จักรพงษ์ : ตอนนี้บอกเลยนะ ไม่ให้คำสัญญาอะไรกับใครทั้งสิ้น สำหรับดิฉันทุกคนคือสถานะเท่ากันหมด แต่ทุกคนรักดิฉันก็พอ ให้ลูกเรียกว่าลุง จะไม่ให้ใครเรียกเลยนะว่าเป็นพ่อ เพราะว่าแม่ยังไม่แน่ใจเลย แต่ถ้าแม่ประกาศปุ๊บ!! จะเหลือแค่คนเดียว แต่ตอนนี้ 4 คน คนแรกคืออังกฤษ คนที่สองเยอรมัน คนที่สามตุรกี คนที่สี่ก็คือเขาเป็นคนเยอรมัน

s__66527304

ถาม คนรอบตัวมีแต่สไตล์ที่หล่อๆ แบบนี้ แล้วมีไหมที่เราจะหลงเขา แล้วมีใครพิเศษไหม

แอน จักรพงษ์ : เราชอบผู้ชายโครตหล่อ ก็หลงทั้งสี่คน แต่ถ้าถามว่ามีหลงใครเป็นพิเศษไหม พูดตรงๆ มันมีอยู่แล้ว แต่บอกไม่ได้ว่าใคร


ถาม แต่ถามนิดว่าในที่สุดแล้วเราจะเลือกไหม

แอน จักรพงษ์ : เลือกค่ะ เหลือแค่คนเดียวพอ ไม่เกิน 4-5 ปี เพราะลูกจะรู้เรื่องแล้ว แล้วเราอยากให้ลูกเราเป็นคนตัดสินใจด้วยว่าใครคือคนที่เขาชอบ และเราก็ต้องดูว่าเขาเข้ากับลูกเราไหม แต่เคิร์กเขาเล่นกับลูกเราดีมากเลยนะ เข้าที่เข้าทางคือดีมาก แอนดรูว์ - แองเจลิก้า ชอบเขามาก แล้วคือที่บ้านเราจะพูดกันสามภาษา ภาษาไทย อังกฤษ เยอรมัน เพราะลูกของเราทั้งคู่เป็นเยอรมัน แล้วคุณพ่อ คุณแม่ของเราก็ช่วยดู แต่ที่สำคัญเลยนะ ผู้บริหาร พนักงานที่บริษัท ช่วยกันออกความคิด ถึงกับโหวตกันเลยนะคะ เคิร์ก เขาน่ารัก มีระเบียบวินัย พอคุยถึงพี่หมี ปวดหัวอะไรอย่างนี้ คนนั้นเขาจะแบดบอย เถื่อนๆ เขาเป็นคนรูปหล่อจนนิสัยเสียไง แต่เราก็บอกกับทุกคนนะคะ เพราะเราต้องอยู่กับพวกเขาในระยะยาวว่าถ้าทุกคนปฏิบัติตัวไม่ดีคือฉันมีวันที่เทพวกเธอนะ เราประกาศกับทุกคน แล้วคือ ที่สำคัญทุกคน พี่น้องเขาต่อยกันไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คือต้องแยกกันทำงาน เวลาไปไหนต้องไปรถคนละคัน

s__66527302

เคิร์ก บอนแดด : บางครั้งก็รักกัน บางครั้งก็เกลียดกัน ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่การแข่งขัน เพราะผมชนะแล้ว เพราะผมเป็นเจ้าของ พี่ชายของผมจะอิจฉาก็ได้ แต่ผมไม่ใส่ใจ

แอน จักรพงษ์ : เรารู้สึกว่าผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์เลือก ต้องมีสิทธิ์ออดิชั่น ถ้าเราแต่งงานไปแล้ว แล้วเรารู้สึกว่าไม่ชอบสามีคนนี้เลย เราจะแต่งไปทำไม แล้วอีกอย่างถ้าอยู่กันไป 3 ปี 7 ปี เวลาเลิกกัน ผู้ชายอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ผู้หญิงเวลาถูกทิ้งแล้วรู้สึกยังไง

แอน จักรพงษ์ : เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นผู้หญิงที่ต้องยืนหยัดให้ได้ด้วยตัวเอง เลี้ยงดูได้ด้วยตัวเอง แล้วก็คือเป็นผู้นำ ท้ายที่สุดแล้วผู้ชายจะเดินมาให้เราเลือก ไม่ใช่ให้เขาเลือกเรา แต่เราต้องเลือกผู้ชายได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส