"กัมพูชา" ระงับส่งแรงงานมาไทย หลังยอดโควิดพุ่ง

23 ธ.ค. 63
"กัมพูชา" ประกาศระงับส่งออกแรงงานมาไทยชั่วคราว ทั้งตาม MoU และตามฤดูกาล หลังยอดโควิด-19 ในไทยพุ่ง พร้อมคุมเข้มแนวชายแดน 

สำนักข่าวซินหัว รายงาน เมื่อวันจันทร์ (21 ธ.ค.63) กัมพูชาประกาศระงับการส่งออกแรงงานมายังไทยชั่วคราว หลังจากไทยตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนราว 300 กิโลเมตร

แถลงการณ์จากอึต ซอม เฮง รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของกัมพูชา ที่ส่งถึงหน่วยงานจัดหางานเอกชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระบุว่า “การส่งแรงงานไปยังไทยตามบันทึกความเข้าใจ (MoU) และตามฤดูกาลถูกระงับชั่วคราวตั้งแต่บัดนี้จนกว่าจะมีประกาศให้ทราบอีกครั้ง” พร้อมเรียกร้องบริษัทจัดหางานทำงานร่วมกับนายจ้างหรือสมาคมนายจ้างชาวไทย ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่แรงงานอพยพชาวกัมพูชาในไทย

ทั้งนี้ ไทยเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของแรงงานกัมพูชา โดยข้อมูลจากกระทรวงฯ ชี้ว่ามีแรงงานกัมพูชาทำงานอยู่ในไทยราว 1.1 ล้านคน 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับแรงงานกัมพูชาลอบเข้าเมือง เค้นสอบพบชำนาญเส้นทาง-พูดไทยคล่อง
- สถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศไทย 23 ธ.ค. ป่วยใหม่ 46 ราย ไม่รวมแรงงานต่างด้าว

ขณะเดียวกัน ซอม เฮง ยังเรียกร้องเหล่าแรงงานตั้งสติและปฏิบัติตามแนวทางสาธารณสุขเพื่อป้องกันการระบาดใหญ่ รวมถึงสวมหน้ากากอนามัยอย่างเหมาะสม ล้างมือสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด

ด้านแถลงการณ์จากกระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชาเมื่อวันอาทิตย์ (20 ธ.ค.) แนะนำทางการท้องถิ่นใช้มาตรการสาธารณสุขตามแนวชายแดนที่ติดกับไทยอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น โดยแมม บุญเฮง รัฐมนตรีกระทรวงฯ เรียกร้องหน่วยงานชายแดนตรวจสอบข้อมูลสุขภาพของผู้เดินทางขาเข้าทุกคน ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และให้พวกเขากรอกข้อมูลด้านสุขภาพ

“ผู้เดินทางทุกคนที่เดินทางเข้ากัมพูชาจำเป็นต้องกักกันตัวตามคำสั่ง 14 วัน ขณะที่ตัวอย่างสิ่งส่งตรวจของพวกเขาจะถูกส่งไปตรวจที่สถาบันปาสเตอร์แห่งกัมพูชา สถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ หรือโรงพยาบาลจังหวัดเสียมราฐในวันที่เดินทางเข้าประเทศ” แมมกล่าว พร้อมเสริมว่าหากใครมีอาการต้องสงสัยของโรคโควิด-19 สามารถโทรศัพท์ไปที่สายด่วน 115 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ กัมพูชาตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 363 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยหายดี 345 ราย และยังไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม