สาวแม่ลูกอ่อนเมีย “บอย” แฉปมผัวฉุดเมียเก่าจับตัวประกัน สุดห่วงถูกวิสามัญ (คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ยุพิน จันทร์ศรี" ลงภาพนิ่งและเล่าเรื่องราว ระบุว่า "ใครเห็นหรือเจอผู้ชายและน้องผู้หญิงในรูปนี้ช่วยแจ้งเบาะแสให้หน่อยนะคะ คือน้องผู้หญิงเขาโดนผู้ชายคนนี้ฉุดไปจากที่ทำงานเมื่อวานนี้ค่ะ ใครเจอช่วยแจ้งไปที่ตำรวจให้หน่อยนะคะ #ตอนนี้ครอบครัวเป็นห่วงน้องมากเลยค่ะ #หรือแจ้งมาในเฟสนี้ก็ได้ค่ะ ช่วยแชร์ให้หน่อยนะคะ ขอขอบคุณล่วงหน้านะคะ"

ล่าสุด วันที่ 18 ธ.ค. 63 พบเบาะแสรถยนต์ของนายวรวิทย์ เตียวเจริญกิจ หรือ บอย อายุ 38 ปี ประสบอุบัติเหตุจอดเสียอยู่ข้างทาง ก่อนจะพาตัวนางสาวปอ อดีตแฟนสาว หลบหนีไป โดยมีภาพจากกล้องหน้ารถยนต์ของชาวบ้านบันทึกไว้ได้ ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งแกะรอยติดตามจับกุมตัว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เจอตัวแล้ว บอยผัวโหดอุ้มตัวเมียหนีรถแหกโค้ง สุดแสบเปลี่ยนทะเบียนหวังตบตาตำรวจ (คลิป)
- ผัวโหดปืนจี้หัวอุ้มตัวเมียโผล่สุพรรณ เผยภาพโทรมาเย้ยแม่ยาย ซ้อมเมียหน้าเละ (คลิป)

วันที่ 19 ธ.ค. 63 ทีมข่าวตรวจสอบในเฟซบุ๊กคนใกล้ชิดของนายบอย มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความเมื่อเวลา 10.30 น. ระบุว่า "เรื่องของผัวเมียเขา เราคนนอก ไม่ต้องยุ่งใช่มั้ย?? ยินดีด้วยนะ กลับคืนสู่ "นรก" ที่เธอเคยบอกไว้ไง เห็นว่าอยากได้คืนจนลงทนฟ้อง ก็เลยคืนให้ เป็นไงล่ะมึง!!! XXกันสะให้พอ ใครหน้าไหนก็อย่ามายุ่งกะ คูค่ะ กูเดินออกมาให้แล้ว ที่เหลือคือ "กรรมใคร กรรมมัน" ..."

ซึ่งข้อความดังกล่าว บุคคลที่ออกมาโพสต์เป็นคนรู้จักนายบอย คือ นางสาวอร แฟนคนปัจจุบันของนายบอย ที่เพิ่งจะคลอดลูกได้ 25 วัน รวมถึงข้อความอีกว่า  "จากรัก กลายเป็นความแค้น ปล่อยเ-ี้ยคืนสู่ธรรมชาติ" 

นางสาวอร แฟนสาวของนายบอย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตนเองเข้าใจหัวอกของนายบอย เพราะที่ผ่านมานายบอยมักจะเล่าและปรึกษาแบบเปิดใจกับตัวเองทุกเรื่อง ล่าสุด ก่อนที่นายบอยจะก่อเหตุช่วงเช้าของวันที่ 15 ธ.ค. ได้พูดคุยตนเองผ่านโทรศัพท์ทำนองว่าต้องการที่จะชำระแค้น และเคลียร์ปัญหากับนางสาวปอ แฟนเก่าที่เลิกรากันไปแล้วกว่า 2 ปี เนื่องจากถูกนางสาวปอตามรังควาน โพสต์ประจาน ทำนองว่าเป็นผู้ต้องหา เป็นคนร้าย และยังมีการแจ้งความจับนายบอย นข้อหาลักทรัพย์ จากนั้นก็ได้มีการโพสต์ประจาน นำใบแจ้งความไปโชว์ให้เพื่อนของนายบอยเห็นจนเกิดความอับอาย ประกอบกับมีการดำเนินการฟ้องหย่าในชั้นศาล และต้องการให้ทรัพย์สมบัติที่ซื้อร่วมกัน คือบ้านจัดสรรค์ มูลค่า 2-3 ล้านบาทที่จังหวัดชัยภูมิตกเป็นของนางสาวปอ เนื่องจากนายบอยไปมีครอบครัวใหม่ แต่บ้านหลังนั้นกล่าวเป็นการกู้ซื้อร่วมกัน เป็นชื่อร่วม

หลังจากที่นายบอยเลิกรากับนางสาวปอ มีการเข้าไปขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ในบ้านออกมาบางส่วน ทำให้นางสาวปอไม่พอใจ แล้วมีการแจ้งจับนายบอยในข้อหาลักทรัพย์ นอกจากนี้ ก่อนที่นายบอยจะไปก่อเหตุช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน ได้วานให้ตนเองไปซื้อลูกกระสุนปืน 9 มม. จำนวนหนึ่งเอามาให้ บอกว่าเพื่อนฝากซื้อ สุดท้ายเพิ่งมาทราบว่านายบอยใช้ไปก่อเหตุ

หลังจากที่นายบอยตัดสินใจจะอุ้มนางสาวปอ ตนเองก็ได้มีการพูดคุยกับนายบอยตลอด พยายามห้ามปราม และขอให้ได้บอยเลิกอคติ แชตพูดคุยกันตลอดว่า "พอเถอะ ปล่อยมันไป สงสารลูกเถอะ" จากนั้น นายบอยก็ได้พูดคุยกับตนเองผ่านทางโทรศัพท์ว่า "งานนี้ต้องมีคนตาย ถ้าปอไม่ตาย พี่จะไม่มอบตัว จะไม่กลับไปหาอร" จากนั้น ตนเองก็ไม่ได้ติดต่อกับนายบอย จนกระทั่งช่วงเวลา 22.32 น. นายบอยได้ส่งข้อความกลับมาว่า "ป๊ารักมามิ๊กับลูกที่สุดในชีวิต" พร้อมกับส่งรูปของนางสาวปอที่มีใบหน้าช้ำเขียวเข้ามาในแชตข้อความ

โดยที่ผ่านมานายบอยเป็นคนที่มีนิสัยโกรธง่าย อารมณ์ร้อน และมักจะทำร้ายทุบตีผู้หญิง ซึ่งตนเองก็เป็นคนหนึ่งที่โดนทำร้ายร่างกาย ในตอนที่เริ่มตั้งท้องได้ประมาณ 6 เดือน ถูกนายบอยซ้อมทำร้าย แต่นายบอยไม่ได้แตะต้องบริเวณท้อง มีเพียงชกต่อยด้วยกำปั้น ตบตีที่ใบหน้าและศีรษะ ไม่ได้ใช้อาวุธ ส่วนใหญ่ที่ตัวเองทะเลาะมีปากเสียงกับนายบอย เป็นเพราะว่าคุยกันไม่เข้าหู แต่ตัวเองเลือกที่จะเดินหนีโดยไม่เคลียร์ปัญหา จึงทำให้นายบอยไม่พอใจ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องประเด็นชู้สาว

อย่างไรก็ตาม หากนายบอยติดตามข่าว อยากจะฝากบอกว่ามอบตัวเถอะ พอได้แล้ว อรยังรักเหมือนเดิม อย่างน้อยมอบตัวตอนนี้ติดคุกออกมายังได้เจอลูก แต่ถ้ามีการก่อเหตุไม่คาดคิดก็กลัวว่าจะไม่ได้เจอลูกเมียและญาติ ๆ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ และมีคนไม่รู้เรื่องเข้ามาเกี่ยวข้องหลายคนแล้ว และห่วงว่าอาจจะถูกวิสามัญได้

ขณะที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางสายสวรรค์ แม่ของนางสาวปอ ได้พูดคุยกับ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ และกล่าวขอบคุณทางมูลนิธิมากที่ให้ความช่วยเหลือ และเชื่อว่านายบอยน่าจะรู้สึกแค้นตน เพราะตนเคยไปด่าทอนายบอย ส่วนสาเหตุที่ย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะคิดว่ากลับบ้านไปแล้วเกรงว่าเหตุการณ์จะรุนแรง ตนขอขอบคุณ และวอนให้สื่อมวลชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือให้ทุกคนปลอดภัย