พลิกแผ่นดินล่า อส.โหดยิงแสกหน้าแม่ยาย อดีตเมียแฉถ้าไร้คนช่วยคงตายยกครัว (คลิป)

จากกรณีทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับการร้องเรียนจากนางสาวพิมพ์นภา ถิ่นวงศ์เกลอ อายุ 29 ปี ภูมิลำเนาหมู่ที่ 10 บ้านพรุปริง ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ว่าเมื่อกลางดึกของวันที่ 14 ธ.ค. 63 ขณะที่เจ้าตัวพร้อมนางพรเพ็ญ แจะซ้าย อายุ 47 ปี แม่ และนายชัยพจน์ ทอดสวัสดิ์ อายุ 52 ปี สามีใหม่ของแม่ และหลายชายวัย 3 ขวบ กำลังนอนอยู่ในบ้าน

มีนายฉัตรชัย แสงสวัสดิ์ หรือ โต้ง อายุ 35 ปี อดีตสามีที่เลิกรากันไปเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ตอนครึ่งสีดำ มาจอดที่หน้าบ้านเพื่อมาง้อ แต่แม่เข้าไปห้ามปราม จนสุดท้ายอดีตสามีจ่อยิงหน้าผากแม่จนเสียชีวิต

วันที่ 17 ธ.ค. 63 งานศพของนางพรเพ็ญ แจะซ้าย อายุ 47 ปี ผู้เสียชีวิต จัดขึ้นที่บริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุ รรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะทิว จ.ชุมพร กว่า 10 นาย ได้มายืนประจำการดูแลความปลอดภัย

นางสาวพิมพ์นภา ถิ่นวงศ์เกลอ อายุ 29 ปี อดีตภรรยาผู้ก่อเหตุ และเป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนคบหากับ อส.โต้ง มาประมาณ 13 ปี จดทะเบียนสมรส โดยมีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกสาวอายุ 11 ปี และลูกชายอายุ 9 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้พักอาศัยอยู่ในบ้านพัก อส. ในพื้นที่ของอำเภอพะโต๊ะ จ.ชุมพร

โดยที่ผ่านมา อส.โต้ง ค่อนข้างที่จะหึงหวงตน ชอบชวนทะเลาะจนถึงขั้นลงมือตบตี บางครั้งก็ไปฉุดกระชากถึงที่ร้านกาแฟที่ตนทำงาน และมักจะข่มขู่ว่าจะฆ่าตนด้วยการนำข่าวที่เกี่ยวกับการฆาตกรรมส่งมาให้ดู และบอกว่าจะทำเหมือนในข่าว ทำให้เป็นปัญหาสะสมที่ทำให้อยากเลิกราตลอดมา

กระทั่งเมื่อ 4 เดือนก่อน ตนได้ตัดสินใจเลิกราและเก็บข้าวของหนีไปอยู่เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี เพื่อไปทำงาน จากนั้น อส.โต้ง ก็โทรมาง้อ และบางครั้งก็ข่มขู่ว่าจะตามมาฆ่า ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าเขาจะทำจริง ๆ กระทั่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ตนเดินทางกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้านใน อ.ปะทิว จ.ชุมพร ในจุดที่เกิดเหตุ คาดว่า อส.โต้งทราบข่าวว่าตนกลับมาเยี่ยมแม่ เขาจึงตามมาทำร้ายตน

วันเกิดเหตุ ตนเข้าไปแอบที่ห้องหลังบ้าน และแม่ของตนเข้าไปห้ามปราม อส.โต้ง ทำให้แม่ถูกยิงเข้าที่กลางหน้าผาก ซึ่งแม่ของตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับลูกเขยมาก่อน แต่ตนเชื่อว่าสาเหตุที่ อส.โต้ง ยิงแม่ของตน เพราะเขาเข้าใจว่าแม่เป็นคนกีดกันไม่ให้ตนคืนดีกับ อส.โต้ง

ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ กระทั่ง 6-7 ปี ช่วงที่ได้รับตำแหน่ง อส. เริ่มมีหน้าที่การงาน มีการพกพาอาวุธ ก็ทำให้เขาเริ่มอารมณ์ร้อนมากขึ้น ชอบตบตีตน ซึ่งด้วยเหตุนี้ที่ทำให้ตนไม่อยากกลับไปคืนดีกับเขา

อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ตำรวจเร่งจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะตอนนี้ญาติ ๆ ต่างหวาดระแวง กลัวเขาจะย้อนมาก่อเหตุที่งานศพ และตนก็อยากให้เขามาขอขมาศพแม่ของตน เพราะแม่รักเขาเหมือนลูก ให้เขาหมดทุกอย่าง แต่กลับมาทำร้ายแม่อย่างนี้ ส่วนตนก็ยังทำใจไม่ได้

นายบอย (นามสมมติ) อายุ 30 ปี พยาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 ธ.ค. 63 เวลา 18.00 น. อส.โต้ง ได้ขับรถกระบะมาจาก อ.พะโต๊ะ เพื่อมาร่วมงานวันเกิดของเพื่อนอีกคนโดยจุดที่นั่งดื่มเหล้ากัน อยู่ห่างจากบ้านของนางพรเพ็ญประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างที่ดื่มสังสรรค์ ตนก็สังเกตว่า อส.โต้ง ก็ไม่ได้ดื่มเหล้ามากนัก ไม่ได้เมา แต่นั่งเงียบ ๆ เคร่งขรึมตลอด

กระทั่งช่วงเที่ยงคืน อส.โต้ง ได้พยายามโทรหา น.ส.พิมพ์นภา อดีตภรรยา แต่น่าจะโทรไม่ติด หลังจากนั้น ท่าทีของ อส.โต้ง ก็เปลี่ยนไป เริ่มลุกลี้ลุกลนและขับรถกระบะไปที่บ้านของนางพรเพ็ญ เพื่อไปหา น.ส.พิมพ์นภา ซึ่งตนเห็นท่าไม่ดี คิดว่าต้องเกิดเรื่องร้ายแน่นอน จึงได้โทรหา น.ส.พิมพ์นภา บอกให้เจ้าตัวหนีออกจากบ้านไป แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่รู้จะหนีไปไหน ตนจึงรีบวางสายและขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตามรถของ อส.โต้งไปทันที

เมื่อขี่มอเตอร์ไซค์ไปถึงบ้านของนางพรเพ็ญ ก็พบนายชัยพจน์ สามีของนางพรเพ็ญ วิ่งอยู่ที่ถนนหน้าบ้าน และบอกว่า อส.โต้ง ได้ยิงนางพรเพ็ญเสียชีวิตแล้ว ตนจึงได้รีบพาตัวนายชัยพจน์เข้าสวนยางข้างทางเพื่อหลบซ่อน ขณะเดียวกันก็เห็นรถกระบะของ อส.โต้ง ขับออกไป

นอกจากนี้ พ่อของผู้ก่อเหตุ บอกเพียงสั้น ๆ ว่า ลูกชายผมเขาทำผิดก็ต้องมอบตัว