ผู้ว่าฯ ททท.แถลงเลื่อนจองที่พัก "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 2 หลังพบโรงแรม 312 แห่ง ร้านค้าอีก 200 ร้านทุจริต รวมกว่า 500 แห่ง เตรียมประสาน ก.คลัง-กรุงไทย เอาผิดทั้งอาญา, แพ่ง
กรณีโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เฟส 2 ที่ ครม.มีมติให้ขยายโครงการไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 64 โดยจะเปิดให้ใช้สิทธิ์ในการจองที่พักโรงแรมในวันที่ 16 ธ.ค. 63 นี้นั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศบศ. ขยายสิทธิ์ “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” รอเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า
- ครม.ไฟเขียว! ต่ออายุ "เราเที่ยวด้วยกัน" ถึง 31 ม.ค.64-ใช้สิทธิจังหวัดตัวเองได้
- คลังเตือนธุรกิจที่พัก “เราเที่ยวด้วยกัน” อย่าฉวยโอกาสขึ้นราคา ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 63 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงข่าวด่วนว่าอาจจะต้องขอเลื่อนการจองโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 2 ออกไปสักระยะ หลังพบว่า อาจมีโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการทุจริต ประมาณ 312 แห่ง และร้านค้าประมาณ 200 แห่ง
ทั้งนี้ นายยุทธศักดิ์ ระบุว่าทราบชื่อโรงแรมทั้งหมดแล้ว โดยต้องประสานกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย เพื่อตรวจสอบ พร้อมดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งคดีแพ่ง และอาญา กับโรงแรมและร้านค้าที่กระทำความผิดดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงฯได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการฉ้อโกงโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ที่รัฐบาลช่วยจ่ายเงินสนับสนุนค่าห้องพัก 40% แต่สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน ให้ผู้ร่วมรับสิทธิค่าโรงแรมที่พัก 5 ล้านคืน โดยกำหนดโควตาคนละ 10 คืน เริ่มต้นโครงการฯมาตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 63 เดิมจะสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. 64 แต่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ขยายไปถึงวันที่ 30 เม.ย. 64 พร้อมเพิ่มสิทธิห้องพักอีก 1 ล้านคืน รวมเป็น 6 ล้านคืน
ล่าสุดห้องพัก 5 ล้านคืนแรกมีผู้ใช้สิทธิจองไปครบ คงเหลือจำนวนศูนย์คืนแล้ว ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมายังเหลือจำนวนห้องพัก 225,922 คืน แต่ได้หมดลงในวันที่ 11 ธ.ค. 63 ส่วนตั๋วเครื่องบินวันนี้ (15 ธ.ค.) ยังคงเหลือ 1.58 ล้านสิทธิ ซึ่งล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประสานกับกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย ทำการวิเคราะห์ธุรกรรมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและประสานงานกับสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เพื่อหาทางป้องกันการหลอกลวงในอนาคต
รมว.การท่องเที่ยวฯ กล่าวด้วยว่า การจองที่รวดเร็วเป็นพิเศษอาจได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการออกท่องเที่ยวสูงในช่วงไฮซีซั่น แต่ต้องตรวจสอบธุรกรรมเหล่านั้นเพื่อดูว่ามีการกระทำผิดหรือไม่ ซึ่งรูปแบบการฉ้อโกงพบได้อย่างสม่ำเสมอในแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวหลายรายการที่เปิดตัวก่อนหน้านี้และรัฐบาลพยายามมากขึ้นในการหาแนวทางแก้ไขที่เป็นประโยชน์เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว
