“อ๊อฟ” คนอันตราย! ครูเคทชี้ ฆ่าปาดคอชิงทองในห้างชั่วซ้ำซาก จี้แก้ กม.ต้องเด็ดขาด (คลิป)

14 เม.ย. 61
ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายรณกร ศุภมงคลเลิศ หรือ อ๊อฟ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าชิงทรัพย์ นางทัศนีย์ ไชยศรี หรือ เจ๊แอ๋ว ภรรยาเสี่ยเจ้าของเรืออวน โดยวันนี้ (13 เม.ย.) ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ต้องการนำทรัพย์สินที่ได้มาไปใช้หนี้พนัน แต่เหยื่อขัดขืนจึงต้องใช้มีดจ้วงแทงจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต (อ่าน: จับมือมีดแทงสาวใหญ่ ดับคาห้องน้ำห้างฯ รับหาเงินใช้หนี้พนัน ตร.พบประวัติเหี้ยม ฆ่าคนตั้งแต่อายุ 16)
นายรณกร ศุภมงคลเลิศ หรือ อ๊อฟ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าชิงทรัพย์
ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีนี้ ด้าน นายภานุวัฒ ชินโย อายุ 37 ปี และ น.ส.ธนิตา ชินโย อายุ 30 ปี บุตรชายและบุตรสาวของผู้ตาย พร้อมญาติจำนวนหนึ่ง เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ชุมพร เพื่อดูหน้าคนร้าย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้เข้าด้านใน เพราะหวั่นเกิดเหตุประชาทัณฑ์ จึงให้รออยู่ด้านหน้าเท่านั้น
นายภานุวัฒ ชินโย บุตรชายของผู้ตาย ก้มกราบขอบคุณตำรวจ
หลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตได้ร้องขอความเป็นธรรม โดยนายภานุวัฒ ได้ก้มกราบ พล.ต.ท.สรศักดิ์ และ น.ส.ธนิตา ร่ำไห้สะอื้นอยู่ตลอดเวลา
นายภานุวัฒ ชินโย และน.ส.ธนิตา ชินโย  บุตรชายและบุตรสาวของผู้ตาย
เนื่องจากคดีดังกล่าว ผู้ต้องหามีป้าเป็นภรรยาของนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังคนหนึ่งใน จ.ชุมพร รวมถึงมีญาติเป็นผู้นำในหลายระดับชั้น ทางด้านญาติผู้เสียชีวิตจึงเกรงว่า คดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าว
ซึ่งทาง พล.ต.ท.สรศักดิ์  เย็นเปรม ผบช.ภ.8 ยืนยันว่า การทำงานของตำรวจจะต้องให้คดีชัดเจน ไม่เป็นที่สงสัยต่อสังคมโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะคดีนี้ เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ เนื่องจากคนร้าย ก่อเหตุในลักษณะที่โหดเหี้ยมมาก ซ้ำยังไม่เกรงกลัวกฎหมาย ก่อเหตุในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน โดยคดีนี้มีประจักษ์หลักฐานอย่างชัดเจนที่สามารถมัดตัวผู้ต้องหาได้ และตนเองเป็นผู้ลงมาดูคดีเอง จึงขอให้ทางญาติสบายใจได้ว่าจะต้องได้รับความเป็นอย่างแน่นอน
โพสต์ของนายรณกร บนเฟซบุ๊กส่วนตัว
แหล่งข่าวเปิดเผยการใช้ชีวิตของ นายรณกร ก่อนก่อเหตุ พบว่านายรณกร  โพสต์เฟซบุ๊กใช้ชีวิตสุขสบาย มีไลฟ์สไตล์หรูหรา ทั้งรูปสวมสูท ผูกเนคไท ท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ พักรีสอร์ทหรูหรา
บ้านนายรณกร จ.ราชบุรี
นอกจากนี้ ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่บ้านของ นายรณกร ที่ จ.ราชบุรี ซึ่งพบว่าไม่มีใครอยู่บ้าน ประตูปิดสนิทโดยจากการสอบถาม นายจีรศักดิ์ เนตรสุวรรณ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 บอกว่า รู้จักกับนายรณกรเพราะตอนเด็กๆ นายอ๊อฟกับครอบครัวก็อยู่ในหมู่บ้านนี้ หลังจากนั้นได้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่ไม่ทราบว่าที่ไหน ปล่อยบ้านร้างไว้ ที่ผ่านมาตนทราบว่านายรณกร เคยติดคุกมาแล้วตั้งแต่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นในคดีฆ่าคนตาย
นายจีรศักดิ์ เนตรสุวรรณ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14
ด้าน คุณป้าที่อยู่ข้างบ้านของนายรณกร บอกว่า บ้านหลังนี้มีพ่อของนายรณกรอยู่ แต่ก็จะไปๆ มาๆ ไม่ค่อยได้กลับมาอยู่สักเท่าไหร่ ส่วนตัวนายรณกรนั้น ตนไม่ได้เห็นมานานแล้ว ทราบเพียงแต่ว่านายรณกร มีพี่น้องสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ก็ไม่ค่อยได้เห็นว่าจะกลับบ้าน และไม่ทราบว่านายรณกร ไปก่อคดีอะไรบ้าง เพราะไม่ได้พบกันมานานแล้ว และพ่อของนายรณกร ก็ไม่ค่อยได้สุงสิงกับคนในระแวกนี้ด้วย
คุณป้าที่อยู่ข้างบ้านของนายรณกร
ขณะที่ ดร.เนตรปรียา ชุมไชโย หรือ ครูเคท นักจิตวิทยาการปรึกษา ได้ให้ความรู้สำหรับกรณีนี้ว่า คนที่ฆ่าบุคคลอื่นโดยมีการไตร่ตรองไว้ก่อน สื่อให้เห็นว่าสภาพจิตใจของบุคคลนั้น เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นจากบุคคลใกล้ตัว เช่น บุคคลในครอบครัว คาดเดาว่าตอนเด็กอาจจะถูกกระทำอย่างรุนแรง และต่อเนื่องจากบุคคลที่เป็นที่รัก จึงทำให้เกิดการสะสมความรู้สึกเหล่านั้นไว้ และเมื่อโตขึ้นเมื่อมีอารมณ์หงุดหงิด ก็จะควบคุมตัวเองไม่ได้ มีการแสดงออกทางพฤติกรรมเช่นนี้กับบุคคลอื่น
ดร.เนตรปรียา ชุมไชโย หรือ ครูเคท นักจิตวิทยาปรึกษา
ดร.เนตรปรียา บอกอีกว่า สำหรับกรณีดังกล่าว ผู้ก่อเหตุมีการวางแผนที่จะมีการชิงทรัพย์บุคคลอื่นมาเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นการกระทำความผิดโดยจงใจ สื่อให้เห็นว่า ผู้ก่อเหตุไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี และขาดบุคคลอบรมสั่งสอน ซึ่งจากประวัติของผู้ก่อเหตุสื่อให้เห็นได้อีกว่า เป็นคนชั่วโดยกมลสันดาน และอาจจะมีความคิดที่ว่า ติดคุกชั่วคราวสามารถออกมาได้ หรือฆ่าคนตายเป็นเรื่องปกติ ถือว่าบุคคลเช่นนี้เป็นบุคคลที่อันตราย
ดร.เนตรปรียา ชุมไชโย หรือ ครูเคท นักจิตวิทยาปรึกษา พูดคุยกับผู้สื่อข่าว
นอกจากนี้ ดร.เนตรปรียา ฝากไปถึงผู้ที่เป็นผู้รู้ด้านกฎหมาย ให้ลองพิจารณาดูว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่กฎหมายจะต้องมีการศึกษาพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุด้วยจิตวิทยา พร้อมกับมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย เพื่อไม่ผู้กระทำความผิด ประเภทที่เรียกได้ว่า อาชญากรรมซ้ำซาก ออกมาทำร้ายบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องให้ตกเป็นเหยื่อ แต่ถ้าเป็นผู้กระทำความผิดครั้งแรก ก็สามารถที่จะให้โอกาสได้อยู่ อย่างไรก็ตาม ดร.เนตรปรียา มองว่า ไม่ว่าบุคคลใดก็ตาม ที่เจอปัญหาที่หนักหนามาในชีวิต ต้องให้คิดเพียงว่าทุกปัญหามีทางออก อยู่ที่ว่าแต่ละครอบครัว ได้มีการสั่งสอนหรืออบรมบุตรหลานตัวเองอย่างไร เพราะพื้นฐานของครอบครัวเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์สภาพจิตใจของคนนั้น ต้องมองไปที่แต่ละกรณี และต้องมีการพูดคุยกัน ว่าแท้จริงแล้วสภาพจิตใจของแต่ละคนเป็นอย่างไร ถึงจะรู้ว่าบุคคลใดควรจะต้องเข้าสู่การบำบัดสภาพจิตใจ

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ