แม่เลี้ยงแฉหมอโทนขืนใจสาวถูกไล่พ้นบ้าน กลุ่มโหรฉะมั่วนิ่ม - เจ้าตัวโชว์สลิปเปย์เหยื่อ (คลิป)

11 ธ.ค. 63

กรณีน.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี พร้อมด้วยครอบครัวเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี หลังจากถูกชายที่อ้างตัวว่าเป็นหมอดูล่อลวงให้ไปทำพิธีตัดกรรม ก่อนจะลงมือข่มขืนกระทำชำเรา พร้อมถ่ายคลิปวิดีโอแบล็กเมลเรียกเงิน 2 แสนบาทแลกกับการลบคลิปดังกล่าว

โดยน.ส.เอ ผู้เสียหาย ท้องได้ 1 เดือน แต่เลิกกับแฟนหนุ่ม จึงกินยาขับเลือดเพื่อทำให้แท้งลูกในเดือน พ.ย.63 และนำซากทารกไปหาอาจารย์โทน หมอดูชื่อดังใน จ.กาญจนบุรี เพื่อทำพิธีสะกดวิญญาณเป็นกุมาร และเพื่อไม่ให้วิญญาณติดตามแม่

156046

ในช่วงเดือนเดียวกัน น.ส.เอ มีปัญหาเรื่องเงิน จึงได้หยิบยืมเงินจากอาจารยโทน โดยอาจารย์โทนออกอุบายว่า ให้เข้าไปทำสัญญาเงินกู้ที่ตำหนักใน ต.ท่ามะขาม จ.กาญจนบุรี ซึ่งในวันนั้นอาจารย์โทน ได้ใช้กำลังบังคับขืนใจ ข่มขืนจนสำเร็จความใคร่เป็นครั้งแรก โดยได้ถ่ายรูปภาพนิ่งเอาไว้แบล็กเมล

การข่มขืนต่อเนื่องครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้นในเดือน พ.ย.63 ที่ตำหนักใน ต.ท่ามะขาม จ.กาญจนบุรี ซึ่งครั้งนี้ได้ถ่ายคลิปแบล็กเมลเอาไว้

การข่มขืนครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.63 เวลา 12.00 น. อาจารย์โทนขับรถพา น.ส.เอ ไปข่มขืนในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในอ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี โดยจับใส่กุญแจมือ ตบตี ข่มขืน โดยใช้เวลาอยู่ในโรงแรม 1 ชั่วโมง 30 นาที จึงได้ขับรถกลับออกไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“หมอโทน” โต้ปล้ำสาวอ้างสมยอม ยันทำเพราะรัก เหยื่อโชว์รอยช้ำแฉดูดวงแม่นเพราะนกต่อ

สาวแท้งหอบศพลูกทำพิธีโดนฉุดขืนใจถ่ายคลิปขู่ หมอดูโต้สร้างเรื่องป้ายสีหวังเบี้ยวหนี้

ล่าสุดวันที่ 11 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่ ต.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของคณะโหรพราหมณ์เมืองกาญจนบุรี ซึ่งนายโทน หรืออาจารย์โทน อ้างว่าได้ร่ำเรียนวิชา และทำงานร่วมกับคณะดังกล่าว

818107

นายโกศล ชื่นชม อายุ 67 ปี และนายสรัตน์ ศรีทอง อายุ 47 ปี บอกกับทีมข่าวว่า หลังจากที่ตนเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ในข่าว รวมถึงเฟซบุ๊กของนายโทน ที่นำภาพของตัวเอง รวมถึงคณะโหรพราหมณ์ ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งยังแอบอ้างว่าร่ำเรียนวิชา และทำงานร่วมกับคณะโหร ตนขอยืนยันว่าไม่จริง ตนจึงได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายโทน และไม่ได้สอนวิชาความรู้ให้แต่อย่างใด เพราะส่วนใหญ่คณะโหรจะทำพิธีเกี่ยวกับการปลุกเสกเครื่องราง ตั้งศาลพระภูมิ และประกอบพิธีเกี่ยวข้องกับเรื่องพราหมณ์เท่านั้น ไม่เคยมีการแก้ของดำ หรือเกี่ยวข้องกับเรื่องกุมารทอง

769607956897886656

ทั้งนี้ ในฐานะคณะโหรพราหมณ์ จ.กาญจนบุรี ยืนยันว่านายโทน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคณะ และไม่เคยมาร่ำเรียนวิชาที่นี้ เพื่อไปกระทำผิด ส่วนภาพที่ปรากฎว่ามีการถ่ายร่วมกันกับโหรในคณะ เป็นเพราะว่าทุกครั้งที่คณะโหร เดินทางไปประกอบพิธีให้กับหน่วยงานห้างร้านต่าง ๆ นายโทน ก็จะติดต่อขอไปร่วมพิธีด้วย พร้อมทั้งมีการขอถ่ายรูป แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพิธี อีกทั้งคณะโหรก็ไม่ได้รู้จักกับนายโทนเป็นการส่วนตัว ทราบแต่เพียงว่าเจ้าตัวเพิ่งเริ่มเข้ามาอยู่ในวงการนี้ได้ไม่นาน

หลังจากนี้ ตนก็ไม่มีอะไรฝากถึงนายโทน เพียงแค่ฝากแก้ข่าวให้สังคมเข้าใจว่า คณะโหรหราหมณ์ จ.กาญจนบุรี ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชาที่นายโทนกล่าวอ้าง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด

241034932094675245

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวยังได้รับแชตที่น.ส.เอ และนายโทน คุยกันในลักษณะสนิทสนมกัน โดยนายโทน ส่งข้อความให้กำลังใจในการทำงานแก่ น.ส.เอ ซึ่งฝ่ายหญิงก็ส่งอิโมติคอนกลับมา นายโทน จึงตอบกลับว่า "ถือว่ากราบสามีนะลูก" ก่อนจะโอนเงินเข้าบัญชีของพ่อแม่ฝ่ายหญิง จำนวน 1,500 บาท ฝ่ายหญิงจึงตอบกลับว่า "ขอบคุณ อ.โทน ที่โอนเงินให้" จากนั้นนายโทนได้โอนเงินให้อีก 500 บาท ระบุว่า "เป็นห่วงกลัวไม่มีเงินกินข้าว คิดว่ากราบผัวนะลูก"

407523

นายเบิร์ด (นามสมมติ) ลุงของ น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ และรวบรวมหลักฐานในการดำเนินคดี ยอมรับว่า ตอนนี้คดีเดินหน้าไปประมาณ 70-80% แล้ว ทางผกก.สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ดูแลดีมาก วันที่ 21 ธ.ค.63 จะไปแจ้งความที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ในความผิดเดียวกันแต่ต่างวาระ เรื่องที่อ้างว่าน้องสมยอม เอาตัวเข้าไปแลกเงิน ตนเชื่อว่าคนในสังคมคงมองออกว่าบุคลิกคำพูดคนก่อเหตุนั้นต่ำ คนที่ก่อเหตุนั้นพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง มีเจตนาอะไร พยายามอุปโลกน์ขึ้นมาว่าเป็นองค์เทพ ดูหมอ ดูดวงได้

ทั้งนี้ตนอยากฝากให้ระวังคนพวกนี้ ที่หากินแบบนี้ มีทุกที่ ตอนนี้สังคมแย่ แย่ลงทุกวัน ตนมั่นใจล้านเปอ์เซ็นต์ เรื่องที่โดนล่อลวงเป็นเรื่องจริง และการันตีด้วยชีวิต ยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ต้องมาเคลียร์อะไรทั้งสิ้น คนแบบนี้ต้องให้ติดคุก ต้องได้รับกรรม

น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังจากตนไปแจ้งความดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ ทางคู่กรณี ได้ติดต่อตนมาเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.63 เวลา 15.37 น. ฝ่ายคู่กรณีส่งข้อความมาหาตนบอกรัก ทั้งนี้ตนยืนยันว่าที่ ฝ่ายชายพูดไม่จริง ตั้งแต่เด็กจนโตตนทำงานด้วยตัวเองมาโดยตลอด สร้างมาด้วยตัวเองตลอด ไม่เคยเอาตัวเข้าไปแลกเพื่อนเอาเงินใคร ยืนยันตนไม่เคยคบเป็นแฟน ส่วนเงินที่ตนได้มาเป็นการกู้ยืม และตนก็ทยอยคืนจะหมดแล้ว ตอนนี้สภาพจิตใจตนดีขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เครียดมานาน และรู้สึกดีที่ตนตัดสินใจออกมาสู้ วันนี้ที่ตนมาโรงพัก ตนนำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ตำรวจดำเนินการ

255732

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางกิ่ง (นามสมมติ) แม่เลี้ยงของอาจารย์โทน เลี้ยงมาตั้งแต่ 9 ขวบ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ ตนก็ไม่ได้รู้สึกตกใจ เพราะที่ผ่านมาอาจารย์โทนมักมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง บังคับข่มขู่ ทำร้ายร่างกายคนที่อ่อนแอกว่าเสมอ แต่จะไม่ทำร้ายผู้ชายด้วยกัน ซึ่งปี 2549 เคยก่อเหตุคมคืนน้องเมียตัวเอง โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปี ซึ่งผลโทษออกมาในช่วงปี 2551 จากนั้นเมื่อพ้นคุกออกมาแล้ว ช่วงปี 2552 ถูกจับในคดีอาวุธปืน 11 มม. ซึ่งชีวิตของอาจารย์โทน ก็มักจะเข้าออกเรือนจำเป็นว่าเล่น

cg_10

หลังจากนั้น ช่วงปี 2557 อาจารย์โทน ได้เข้ามาหาตนที่บ้าน ขอขมา ขอโทษสิ่งที่เคยทำผิด และอ้างว่ากำลังจะไปร่ำเรียนวิชาอาคม เพื่อจะมาช่วยเหลือคน ตนไม่เคยรู้ว่าอาจารย์โทนไปร่ำเรียนมาจากไหน แต่รู้อีกทีก็มีการลง Facebook มีการติดป้าย มีการโปรโมตรับดูดวง แก้สิ่งอัปมงคล แต่ตนก็ไม่เคยรู้ว่าอาจารย์โทนมีลูกค้าแวะเวียนมาหาหรือไม่ เพราะหลังจากที่ร่ำเรียนวิชากลับมา ตนก็ได้แยกกันอยู่ เพราะอยู่ร่วมด้วยกันไม่ได้ เนื่องจากวันพระ อาจารย์โทนมักมีอาการแปลก ๆ เช่น ยิงปืนขึ้นฟ้า พูดคุยคนเดียว อารมณ์คลั่ง

879760

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่นานที่ผ่านมา ช่วงประมาณปี 2561 ตนอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันกับอาจารย์โทน จากนั้นพบว่ามีอาการแปลก มีการทำลายข้าวของในบ้าน ตนจึงเข้าไปว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งอาจารย์โคนได้คว้าอาวุธปืนมาข่มขู่ บอกว่า “กูจะยิงตายให้หมด” ซึ่งตนเป็นผู้หญิงด้วยความตกใจกลัว จึงได้รีบหนีออกจากบ้าน จากนั้น อาจารย์โทนก็ได้ไปมีเรื่องต่อกับน้องชาย โดยได้ถือมีดปังต่อ ข่มขู่ให้น้องชายก้มกราบเท้า โดยอ้างว่าเป็น “เจ้าพ่อเขาชนไก่ เป็นเจ้าเมืองใหญ่” หากไม่ก้มกราบ จะเอามีดฟันกลางหัว กระทั่งน้องชายตกใจกลัว วิ่งหนี แล้วยังถูกอาจารย์โทนขับรถเก๋งไล่ทับอีก จนถึงทุกวันนี้ตนเองจึงต้องย้ายออกไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งพร้อมกับคนในครอบครัว และปล่อยให้บ้านหลังนั้นเป็นที่อยู่เพียงลำพังของอาจารย์โทน เพราะไม่สามารถมีใครอยู่ร่วมได้ กลัวในเรื่องความปลอดภัย

นางกิ่ง ยังบอกอีกว่า แม้ตนจะมีสถานะเป็นแม่เลี้ยงของอาจารย์โทน แต่ทุกวันนี้ “อย่าเรียกว่าแม่ลูกกันเลยจะดีกว่า” เพราะที่ผ่านมา อาจารย์โทนไม่เคยเห็นหัว ไม่เคยเคารพ โดยทุกครั้งมักจะถูกข่มขู่ฆ่า ก่อเหตุความรุนแรง ทำลายทรัพย์สินในบ้าน จนตอนนี้ตนต้องแจ้งความจับ แล้วตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งถูกออกหมายจับ โดยเจ้าตัวใช้หลักทรัพย์ประมาณ 50,000 บาท ประกันตัวตัวเองออกมา แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุซ้ำ ทุกวันนี้เรียกได้ว่า “ตัดขาด ความเป็นแม่ลูกกันไปแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้”

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส