ผู้เสียหายร้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด หลังฝากเงินไว้กับธนาคาร 7 แสนบาท พบเงินหายออกจากบัญชีทั้งหมด สงสัยเป็นฝีมือพนักงานที่ดูแลบัญชีให้ประจำ
จากกรณีที่ น.ส.ศศิธร ศรีฉัตร อายุ 48 ปี ชาว อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ได้นำหลักฐานเป็นสมุดเงินของธนาคารแห่งหนึ่ง ประเภทเพื่อออม และสมุดธนาคาร ประเภทเพื่อใช้ จำนวน 2 เล่ม พร้อมหลักฐานสเตทเมนต์จากธนาคารของนางชัชวาลย์ ศรีฉัตร อายุ 72 ปี (มารดา) ถูกคนร้ายแอบถอนเงินไปกว่า 7 แสนบาท เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.เจริญ บุญสิทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้
ล่าสุดวันนี้ (11 ธ.ค.) พ.ต.ท.เจริญ บุญสิทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมือง ได้กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีหมายเรียกเชิญตัวผู้จัดการธนาคารทหารไทย สาขาปราจีนบุรี มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนว่า บัญชีเงินธนาคารของนางชัชวาลย์ ศรีฉัตร อายุ 72 ปี ได้มีการโอนเงินจากบัญชี ประเภทเพื่ออมไปยังบัญชีเพื่อใช้ได้อย่างไร และใครเป็นคนดำเนินการในเรื่องนี้
น.ส.ศศิธร ศรีฉัตร ลูกสาวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตั้งแต่มาแจ้งความเรื่องเงินหายจากสมุดบัญชีจนถึงขณะนี้ ธนาคารยังไม่ติดต่อมา ส่วนคนที่ก่อเหตุตนเองคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารคนที่แม่ทำประกันชีวิตกับเขาไว้ และพนักงานคนดังกล่าว จะเป็นคนที่คอยมาดูแลเรื่องประกันของแม่ ทั้งเรื่องประกันบางส่วนและเงินปันผลประกันเขาจะเป็นคนมาแจ้งแม่ ตนมั่นใจว่า คาดว่าน่าเป็นเจ้าหน้าที่คนนี้เพราะไม่มีใครอีกแล้วแม่มีลูกคนเดียว แม่ก็ไม่เคยติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ธนาคาร ตนคิดว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ตั้งแต่มีข่าวออกมา ทางเจ้าหน้าที่คนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาหาเลยและเขาก็น่าจะอยู่ในพื้นที่
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางชัชวาลย์ ศรีฉัตร อายุ 72 ปี ที่บ้านพัก เล่าให้ฟังว่า เดิมตนเองมีอาชีพค้าขาย ส่วนรายได้ก็จะฝากที่ธนาคารแห่งนั้น สาขาประจันตคาม เมื่ออายุมากก็เลิกค้าขายส่วนเงินรายได้มาจากลูกจะฝากเงินมาให้ หลังจากที่ธนาคารนี้ได้ยุบไปรวมกับสาขาปราจีนบุรี ตนเองก็ไม่เคยไป จะฝากถอนจะให้ลูกสาวเป็นคนดำเนินการ ส่วนโทรศัพท์ของตนเองใช้โทรได้อย่างเดียว ไม่รู้จักไลน์หรือแอปพลิเคชั่นแต่อย่างใด ส่วนเงินที่หายไปจากบัญชีธนาคาร สงสัยเจ้าหน้าที่ ตนต้องการให้ทางธนาคารชี้แจงและตรวจสอบพนักงานคนที่ดูแลเรื่องเงินออมของตน
