กรณีนายอับดุลรายับ จะนะ อาสาชุมชน อายุ 63 ปี เข้าไปตักเตือนหนุ่มรุ่นลูก อายุ 37 ปี หลังไม่สวมหน้ากากอนามัยเข้าชุมชนตามระเบียบสังคม สุดท้ายทั้งคู่เปิดศึกทำร้ายร่างกายกันกลางถนน จนได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย
ล่าสุดวันที่ 9 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ อยู่บริเวณหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กลางชุมชนอิสลามแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นชุมชนแออัด โดยนายอับดุลรายับ จะนะ อาสาสมัครชุมชนอิสลาม เปิดเผยว่า ตอนแรกอยู่ที่สุเหร่า กำลังจะละหมาด เมื่อเห็นนายอาลี ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยมา ตนก็เตือนให้ใส่หน้ากากอนามัย และไปบอกให้ขยับให้ห่างจากคนอื่น แต่นายอาลีก็มาท้าต่อย บอกว่าแน่จริงให้ไปเจอกันข้างนอก ตนจึงรับท้าจะไปต่อยด้วย ตอนนั้นมีคนมาห้าม ไม่อยากให้มีเรื่อง เพราะกำลังจะละหมาดกัน
กระทั่งหลังการละหมาดเสร็จสิ้น ตนรีบออกมารออยู่ด้านนอก เมื่อคู่กรณีเดินมาก็สาวหมัดใส่ไปก่อน จากนั้นก็เกิดเหตุชุลมุน จนมีคนเข้ามาห้ามและพาตัวส่ง รพ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นต่างคนต่างกลับบ้าน ไม่ได้มีการแจ้งความเอาผิดกัน ส่วนอาการเจ็บตน มีแผลที่เบ้าตา ศีรษะ มือ และยังแน่นหน้าอกเล็กน้อย
นายอับดุลรายับ ยังบอกว่า ที่ตนไปเตือนเพราะช่วงนี้โควิด-19 ระบาด ตนก็อยากให้ทุกคนป้องกันตัว จึงตักเตือนไป ซึ่งในชุมชนก็มีคนไม่ใส่หน้ากากอนามัยเยอะเหมือนกัน แต่ก็คอยตักเตือนกันไป เรื่องที่เกิดขึ้นก็ยอมรับว่าต่างคนต่างอารมณ์ร้อน
อย่างไรก็ตาม ตนอยากขอให้คนช่วยกันสวมหน้ากากอนามัยตอนที่ออกจากบ้าน เพราะกลัวว่าจะติดโควิด-19 ถ้าเป็นแค่คนเดียว ก็จะลามไปทั้งชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละหมาดในสุเหร่า ถือเป็นสถานที่เสี่ยง เพราะทุกคนมาอยู่ใกล้กัน ยืนยันว่าที่ทำไปเพราะหวังดี กับชุมชนจริง ๆ
