จากกรณีเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 8 ธ.ค.63 พ.ต.ท.วุฒิ คงชื่น พนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะโก ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.7 ต.ท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ รุดไปที่เกิดเหตุ พบศพนายบัลลังค์ ไกรญาติ นอนเสียชีวิตที่บริเวณบันไดทางขึ้นบ้าน จึงได้ตรวจสอบโดยรอบ
ทราบว่านายเทียบ ช่วงโชติ อายุ 85 ปี ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงนายบัลลังค์ ไกรญาติ อายุ 42 ปี ลูกเขยเสียชีวิตบริเวณใต้ถุนบ้าน ต่อมานายเทียบได้หลบหนีซ่อนตัวอยู่บนบ้านหลังดังกล่าว โดยมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ราวนมซ้ายตัดขั้วหัวใจ ด้วยกระสุนขนาด .38 เสียชีวิตคาที่
โดยตำรวจได้กระจายกำลังกันปิดล้อมบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเจรจาใช้โทรโข่งพูดเกลี้ยกล่อมเพื่อให้นายเทียบยอมมอบตัว จนถึงเวลานี้นายเทียบก็ยังไม่ยอมมอบตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาเกลี้ยกล่อม และเมื่อเวลา 20.30 น. ครบ 24 ชั่วโมง
ส่วนนายเทียบเริ่มมีอาการเครียด เดินวนเวียนอยู่บนบ้าน พร้อมกับถือปืนลูกซองยาวขนาด 12 และอาวุธปืนสั้น ขนาด .38 ติดตัวอยู่ตลอดเวลา ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วม 100 นายปิดล้อมบริเวณบ้านไว้โดยรอบ
ล่าสุด วันที่ 9 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ม.7 ต.ท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ พบกำลังตำรวจยังสนธิกำลังล้อมอยู่รอบบ้าน
นายประทีบ ช่วงโชติ อายุ 46 ปี ลูกชายนายเทียบ เล่าว่า ปกติพ่อจะอยู่บ้านกับพี่สาว หลานชาย และพี่เขย ผู้ตาย มีทะเลาะกันบ้าง เป็นปกติ แต่ไม่เคยรุนแรง แต่นิสัยใจคอพ่อเป็นคนเก็บกดคิดอะไรจะเก็บไว้คนเดียวและเป็นคนโหดมาก เนื่องจากสมัยหนุ่ม ๆ เคยถูกโจรปล้นบ้านปี 2524 จึงมีปืนไว้ติดตัวโดยถูกกฎหมาย เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว
ส่วนพี่เขยจะอยู่ที่บ้านหลังนี้กับพ่อ และพี่สาวตนรวม 3 คน แต่ตอนเกิดเหตุ ตนอยู่กรุงเทพฯ เพิ่งกลับมาไม่รู้อะไรมาก แต่ทราบว่า พ่อมีปากเสียงกับนายบัลลังค์ พี่เขย ขโมยของบ้างและอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกัน 15 ปีแล้ว ตนคิดว่าพ่อคงเครียดหรือระแวงอะไรไว้ ทราบว่าเป็นเรื่องเงินที่เก็บออมเอาไว้กว่า 7,000 บาท แล้วเงินหายไป 3,000 บาท มีแบงก์ร้อย 3 ใบมาวางแทนแบงก์พัน กลายเป็นเหลือเงินแค่ 4,300 บาท ตนไม่รู้ว่าเงินหายไปไหน หรือพ่อหลงลืมไปเองเพราะพ่อเป็นคนหวงของมาก ทั้งนี้ เงินหายพ่อจึงคิดว่าลูกเขยอาจจะเอาไป และมีปากเสียงกัน จึงยิงก่อเหตุแบบพลั้งมือ
ทั้งนี้ ตนอยากให้พ่อมอบตัว แต่คิดว่าพ่อคงไม่มอบตัวง่าย ๆ ตนคิดว่าพ่อยอมตาย ถ้าแกจะตายแกจะตายอย่างเสือ คือตายแบบสมเกียรติ ไม่ยอมมอบตัวแน่นอน และการที่พ่ออยู่บนบ้านแบบนี้ พ่อจะได้เปรียบมองเห็นทุกอย่างคิดว่าพ่อไม่ลงมา ขนาดเมื่อวาน ตอน 5 ทุ่ม ตนมาถึงจะขึ้นไปหาพ่อ พ่อดันบอกว่าอย่าขึ้นมา ถ้าขึ้นมาจะยิงทิ้ง ตนก็ถามไปว่า "พ่อ นี่ลูกนะ" แต่พ่อก็ไม่สนใจ ตอนนี้คือพวกตนเข้าใกล้หรือเกลี้ยกล่อมอะไรพ่อไม่ได้เลย พ่อระแวงไปหมด กลัวโดนวางยากลัวโดนจับ ถ้าก้าวไปแม้แต่นิดเดียวจะยิง แต่ตำรวจรับปากว่าจะไม่วิสามัญแน่นอน เพราะพ่ออายุมากแล้ว ก็พยายามเกลี้ยกล่อมกันอยู่
ตนยืนยันว่าพ่อไม่ได้ป่วยเป็นโรคเครียด แค่ป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตนเป็นห่วงอยากให้พ่อมอบตัว คิดว่าพ่อหิวข้าวแน่นอน แต่ในตู้เย็นพอมีของให้พ่อกิน ส่วนศพของนายบัลลังค์ พี่สาวตนนำไปไว้บ้านที่บ้านหมี่ จ.ลพบุรีแล้ว ตอนนี้พี่เครียดมาก ไหนจะสามีเสียชีวิต ไหนจะพ่อเป็นแบบนี้ ห่วงทั้ง 2 ฝั่ง
ล่าสุด เวลา 20.35 น. ผู้สื่อข่าวติดตามในพื้นที่ รายงานว่ามีการตัดน้ำและไฟภายในบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อกดดัน และมีไฟของเจ้าหน้าที่บริเวณหน้าบ้านเท่านั้น เหตุการณ์ยังคงสงบ บริเวณหน้าต่างมีปลายกระบอกปืนโผล่ออกมา นายเทียบแอบมองเจ้าหน้าที่ออกมาจากทางหน้าต่างเป็นระยะ เจ้าหน้าที่การยิงหนังสติ๊กใส่บ้านเพื่อทดสอบปฏิกิริยาและการตอบโต้ของนายเทียบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ถอยกำลังเหลือเพียง 50 นาย
ขณะที่นายประทีบ ลูกชาย พยายามตะโกนให้พ่ออกมาทานข้าว แต่ไม่มีการตอบโต้ ซึ่งนายเทียบเป็นอดีตมีปราบโจรที่รู้แนวทางการต่อสู้เป็นอย่างดี และยังไม่ยอมมอบตัว
นายสมหมาย นิลสนธิ อายุ 60 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ ตนได้ยินเสียงพลุงานหลวงพ่อที่ตลาดสงบลง ไม่ได้สนใจ กระทั่งกู้ภัยและตำรวจมาจึงวิ่งไปดู เห็นลูกเขยถูกพ่อตายิงหงายหลังลงมาจากบันไดที่พื้นดิน สภาพหงายท้อง ส่วนคนยิงเดินไม่ค่อยได้ จะอยู่แต่ในบ้าน คิดว่าคงเล็งไว้แล้ว ส่วนนิสัยใจคอตนไม่สุงสิงกับนายเทียบ เพราะนายเทียบไม่ค่อยถูกกับใคร ชอบสันโดด ส่วนเรื่องปมส่วนตัวที่ทะเลาะกัน ตนไม่ทราบ
ตอนนี้ตนเองเข้าบ้านได้ แต่บ้านตนติดกันก็จะเข้าไปอย่างหวาดระแวง ลุ้นกับเหตุการณ์ เพราะมีตำรวจล้อมบ้านตนอยู่ เพื่อหาวิธีล้อมจับนายเทียบ แต่ตนไม่ตกใจที่มีตำรวจมาล้อมบ้าน ตนเลือกให้กำลังใจมากกว่า คอยเอาน้ำและไฟไปให้ ตนอยากให้จับได้โดยเร็วจบลงด้วยดี ไม่มีการสูญเสียใด ๆ เกิดขึ้น
น.ส.ประเทือง สอนอ่อน อายุ 42 ปี หลานสาวนายเทียบ เล่าว่า นายเทียบเป็นคนแข็งแรง แต่มีอาการป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง รักษามาได้ช่วงหนึ่งดีขึ้นมากแล้ว ก่อนจะมาปีนี้เป็นหนักออกบ้านไม่ได้ มาเครียดช่วงปีหลัง เพราะจากที่เดินได้ปั่นจักรยานได้ อยู่เฉย ๆ คงจะเครียดขึ้นไปอีก
ส่วนเรื่องเงินที่หายไปตนคิดว่าตาเทียบอาจจะหลงลืม ตอนนี้ตนเป็นห่วงตาเทียบมาก เขาไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ขนาดนายประทีบลูกชายนายเทียบขึ้นไปยังจะโดนยิง ส่วนปืนตาเทียบมีหลายกระบอกมาก ขายไปบ้างก็มี เพราะสมัยก่อนมีโจรเยอะ จำเป็นต้องมีปืนตนไม่คิดว่าจะใช้ปืนที่มีมายิงน้าเขยจนเสียชีวิต ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้ตำรวจวิสามัญตาเทียบ แต่ถ้าตำรวจเข้าใกล้ก็จะยิงสวน ตนกลัวมาก ตนอยากให้ตาเทียบมอบตัว
นางพยอม อายุ 53 ปี อดีตลูกสะใภ้นายเทียบ เปิดเผยว่า หลาย 10 ปีที่ผ่านมา นายเทียบเคยเอาปืนจ่อหัวนายบัลลังค์ แต่ไม่ได้ยิงหรือทำร้าย ตอนนั้นนายบัลลังค์ยังเคยบอกภรรยาซึ่งเป็นลูกสาวนายเทียบว่าให้ไปบอกพ่อว่าอย่าทำแบบนี้ นายเทียบก็เลิกทำ ทั้งคู่ก็ระหองระแหงกันเรื่อยมา เพราะนายเทียบไม่รักลูกเขย ชอบหวงของ ใครแตะของก็ไม่ได้
ส่วนนายบัลลังค์เป็นคนดี ตนมั่นใจว่าไม่ใช่คนเอาเงินไป เงินจำนวนนี้นายเทียบก็หวงไว้ให้หลานสาว ลูกชายของคนตาย ตนคิดว่าคงเครียดไปเอง ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ นายบัลลังค์ไม่ได้อยู่บ้าน มีแค่นายเทียบอยู่คนเดียว เพราะนายบัลลังค์และภรรยาไป จ.ลพบุรี ไปงานบวช เพิ่งกลับมาบ้านตอนเย็น อาบน้ำจะไปเที่ยวงานวัด กลับมากำลังก้าวขึ้นบันได 3 ขั้น ก็ถูกนายเทียบยิงสวนลงมาแบบไม่ทันระวังจนเสียชีวิต ตอนนี้ตนอยากให้นายเทียบยอมมอบตัวจะได้รู้ว่าทำไปทำไม ส่วนในบ้านอาหารการกินมีเยอะ ลูกสาวซื้อนมไว้ให้เต็มตู้ ไม่รู้จะยอมให้จับหรือมอบตัวตอนไหน
เวลา 21.15 น. เจ้าหน้าที่จากกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ พยายามตะโกนเกลี้ยกล่อมให้นายเทียบตอบโต้ โดยสอบถามว่า "หิวไหม ต้องการอะไร อยากได้อะไรไหม อยากกินกาแฟไหม" แต่ก็ไม่มีเสียงโต้ตอบกลับมา
