สาวท้องแก่หนีระทึกน้ำป่าถล่ม - ชาวบ้านร่ำไห้ ขอข้าวประทังชีพและเบี้ยฟื้นฟู (คลิป)

4 ธ.ค. 63

วันที่ 4 ธ.ค. 63 จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่ยังคงส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งมีระดับน้ำได้ลดลงบางจุด แต่มีบางจุดยังคงมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรื่องประชาชน โรงเรียน ร้านค้า และสถานที่ราชการหลายแห่ง

419969

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวอมรินทร์เป็นตัวแทนส่งความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม และจัดเตรียมของส่งมอบ อาหาร น้ำดื่ม และของใช้จำเป็นที่สั่งจาก จ.ภูเก็ต จะนำส่งมอบถึงมือผู้ได้รับผลกระทบวันที่ 5-6 ธ.ค. 63

412472

แฟนข่าว Amarin TV ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.นครศรีธรรมราช และจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ได้ที่
ชื่อบัญชี อมรินทร์รวมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 061-8-88293-4

980387

ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า และสำรวจความเสียหาย บ้านเรือนประชาชน ในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่ามี 2 ตำบล 14 หมู่บ้าน คือ ตำบลสวนหลวง และตำบลทางพูน ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้

613987

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ หมู่ 6 ตำบลสวนหลวง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้าน ที่มีบ้านเรือนประชาชนอีกว่า 140 หลังคาเรือน ถูกน้ำท่วมบ้านสูงประมาณ 1 เมตร และมี 2 หลังที่น้ำท่วมเกือบมิดหลังคา ทำให้ต้องพากันย้ายไปนอนที่วัดใกล้เคียง

424682

พื้นที่บ้านทุ่งเฟื้อ ยังมีวัดและโรงเรียน ถูกน้ำท่วมกว่า 1.5 เมตรเสียหาย พระครูปลัดชัยณรงค์ พรหมทอง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดทุ่งเฟื้อ พาทีมข่าวลุยน้ำ กำลังเพิ่มสูงขึ้น มีน้ำไหลเข้ามาเติมเพิ่ม ไม่ได้มีท่าทีว่าจะลดลง ในศาลาเอนกประสงค์ แม้จะยกสูงขึ้นบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังมีบริมาณน้ำเข้ามาท่วมประมาณ 30 ซม.

744994

ขณะที่ปริมาณน้ำครั้งนี้มาเร็วเกินกว่าที่พระ 8 รูปในวัดจะช่วยกันยกของขึ้นที่สูงได้ทัน ส่วนที่เหลือก็ปล่อยทิ้งจมอยู่ในน้ำ และพื้นที่หมู่ 5 บ้านทุ่งเฟื้อ เป็นพื้นที่ต่ำมีบ้านเรือนหลายหลัง มีวัด โรงเรียน ต้องจมน้ำทุกครั้ง และจะเป็นพื้นที่ที่น้ำจะท่วมขังนานมากสุดจะลดดับลงเป็นที่สุดท้าย นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้ เข้าไปสำรวจความเสียหายของ โรงเรียนวัดทุ่งเฟื้อ พบว่ามีอาคารไม้เก่าอายุกว่า 30 ปี น้ำท่วมรอบอาคาร ส่วนอาคารปูนน้ำท่วมบางส่วน

511415

ที่ตำบลท้องลำเจียก อำเภอเชียรใหญ่ มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม 7 หมู่บ้าน กว่า 1,100 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังมีโรงเรียน สถานีอนามัย รวมถึงพื้นที่เกษตรอีกกว่า 5,000 ไร่ ได้รับความเสียหาย

928163

ด้าน นายบัญญิติ ไทรทอง อายุ 46 ปี เกษตรกรชาวสวนปาร์มน้ำมัน พาทีมข่าวลุยน้ำเข้าไปดูสวนปาล์มกลางพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งพูดด้วยอาการน้อยใจว่า เสียใจที่เก็บเกี่ยวช้า เพราะหากเก็บขายหลังน้ำลด จะได้ราคาเพียง 5,000 บาท หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งยังไม่คุ้มค่าปุ๋ยหรือสารเคมีที่ลงทุกไปกว่า 8,000 บาท แต่ถ้าน้ำยังไม่มีทีท่าลดก็อาจขายไม่ได้แม้แต่บาทเดียว

938486

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอท่าฉาง และอำเภอท่าเคย เป็นอีกจุดที่ได้รับผลกระทบสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชน กว่า 17 หมู่บ้าน 300 หลังคาเรือน

titled

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ หมู่ที่ 1 อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ช่วงเวลา ประมาณ 11.30 น. พบว่าที่บริเวณคลองท่าฉาง ใกล้กับสำนักงานเทศบาลตำบาลท่าฉางมีน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้น้ำไหลเชี่ยวแรงอย่างต่อเนื่อง และไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนบริเวณใกล้เคียงสองฝั่งคลอง

532817

นางเฉลียว วิลัย อายุ 75 ปี ชาวบ้านผู้ประสบภัย เปิดเผยว่า ตนเองรู้สึกกลัวเมื่อรู้ว่าน้ำท่วม แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะเป็นไปตามธรรมชาติ และเมื่อคืนก่อนหน้านี้ที่น้ำเริ่มไหลเข้าท่วมตนเองก็นอนไม่หลับ เพราะมองระดับน้ำผ่านรูพื้นบ้าน และทราบว่าน้ำเริ่มไหลเข้ามาที่บ้านก็กลัวว่าจะได้รับอันตราย ความเสียหายสำหรับบ้านตนเองมีตู้เย็น และขวดน้ำพลาสติกที่จะเก็บไว้ขายใต้ถุนบ้านก็ลอยไปกับน้ำแล้ว ห้องน้ำก็ต้องอาศัยบ้านอื่นเข้า

170750

ทั้งนี้ ตนเองก็มีอาการป่วย เพราะได้รับบาดเจ็บจากการตกบันไดหน้าบ้านเมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากว่าบันไดหน้าบ้านค่อนข้างสูงชัน จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเดินได้ และขาขวามีอาการปวดบวมอยู่ตลอด แต่ดีขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้จะพบแพทย์และรับประทานยาแล้วก็ยังไม่หายดี การใช้ชีวิตเป็นความเป็นอยู่จึงค่อนข้างยากลำบากมาก เพราะมีลูกชายคนเดียวที่คอยช่วยเหลืออยู่ตลอด และถ้าหากน้ำมาสูงกว่านี้ หากไม่มีใครมาช่วยได้ทัน ตนเองก็อาจจะไปกับน้ำ เพราะเดินไม่ได้ และลูกชายก็มีคนเดียวอาจจะช่วยเหลือหลายคนได้ไม่ทัน

822844

ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านบางส่วนที่อพยพมายังศูนย์อพยพเทศบาลตำบลท่าฉาง 3 ครอบครัว มีทั้งผู้ใหญ่แลเด็กโดยมีการนำผ้ามาปูบริเวณหน้าทางเข้าเทศบาล เพื่อเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว

815130

จากนั้น ทีมข่าวนั่งเรือไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างเมธีธรรมสถาน ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยกุศลศรัทธา สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ และตัวแทนจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี เพื่อเข้าไปมอบข้าวสารอาหารแห้ง และน้ำดื่ม จำนวน 200 ชุด ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลท่าฉาง อำเภอท่าฉาง ในบริเวณนี้น้ำท่วมสูง รถไม่สามารถวิ่งเข้าไปได้ โดยระดับน้ำสูงตั้งแต่ 80 เซนติเมตร ถึงมากที่สุด 150 เซนติเมตร ในระดับอก

140334

นางวรรณี ช่วยยศ อายุ 47 ปี ประชาชนในพื้นที่หมู่ 3 ที่ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า ขณะที่น้ำเริ่มมาตนเองก็เตรียมพร้อมเก็บของเอาไว้แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าระดับน้ำจะมาเร็วกว่าที่คิดไว้ ทำให้ข้าวของที่เก็บไว้ไปส่วนหายไปกับน้ำ ส่วนความเป็นอยู่ค่อนข้างยากลำบาก เพราะออกไปไหนไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงเข้าไปในบ้านชั้น 1 ทั้งหมด หากจะเข้าห้องน้ำก็ต้องออกไปด้านนอกที่ไม่มีน้ำท่วม สิ่งที่ต้องการตอนนี้คือ ผ้าอ้อม ผ้า น้ำดื่ม และของใช้สำหรับเด็ก เพราะจำเป็นสำหรับหลาน

941973

ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัย เปิดเผยว่า การทำงานวันนี้แบ่งออกเป็น 2 ทีม วันนี้ที่เข้าไปช่วยน้ำสูงสุด 2 เมตร ที่ชาวบ้านยังไม่ออกมาก็เพราะว่าเป็นผู้สูงอายุที่ห่วงบ้าน ก็จะดูแลบ้านอยู่ตลอด ที่ผ่านมาเมื่อปี 2554 น้ำท่วมสูงก็ใช้ไม้กระดานพาดด้านบน ทั้งนี้ ท่าฉางเป็นอีกหนึ่งตำบลที่ถือว่าเป็นพื้นที่รับน้ำ ส่วนสถานการณ์วันพรุ่งนี้ยังไม่สามารถประเมินได้

171888

นอกจากนี้ มีภาพที่โซเชียลแชร์ขณะเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือหญิงท้องแก่ที่รถยนต์ถูกน้ำซัดจมเกือบทั้งคัน ที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี โดยผู้ประสบเหตุรถยนต์ตกลงข้างทางจมลงไปในน้ำ มีผู้ติดอยู่ในรถระดับน้ำลึกประมาณ 1 เมตร

342711

พบผู้ประสบภัย 2 ราย คือ นายอนิรุต ด้วงโยธา อายุ 33 ปี และนางชมพูนุช ถิ่นบ้านใหม่ อายุ 28 ปี สามีภรรยานั่งอยู่บนหลังคารถ ซึ่งนางชมพูนุชท้องแก่มีกำหนดคลอดใน 2 วันนี้ จึงได้ช่วยกันลำเลียงผู้ประสบภัยทั้ง 2 รายนำไปขึ้นรถ 10 ล้อของหน่วยป้องกันบรรเทาสาธารณภัย นำตัวส่งโรงพยาบาลท่าชนะ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันลากรถกระบะขึ้นมาจากน้ำ ก่อนมอบให้เจ้าของนำไปซ่อมแซมต่อไป

788743

นางชมพูนุช เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุที่ขับรถออกไประดับน้ำยังไม่สูง แต่เมื่อมีรถขับสวนออกมา ทำให้คลื่นน้ำตีเข้ามาที่รถของตน ประกอบกับรถสะบัดตกลงข้างทาง สามีตนจึงตัดสินใจทุบกระจกรถ และพาตนขึ้นไปนั่งรอขอความช่วยเหลือบนหลังคารถ แล้วโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนปลอดภัยแล้ว

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส