ผจว.สุราษฎร์ธานี ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 9 อำเภอ พร้อมประเมินสถานการณ์ และขอสนับสนุนเรือดันน้ำจากกองทัพเรือ มาช่วยระบายน้ำลงสู่ทะเล
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราขการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมร่วม ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย อาคารศาลากลางสุราษฎร์ฯ เมื่อเวลา 11.00 น. เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก ซึ่งขณะนี้พบว่ามวลน้ำจำนวนมากจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนหนึ่งที่จะมาระบายออกทะเลที่กาญจนดิษฐยังมี่ปริมาณมาก ขณะที่ทางด้านทิศตะวันตก ก็รับมวลน้ำจากเทือกเขาแก่งกรุงและเทือกเขาพนม ไหลมาระบายลงทะเลที่อำเภอพุนพิน ซึ่งจะทำให้อำเภอพุนพินได้รับน้ำจาก 3 คลองหลัก ประกอบด้วยคลองยัน คลองพุมดวง และแม่น้ำตาปี อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมอำเภอพุนพินมากกว่าปัจจุบัน จึงได้พิจารณาขอสนับสนุนเรือผลักดันน้ำจากทัพเรือภาค 2 มาช่วยระบายน้ำที่อำเภอพุนพินออกสู่ทะเล ไม่ให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งมากบรรเทาทุกข์ในชาวลุ่มน้ำตาปี พร้อมประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 9 อำเภอ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน
สำหรับสถานการณ์น้ำ ยังคงขยายพื้นที่ในหลายอำเภอ ล่าสุดหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มใน ต.ป่าเว อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ที่ได้รับน้ำป่าจากอีกด้านของเทือกเขาแก่งกรุง ทำให้มวลน้ำเข้าท่วมถนนภายในหมู่บ้าน และบ้านเรือนประชาชน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสำรวจและให้การช่วยเหลือ
เช่นเดียวกับพื้นที่ ตำบลท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม ที่ระดับน้ำเริ่ม น้ำในคลองยัน ที่รับน้ำฝนที่ตกในเทือกเขาแก่งกรุง เริ่มหลากล้นตลิ่งแล้ว ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ ซึ่งก็ได้ดำเนินการช่วยชาวบ้านขนของหนีน้ำ และญาติประชาชนออกจากบ้านเสี่ยงที่ต้องการไปอยู่บ้านญาติชั่วคราว โดยมวลน้ำตาปียังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น และไหลต่อไปยังปลายน้ำในอำเภอพุนพินเพื่อระบายสู่ทะเล
ทำให้ขณะนี้มีพื้นที่น้ำท่วมแล้ว จำนวน 11 อำเภอ คือ อ.ดอนสัก อ.กาญจนดิษฐ์ อ.วิภาวดี อ.ท่าฉาง อ.บ้านนาเดิม อ.เคียนซา อ.ชัยบุรี อ.พุนพิน อ.ไชยา อ.บ้านนาสาร อ.คีรีรัฐนิคม รวมทั้งสิ้น 41 ตำบล 180 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบจำนวน 3,244 ครัวเรือน 9,775 คน ไม่มีผู้บาดเจ็บและไม่ผู้เสียชีวิต