กรณีตำรวจ สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุรถบัสรับส่งนักเรียนชนคานกั้นความสูงหัก บนสะพานข้ามแยกพัฒนาการ ขาออก เป็นเหตุทำให้นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสุวรรณภูมิ บาดเจ็บ 9 คน โดยนำส่งโรงพยาบาลวิภาราม เหตุเกิดเมื่อเวลา 07.29 น. วันที่ 1 ธ.ค. 63
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังพื้นที่สะพานข้ามแยกพัฒนาการ ขาออก พบว่ายังมีเศษกระจก และเศษวัสดุของรถบัสหลงเหลือให้เห็นบริเวณริมทาง นอกจากนี้ที่บริเวณคานจำกัดความสูง ยังมีป้ายที่ระบุว่า "ห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป หรือรถสูงเกิน 3.10 ม." และยังพบว่ายังคงมีรถบรรทุกฝ่าฝืนใช้สะพานดังกล่าว
นายกิตศักดิ์ ชูราศรี อายุ 44 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์และพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยเหลือ เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. ตนกำลังเตรียมตัวไปส่งลูกไปโรงเรียน ขณะนั้นได้ยินเสียงโครมดังมาก จึงวิ่งจากห้องพักลงมาดู พบว่ารถบัสได้ชนคาน ภายในรถบัสมีเด็กนักเรียน ตนได้วิ่งเข้าไปช่วยเหลือทางประตูด้านหลังของรถบัส แต่ประตูด้านหลังล็อก ตนได้พยายามงัดประตูออก เพื่อให้เด็กลงมา ภายในรถบัสมีเด็กนักเรียนประมาณ 10 กว่าคน มีนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 9 คน ซึ่งบางคนได้รับบาดเจ็บถูกเศษกระจก มีแผลถลอก และมีรอยพกช้ำ
เมื่อเด็กนักเรียนออกมาได้แล้ว แต่ละคนก็อยู่ในอาการตกใจ ตนทำได้เพียงปลอบใจ และมีเด็กนักเรียนได้บอกกับตนว่า ทุกวันจะไปนั่งกันตรงบริเวณด้านหน้าของรถบัส แต่วันนี้ได้ไปนั่งอยู่ข้างบริเวณเบาะด้านหลังกัน ทำให้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จากนั้นตนได้โทรแจ้งมูลนิธิร่วมกตัญญู เพื่อให้นำตัวเด็กนักเรียนทั้ง 9 คนไปส่งโรงพยาบาลวิภาราม
ส่วนผู้ขับขี่รถบัสรับส่งนักเรียนไม่ได้รับบาดเจ็บ ได้ลงมาโทรศัพท์แจ้งประกันภัย และไม่ได้หลบหนัไปไหน พร้อมกับอ้างว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเขามองไม่เห็นว่ามีคานกั้นความสูง เพราะตรงบริเวณดังกล่าวมืด ประกอบกับไม่ทราบว่ามีคานกั้นความสูง เพราะช่วงที่เปิดใช้บริการนั้นเป็นช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม จึงไม่ได้สัญจรผ่านไปมา จึงคุ้นชินคิดว่าไม่มีคานกั้นความสูง
นอกจากนี้คานความสูงเพิ่งสร้าง ช่วงที่ซ้อมสะพาน โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปใช้บริการ ที่ผ่านมาสะพานชำรุดเพราะรถบรรทุก สะพานข้ามแยกดังกล่าวเปิดใช้บริการเมื่อวันที่ 15 พ.ย.63 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ผู้ขับขี่รถทุกชนิด หากทางหน่วยงานภาครัฐ ขอความร่วมมือไม่ให้ขึ้นสะพาน ก็ควรที่จะไม่ขึ้นสะพาน และอยากให้ทางหน่วยงานภาครัฐ มาติดไฟจราจรเพิ่มเติม
สำหรับสภาพรถบัสรับส่งนักเรียนเสียหายทั้งคัน หลังคายุบ เป็นรถบัสชั้นครึ่ง 40 ที่นั่ง มีความสูงจากพื้น 3.60 ม. ซึ่งทุกวันทางนายเราะมาน จะขับรถบัสรับนักเรียน จุดแรกที่ให้บริเวณ สน.คลองตัน ตั้งแต่เวลา 05.50 น. ก่อนจะเดินทางไปรับนักเรียนตามจุดอื่น ๆ จนถึงโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสุวรรณภูมิ ในเวลา 07.00 น.
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับน้องจิ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าตรงบริเวณสะพานข้ามแยกถนนพัฒนาการ ซึ่งขณะนั้นทางคอสะพานมีคานกั้นระดับความสูง ตนไม่ทราบว่าคนขับรถเห็นหรือไม่ แต่ก่อนหน้านี้สะพานได้ปิดให้บริการ เนื่องจากซ่อมแซม คนขับรถจึงเปลี่ยนเส้นทางอ้อมไปเส้นพระราม 9 และเพิ่งมาเปิดใช้บริการในเดือน พ.ย.63 ที่ผ่านมา ประกอบกับวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก คนขับอาจจะไม่ทราบว่ามีการสร้างที่กั้นความสูงเพิ่มขึ้นมา จึงได้เร่งรถขึ้นคอสะพาน ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ หลังคารถไปเชี่ยวชนกับคานระดับความสูง ทำให้หลังคายุบ เกือบชิดตัว
โดยมีเพื่อนและน้องนักเรียนนั่งเบาะแรกจำนวน 2 คน เบาะที่ 3 จำนวน 1 คน เบาะตรงกลาง 5 คน และเบาะหลังสุด จำนวน 5 คน ซึ่งขณะนั้นมีเพื่อนและน้องนักเรียนทั้งหมดจำนวน 13 คน แต่ละคนไม่ได้หลับ ยังมีสติ ตนจึงบอกใหเรีบลงจากรถ และโชคดีที่มีชาวบ้านและพนักงานกวาดขยะมาช่วย ตนคาดว่าหากคนขับด้วยความเร็วปกติ รถอาจจะพ้นคานไปได้
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนทราบว่าบริเวณที่เกิดเหตุมีคานกั้นระดับความสูง แต่ตนไม่ทราบว่าทางคนขับรถจะขึ้นไป อาจจะด้วยความไม่รู้ ซึ่งตนก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เพราะตอนแรกคิดว่าน่าจะใช้เส้นทางอ้อม ทำได้เพียงหวังว่าต้องผ่านไปให้ได้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ผ่านไปไม่ได้ นอกจากนี้ตนได้นั่งรถของนายเราะมาน มา 2 ปีแล้ว ซึ่งไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ถือว่าเป็นคนขับรถที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่เคยนั่งมาแล้ว และขับรถไม่เร็ว แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนอยู่ในอาการขี้ตกใจ มีบางคนร้องไห้ แต่อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว
ทั้งนี้ตนก็ยังคงจะใช้บริการรถของนายเราะมาน ตามเดิม พ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร เพราะเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ และไม่ได้มีใครได้รับบาดเจ็บมาก ส่วนค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายอื่น ๆ ทางผู้ขับรถก็พร้อมที่จะเยียวยาให้ นอกจากนี้ตนยังขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ภาครัฐว่าควรทำป้ายบอกทางให้ชัดเจนว่า จะไม่ให้รถ 6 ล้อขึ้นไปใช้บริการ เพื่อลดอุบัติเหตุ
