จากกรณีมีผู้ส่งคลิปวงจรปิด ร้องเรียนเข้ามายังแฟนเพจของอมรินทร์ ทีวี โดยระบุว่า เป็นผู้เสียหายจากการกระทำของหญิงรายหนึ่ง ที่มีพฤติกรรมเหมือนป้ามหาภัย ที่จะใช้จังหวะการรับเงินทอนจากร้านค้า จากนั้นอ้างว่าได้รับเงินทอนไม่ครบ เพื่อเรียกเอาทรัพย์จากพนักงานร้านค้านั้น ๆ
โดยคลิปดังกล่าวที่ผู้ร้องเรียนส่งเข้ามาให้ตรวจสอบ ปรากฎมีหญิงชุดลายดอก ผมสีทอง คาดผม สวมใส่หน้ากากอนามัย พร้อมกระเป๋า 1 ใบ โดยเข้ามาซื้อสินค้าตามปกติ แต่เมื่อมีการชำระเงินค่าสินค้า คาดว่าผู้ก่อเหตุชำระด้วยธนบัตรใบละ 1,000 บาท จากนั้นหญิงรายนี้ก็แสดงพฤติกรรมหลอกเอาเงินทอน เหมือนกับป้ามหาภัยที่เคยตกเป็นข่าว
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้เสียหาย แต่ทางร้านค้าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เพราะกังวลว่าจะมีผลต่อหน้าที่การงาน ส่วนสถานที่เกิดเหตุไม่ได้มีการระบุว่าเป็นสถานที่ใด สาขาไหน
ทั้งนี้หากย้อนกลับไปวันที่ 9 ม.ค.63 ป้ามหาภัยก็เคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวที่ห้างฯ เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ และวันที่ 1 ต.ค.63 ได้ไปก่อเหตุที่ห้างฯ สยามพารากอน กรุงเทพฯ โดยแต่งกายคล้าย ๆ กัน ก่อเหตุในลักษณะคล้าย ๆ กัน
นอกจากนี้ วันที่ 19 ต.ค.63 ยังไปก่อเหตุที่ห้างฯ บิ๊กซี จ.สมุทรปราการ และวันที่ 26 ต.ค.63 ไปก่อเหตุที่ท่าน้ำนนท์ จ.นนทบุรี ซึ่งพฤติกรรมและการแต่งกาย ก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทั้งหมด
ล่าสุดวันที่ 30 พ.ย.63 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่า มีสาวแต่งตัวดี ก่อเหตุที่ร้าน KFC และร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด วันเข้าไปหลอกเอาเงินทอนจำนวนหลายร้าน จนพนักงานหวาดผวา
โดยจุดแรกที่ร้าน KFC ปากทางเข้าเมืองทองธานี ถนนติวานนท์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบภาพจากกล้องวงจรปิดของร้าน กลางดึกของคืนวันที่ 29 พ.ย.63 ที่ผ่านมา หญิงสาวหน้าตาสวย อายุประมาณ 30 ปี ผมสีทอง เข้ามาและหลอกเอาเงินทอนไปได้
ส่วนจุดที่สองในวันเดียวกัน เป็นร้าน "มินิ บิ๊กซี" ภายในซอยวัดกู้ ถนนสุขาประชาสรรค์ 1 อ.ปากเกร็ด กล้องวงจรปิดจับภาพหญิงคนเดียวกันกับที่ไปร้าน KFC ทำทีเข้าไปซื้อสินค้าราคา 60 บาท แล้วให้เงินพนักงาน 40 บาท ทางพนักงานสาวจึงแจ้งว่าเงินไม่พอ หญิงสาวจึงหยิบแบงก์ 1,000 ส่งให้ ก่อนจะใช้แผนเดิม รักแร้หนีบเงินทอน แล้วอ้างว่าพนักงานทอนเงินไม่ครบ
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 63 หญิงรายนี้ได้ก่อเหตุในพื้นที่ลาดพร้าว จนกระทั่งจะสิ้นปี 63 ตำรวจก็ยังตามจับกุมตัวเธอไม่ได้ และสาวรายนี้ก็ยังคงก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง โดยมีเพียงภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถจับพฤติกรรมเอาไว้ได้ทั้งหมด และกลายเป็นข่าวดังทุก ๆ ครั้ง