“พชร์-นิก” คืนดีแล้ว! ไม่เกี่ยวกับเลิก "แตงโม" ลั่นให้อภัยกันดีกว่า ส่วนคดีความพร้อมไกล่เกลี่ย

29 พ.ย. 63

คาราคาซังกันมานานนับปีเลยทีเดียว สำหรับกรณีแตกหักกันระหว่าง ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง "พชร์ อานนท์" และนักแสดงหนุ่ม "นิก คุณาธิป" ซึ่งเป็นเด็กปั้นในสังกัดของพี่พชร์ โดยทั้งคู่ต่างโพสต์แขวะกันไปมาผ่านทางโซเชี่ยลสุดท้ายก็ลงเอยกันที่ชั้นศาล เรียกว่าไม่เห็นหนทางที่กลับมามองหน้ากันได้ติดอีกต่อไป

แต่ล่าสุดทั้งสองคนได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง โดยที่หนุ่ม "นิก" มาแสดงภาพยนตร์ของ "พชร์" ทำเอาหลายคนงงเป็นไก่ตาแตกว่าเกิดอะไรขึ้น และวันนี้ (29 พฤศจิกายน 2563) ทั้งสองคนก็ได้เจอหน้ากันแบบจังๆ ในงานบวงสรวงภาพยนตร์เรื่อง บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึง โดยปฏิกิริยาของทั้งคู่ก็ดูปกติ ไม่ได้เหมือนก่อนหน้านี้ที่ต่างคนต่างแทบจะไม่อยากมองหน้ากัน อีกทั้งเมื่อถึงคิวสัมภาษณ์คู่กัน ก็มีทั้งช็อตกอดกัน หอมแก้มกัน และเกือบจะจุ๊บปากกันอีกด้วย เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากนักข่าวและช่างภาพบันเทิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นจนดังสนั่นเซ็นทรัลเวิล์ดเลยทีเดียว

โดยพี่พชร์ บอกว่า การให้อภัยกันดีที่สุด ก็เลยเป็นคนต่อสายตรงหาทางหนุ่มนิกด้วยตัวเอง ซึ่งหนุ่มนิกเอง ก็บอกเลยว่า ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ เพราะคิดว่าจะเลิกเล่นหนัง กับทำงานในวงการไปแล้ว โดยตนก็หันไปทำสายอื่น อาทิ ช่องยูทูปชาแนลของตัวเอง พอสุดท้ายได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งก็รู้สึกโล่งใจ

ด้านพี่พชร์เผยต่อว่า ในส่วนของคดีความที่ขึ้นศาลกันนั้น ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ เพราะเข้าสู่ชั้นศาลแล้ว แต่ก็คงจะไกล่เกลี่ยกันได้ เพราะจริงๆ ทางศาลก็อยากให้จบแบบนี้ ส่วนสัญญาของ นิก ยังเหลือกับตนอีก 2 ปี โดยหลังหมดสัญญาก็แล้วแต่เขาว่าเอายังไง ตนไม่บังคับ หนุ่มนิก เลยกระซิบบอกว่า “งานที่เคยติดต่อแล้วไม่ได้รับ ตอนนี้สามารถรับงานได้แล้วนะครับ”

สุดท้ายทั้งสองคนก็บอกว่า กรณีแตกหัก ผิดใจกันไม่ได้เกิดจากอดีตแฟนสาวของหนุ่มนิก อย่าง "แตงโม นิดา" แน่นอน

กลับมาจูบปากกันแล้ว ?
พชร์ : “ก็คุยกันแล้วนะครับ เพราะว่าเราก็ต้องยกโทษให้เด็ก เพราะว่าเรารู้สึกว่าที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่ได้คุยกันตั้งแต่มีเรื่อง ก็อาจจะมีอะไรคาดเคลื่อนนิดหน่อย หลังจากนั้นเราก็โทร.หาเขา เพราะเขายังมีสัญญาอยู่กับเรา 2 ปี แล้วเราก็เป็นคนดูแล เราก็ติดต่อเขาว่าอยากเล่นหนังไหม เพราะเราก็ต้องตามสัญญาที่เราเซ็นไว้ แล้วเราก็ชวนเขามาเล่น เขาก็โอเค ว่าขอคุยขอเคลียร์กับพี่พชร์ก่อน เราก็บอกไม่ต้องเคลียร์หรอก เรื่องเก่าๆ ให้มันลืมๆ ไป เพราะว่าเราเข้าใจคลาดเคลื่อนกัน เข้าใจผิดกัน”

เรื่องคดีความจะเป็นอย่างไรต่อไป ?
พชร์ : “อันนั้นก็ต้องรอดูทางศาลก่อน ให้มันเป็นไปตามกระบวนการ แต่จริงๆ เราก็ไม่ได้มีอะไร นิกก็ไม่ได้มีอะไร แค่เราไม่ได้คุยกัน”

อะไรคือสิ่งที่เราไม่เข้าใจกัน ?
พชร์ : “มันมีหลายเรื่องครับ แต่เราก็พยายามคุยกัน พยายามเคลียร์ให้ดีที่สุด ซึ่งเราก็จะพยายามไม่นึกถึงเรื่องเก่าๆ ไม่ใช่ว่าเรามายอมดีกับนิก ไม่ใช่ เราเต็มใจที่จะให้โอกาสเด็กอีกครั้งหนึ่ง เพราะน้องก็ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย แต่เราก็อะ ในเมื่อจะคุยกัน เราก็คุยกัน แล้วก็ให้งานน้องทำ”

ใครเป็นฝ่ายโทร.หาใครก่อน ?
พชร์ : “เราโทร.หาเขาก่อน นิกเขาก็พยายามจะโทร.หาเราแหละ แต่เราไม่รับ คุณแม่โทร.มาก็ตัดทิ้ง คือเราไม่รับเขาเลยช่วงนั้น แต่เราก็เข้าใจเด็กไง ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันดี เราก็ไม่ว่ากัน แต่ต่อไปนี้ก็ต้องคุยกัน ว่าอะไรเป็นยังไง มันเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า ต่างคนต่างหัวร้อนทั้งคู่ เราก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว สไตล์เราก็เชิ่ดๆ เริ่ดๆ อยู่แล้ว แต่พอเรามาคิดดูวันหนึ่ง มันเหมือนมีอะไรติดขัดในใจเรา เราก็คุยกันดีกว่า เพราะเราก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องยกโทษให้เด็ก อะไรที่อภัยได้ ก็อภัยกัน เหมือนคนไทยตอนนี้ อะไรที่อภัยได้ ก็อภัยกัน เพราะว่ามันจะทำให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้นนะครับ”

ตอนพี่เขาโทร.ไปหาเรารู้สึกอย่างไรบ้าง ?
นิก : “ตอนแรกก็ตกใจครับ เพราะว่าเราไม่ได้คุยกันนานมากๆ จริงๆ เรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย แค่เราไม่ได้พูดคุยกันมากกว่า พอมาเจอกันอะไรๆ ก็ดีขึ้นครับ ก็มีการขอโทษกันครับ ณ ตอนนั้นเลย พอพี่เขาให้อภัยแล้ว เราก็แฮปปี้ครับผม อย่างที่บอกจริงๆ ผมไม่ได้โกรธอะไรพี่พชร์ พี่เขาก็ไม่ได้โกรธอะไรผม แค่เราไม่ได้คุยกัน”

คิดไหมว่าเราจะสามารถกลับมาเล่นหนังพี่พชร์ได้อีกครั้ง ?
นิก : “ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะกลับมาเล่นหนังแล้วครับ ผมคิดว่าชีวิตนี้ผมจะไม่เล่นหนังอีกแล้ว ผมก็ไปทำช่องยูทูปของผม ไปทางอื่น จนวันที่พี่เขาโทร.หา”

ใจจริงๆ ช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราก็อยากเคลียร์กับพี่เขาใช่ไหม ?
นิก : "จริงๆ อยากเคลียร์อยู่ตลอดอยู่แล้ว”
พชร์ : “แต่เราไม่คุยกับเขาเอง”
นิก : “อย่างที่เขาบอกกับสื่อว่าทำไมไม่ติดต่อเขาไป ผมก็ให้แม่โทร.ไป พี่เขาก็บล็อกเบอร์แม่ผม ก็เลยไม่รู้จะติดต่อยังไง”

รอบนี้กลับมากลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยไหม ?
นิก : “จริงๆ ไม่กลัว เพราะว่าที่ผ่านมาจริงๆ ผมว่าพี่พชร์เขาไม่ได้จะทำร้ายอะไรผมอยู่แล้ว มันเป็นด้วยอารมณ์ ต่างคนต่างมีอารมณ์แค่นั้นเอง”

เรียกว่าหายงอนได้ไหม ?
พชร์ : “มันไม่ได้หายงอนหรอก เราเห็นเด็กที่เราทำงานด้วยกัน เคยอยู่สังกัดเดียวกัน พอเรารู้สึกว่าเขามีปัญหาเราก็อยากจะช่วยให้เขาดีขึ้น เราก็ไม่เคยลืมเขา ใครจะว่ายังไงเราก็ยอมรับอยู่แล้วว่าที่ผ่านมาทำไมถึงขึ้นศาลทำไมถึงโวยวายเราก็ยอมรับ เราก็ยอมรับผิด แต่ในเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่เราก็ต้องให้โอกาสเด็กคนหนึ่ง ตอนแรกว่าจะเอาให้ถึงที่สุด แต่ก็เออ..ไม่เอาดีกว่า"

แล้วอะไรที่ทำให้หยุดคำว่าเอาให้ถึงที่สุด ?
พชร์ : “สติๆ สติทำให้หยุดคำว่าเอาให้ถึงที่สุด เพราะตอนนั้นโมโหหัวร้อน พอคนเรามีสติก็กลับไปทบทวน ว่าเรื่องมันเป็นอะไรยังไง ทำยังไงถึงจะให้มันดีขึ้น ไม่งั้นมันก็จะค้างคาใจว่าเราทะเลาะอยู่กับเด็กคนหนึ่ง เราก็ยกโทษให้ดีกว่า แล้วก็การที่เราให้อนาคตเด็กอีกครั้งหนึ่ง เราก็จะให้เขาพิสูจน์ ว่าเขาจะเป็นคนเดิมไหม ไม่เกี่ยวกับมือที่3 มือที่4 ที่5 ที่6 ไม่เกี่ยว”

หลายคนก็มองว่านิกเปลี่ยนแฟนใหม่พี่พชร์ก็เลยให้โอกาส ?
พชร์ : “อ๋อ ไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยวเรื่องแฟน เพราะที่ทะเลาะกันก็ไม่ใช่เรื่องแฟนเรื่อง ต่างคนต่างทรนงมากกว่า เขาก็จะสไตล์เขา เราก็จะสไตล์เรา แต่พอมาคิดดูแล้วว่าถ้าคนเราดีกัน ดีกว่าโกรธกัน”

ไม่เกี่ยวจริงไหมเห็นนิกยิ้มตอนที่พี่พชร์ตอบ ?
นิก : “ผมก็ยิ้มๆ เฉยไงครับ ก็ฟังแล้วก็ยิ้ม (หัวเราะ)”
พชร์ : “ไม่เกี่ยวเรื่องแฟน เพราะว่าเราทำงานกันดีกว่า อดีตที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เพราะเราก็อยากจะบอกทุกคนว่า อะไรที่มันยกโทษได้ก็อภัยให้กันดีกว่า สังคมจะได้มีความสุข”

แต่โอเคใช่ไหมที่นิกคบกับคนนี้ ?
พชร์ : “เขาคบกับใครก็เรื่องของเขา เพราะว่าคนเก่าคนนั้น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับเรา แต่เราก็ต้องบอกให้เขารู้จักดูแลตัวเอง ให้เขาเลือกคบคน”

p2-00

หลายคนก็มองว่านิกไปไหนไม่รอดสุดท้ายก็กลับมา ?
นิก : “จริงๆ อย่าเรียกว่าไปไหนไม่รอดเลยดีกว่าจริงๆ เรียกว่าอยากกลับมา เราคิดถึงกันมากกว่าครับ ผมอยากกลับมาร่วมงานกันมากกว่า พอพี่พชร์เขาได้ติดต่อมา ผมก็แฮปปี้ที่จะอยากกลับมาทำงาน เพราะอย่างที่บอก ผมพูดตรงๆ ว่าตอนแรกผมก็เอียนกับการที่จะเล่นหนังไปแล้ว ผมอยากจะไปเป็นยูทูปเบอร์ ไปทางนั้นแล้ว”

กลับมาครั้งนี้ต้องปรับตัวไหม ?
นิก : “จริงๆ ไม่มีอะไรต้องปรับครับ ตอนที่เรากลับมาคุยไลน์กันกับพี่พชร์ แรกๆ ก็เหมือนมีอะไรมากั้น แต่พอเรานัดเจอกันก็เหมือนทลายกำแพง”
พชร์ : “เหมือนมีคลื่นมากั้น เพราะเราคุยโทรศัพท์กันไง คือเรามาคิดแล้วก็ให้อภัยกันดีกว่า ทะเลาะไปก็เท่านั้น”

มองหน้ากันติดได้เลยเหรอ ทั้งที่มีเรื่องกันมาขนาดนี้ ?
พชร์ : “เราเป็นคนสไตล์นี้อยู่แล้ว คือเป็นคนให้อภัยคน ไม่ใช่กรณีนิกคนเดียว คนอื่นเราก็ให้ ถ้าใครที่เรารู้สึกว่าเขาดีขึ้น แล้วทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนใจดี ให้อภัยแล้วรู้สึกสบายใจ อะไรที่ตะขิดตะขวงใจก็ปล่อยวาง ทำให้มันดีขึ้น”

โกรธง่ายแต่หายง่ายกว่า ?
พชร์ : “พอๆ กัน โกรธง่าย หายโกรธยาก แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพราะยังไงเขาก็เคยเป็นเด็กเรา ใครจะด่าเราก็ได้นะ เราไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะเราคิดดีแล้ว เราถึงคุยกับเขา”

เรื่องสัญญาจะเป็นอย่างไรต่อไป ?
พชร์ : “ก็รอให้มันหมด อีก 2 ปีหมด ระหว่างนี้เขาก็ทำงานกับเราไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาจะไปทำอะไรก็ตามสบาย เรื่องของเขา ไม่ได้บังคับให้เซ็นต่อ เราไม่บังคับแล้ว อยู่ที่จิตใจเขา เพราะคนเรามันดูแลได้แค่ตัว แต่จิตใจเราดูแลกันไม่ได้อยู่แล้ว”

งานต่างๆ ก็ติดต่อผ่านพี่พชร์ใช่ไหม ?
พชร์ : “ก็คงจะยังงั้นครับ คนอื่นไม่ติดต่อเขาอยู่แล้ว เพราะเขากลัวน้องยังมีสัญญากับเรา”

เราโล่งอกขึ้นไหม ?
นิก : “โล่งอกครับ แล้วก็อยากจะบอกคนที่เคยติดต่อมา ตอนนี้รับงานได้แล้วนะครับ”
พชร์ : “รับไม่รับอะไรบอกเราด้วย เพราะคิวต้องเทให้เรา”

ช่วงนั้นสูญเสียเยอะไหม ?
นิก : “เยอะมากครับผม แค่ค่ารีวิวก็เยอะแล้ว”
พชร์ : “เขาทำตัวเขาเองไง”

ตอนขอโทษมีพวงมาลัยขอขมาไหม ?
พชร์ : “ไม่ต้องๆ พวกนี้มันไม่สำคัญสำหรับเรา มันสำคัญที่ความจริงใจมากกว่า อย่างเทพพิทักษ์ มาขอโทษพี่ตอนนี้เราอาจให้อภัยก็ได้ แต่อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เขาอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ (หัวเราะ)”

เรื่องคดีใครจะถอนใครก่อน ?
พชร์ : “ต้องรอ มันเป็นรูปของคดี แต่จริงๆ แล้วศาลก็อยากให้ประนีประนอมไกล่เกลี่ยกันมากกว่า มันก็ขึ้นอยู่กับเรา 2 คน เดี๋ยวรอศาลท่านเรียกเราอีกครั้งหนึ่ง ก็ค่อยไกล่เกลี่ยกันในชั้นศาล ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ รู้คร่าวๆว่าน่าจะเป็นปีหน้า”

ไกล่เกลี่ยแล้วก็คือจบเลยไหม ?
พชร์ : “ใช่ เราทำงานด้วยกันแล้ว ถ้าไม่จบก็แปลกหรือเปล่า เราไม่ได้ว่าท่านนะ เราไปขอให้ท่านช่วย ให้ตัดสินกันไป เราก็อยากให้จบกันดี เพราะเราก็ไม่รู้จะทะเลาะกันไปทำไม อันนี้ไม่ได้เป็นตัวอย่างอะไรนะ เดี๋ยวคนอื่นจะเลียนแบบ ทะเลาะกัน เดี๋ยวก็ดีกัน มันเป็นแต่ละกรณีไป”

จูบปากแล้วเนอะ ?
พชร์ : “ว่าจะจูบให้ดูแต่เขาไม่กล้า (หัวเราะ แล้วหันมากอดกัน)”

s__32800918-00

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส