เปิดใจ นาทีช่วยหนูน้อย 6 ขวบ ถูกพ่อเลี้ยงฟาดพื้นสลบ แม่ไม่ติดใจผัว แต่ตร.ชี้ผิดอาญา (คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวและคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่านบางขุนเทียน ซึ่งมีชายคนหนึ่งกำลังร้องไห้กับพื้น โดยในคลิปวีดีโอนั้น เจ้าของโพสต์ได้ต่อว่าชายคนดังกล่าวที่จับลูกทุ่มลงกับพื้น พร้อมบอกว่าถ้าไม่มีใครมาเห็นคงโยนลูกลงคลองแล้วหรือไม่ ขณะที่มีวินจักรยานยนต์คนหนี่งกำลังอุ้มลูกของชายคนดังกล่าวไว้ ซึ่งผู้โพสต์ยังระบุข้อความว่า "ชายคนนี้ทำร้ายลูกเลี้ยง มันจับขาแล้วฟาดกับพื้น 2 ครั้ง เราเห็นพอดี เด็กสลบทันที ไม่ทันได้อ้าปากร้องสักแอะ เด็กตัวเริ่มเขียว พอแย่งตัวเด็กมา เรียกเด็ก เด็กลืมตามาแล้วหลับต่อ ไม่มีสติ #ขอให้เด็กปลอดภัยด้วยเถอะ"

วันนี้ (3 เม.ย.) นางสาวแต้ว (นามสมมติ) ผู้โพสต์คลิป เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างเพื่อกำลังเดินทางกลับบ้าน พอถึงจุดเกิดเหตุก็เห็นผู้ชายคนในคลิป จอดรถจักรยานยนต์แล้วกระชากตัวเด็กผู้หญิงลงจากรถ แล้วจับขาเด็กยกขึ้นมาแล้วฟาดตัวเด็กลงกับพื้นดิน พอตนเห็นเหตุการณ์ก็ลงไปตะโกนถามว่าทำไมทำอย่างนี้ ซึ่งชายคนดังกล่าวก็ยังฟาดเด็กอีกรอบหนึ่งต่อหน้าต่อตา จากนั้นชายคนดังกล่าวก็อุ้มเด็กขึ้นมาแล้วพูดว่า  “ลูกผมเองๆ ไม่เป็นไร ลูกผมจริงๆ ผมเครียด ลูกชายผมโดนจับ” หลังจากนั้น พี่ที่เป็นคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ขี่มาส่งตนจึงด่ากลับไปว่า จะรักใครมากกว่าก็ทำแบบนี้ไม่ได้ นี่ลูกนะ จากนั้นพอชายคนดังกล่าวได้สติ ก็จับเด็กขึ้นมาฟังเสียงเต้นของหัวใจ แล้วก็บอกกับตนว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งตอนนั้นตนสังเกตแล้วว่าเด็กเริ่มตัวเขียว คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างจึงเข้าไปอุ้มเด็กไว้แทน และตนจึงรีบเรียกหน่วยกู้ภัยมาช่วยเหลือ ซึ่งระหว่างนั้นชายคนดังกล่าวก็ร้องโวยวายเสียใจที่ก่อเหตุดังกล่าว

หลังเกิดเหตุ ตนรู้สึกไม่สบายใจกลัวว่าเด็กจะเป็นอะไร จึงตามไปที่โรงพยาบาล แล้วได้พบกับแม่ของเด็ก ซึ่งแม่ของเด็กอยู่ในอาการโศกเศร้า บอกกับตนว่า “นึกว่าตีธรรมดา ไม่นึกว่าจะตีขนาดนี้” แล้วก็ร้องไห้ จากนั้นแม่เด็กขอให้ตนพาไปแจ้งความ เพราะไม่มีเงินค่ารถ ตนจึงพาเข้าไปแจ้งความ นอกจากนี้ แม่เด็กยังเล่าให้ตนฟังว่า แฟนคนนี้เป็นพ่อเลี้ยง ดีกับเด็กคนนี้มาก รักเด็กคนนี้จนเรียกกันว่าพ่อ-ลูกเลย แต่เพิ่งจะมามีพฤติกรรมเช่นนี้ในระยะหลัง โดยทั้งคู่คบกันมา 2 ปีแล้ว โดย น.ส.แต้ว ยอมรับกับทีมข่าวว่า พอเห็นข่าวว่าทั้งสองคนคืนดีกันแล้ว ตนก็รู้สึกแปลกใจมากที่แม่เด็กไม่ติดใจเอาความ พอมานั่งอ่านที่คนมาแดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊ก ก็มีคนบอกว่า ชายคนนี้ก่อเหตุมาหลายครั้ง และเคยทำร้ายร่างกายแม่เด็กด้วย ตอนนี้ตนก็รู้สึกสงสาร ต่อไปเด็กจะโดนอะไรอีก ในเมื่อเขาเคยก่อเหตุมาแล้ว เบื้องต้น ตนยังไม่ได้คุยกับแม่ของเด็ก และไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อไว้ ทราบเพียงว่าเด็กออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา หน้าตาเด็กยังเขียวช้ำ และมีอาการผวา ต้องให้แม่กอดตลอดเวลา ตนยังรู้สึกสะเทือนใจ ยอมรับว่ากังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง หากพ่อเด็กไม่พอใจก็อาจกลับมาหาเรื่องตนเพราะเขาไม่ได้ติดคุก ตนจึงคิดว่าจะไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ด้วย

ด้าน นายกล้วย คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง เปิดเผยว่า ขณะที่ตนขับรถจักรยานยนต์ไปส่งผู้โดยสารเวลาประมาณ 20.00 น. พอถึงจุดเกิดเหตุบริเวณจุดกลับรถ ใกล้กับขนส่งใต้สะพาน ตนก็เห็นผู้ชายคนนี้จับเด็กลงจากรถจักรยานยนต์ มาทุ่มลงกับพื้น ผู้โดยสารของตนตกใจจึงตะโกนร้องว่ามีคนทำร้ายเด็ก ตนจึงจอดรถ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็จับเด็กทุ่มลงกับพื้นอีก แล้วก็ตะโกนบอกว่า ลูกผมๆ ไม่มีอะไร แต่ตนเห็นเด็กหมดสติ จึงต่อว่า จะฆ่าเด็กหรืออย่างไร ตนเลยไปอุ้มเด็กไว้แล้วช่วยตบหลัง ตบหน้าอก เขย่าตัวเด็กให้ฟื้น ซึ่งเด็กก็ฟื้นขึ้นมาลืมตา แล้วก็สลบไปต่อ สักพักมูลนิธิป่อเต็กตึ๋งก็เข้ามาพาตัวเด็กไปส่งโรงพยาบาล นายกล้วยบอกว่าวชายคนดังกล่าวน่าจะทำไปเพราะขาดสติ ด้วยอารมณ์โมโห ซึ่งตนก็ไม่ทราบสาเหตุว่าโมโหด้วยเรื่องใด เมื่อชายคนดังกล่าวมีสติ ก็ร้องไห้โวยวายเหมือนกับรู้สึกผิด ตนคิดว่าชายคนดังกล่าวทำเกินกว่าเหตุและน่าจะได้รับโทษ ส่วนตัวรู้สึกภูมิใจที่ได้เข้าไปช่วยเหลือเด็กก่อนที่จะเกิดเหตุรุนแรงหรือเสียชีวิต

ขณะที่ พ.ต.อ.อำนาจ หาญชนะ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลเทียนทะเล เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของเด็กคือ นายฉัตรมงคล ทองแท้ อายุ 33 ปี ก่อเหตุดังกล่าว เพราะเกิดบันดาลโทสะ เนื่องจากทางนายฉัตรมงคล เป็นพ่อหม้ายลูกติดก่อนจะมาอยู่กินกับภรรยาคนปัจจุบันโดยภรรยาก็มีลูกติดเช่นกัน ขณะเกิดเหตุ แม่ของเด็กหญิงไม่อยู่บ้าน ซึ่งพ่อเลี้ยงได้ถามลูกเลี้ยงวัย 6 ขวบ ว่าพี่ชาย (ลูกนายฉัตรมงคล) ไปไหน แต่เด็กตอบไม่ดี จึงได้เกิดบันดาลโทสะ จนนำไปสู่การก่อเหตุทำร้ายร่างกายลูกเลี้ยง ก่อนที่จะมีพลเมืองดีทนเห็นไม่ได้จึงได้เข้าช่วยเหลือ โดยอาการของเด็กล่าสุดปลอดภัยแล้ว สำหรับเรื่องคดีความ ขณะนี้พนักงานสอบสวน กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อนำตัวพ่อเลี้ยงรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย แม้ว่าทางภรรยาจะยอมความ แต่ในส่วนของคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้