ตอบชัดทุกดราม่า! "หมอเจี๊ยบ" อัพเดตอาการซี่โครงหัก คุยกับ "เชียร์" แล้ว

26 พ.ย. 63


“หมอเจี๊ยบ ลลนา” อัพเดตถึงอาการซี่โครงร้าวว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งตอบถึงดราม่าผลตัดสิน 10 fight 10 ที่ขึ้นชกกับ เชียร์ ฑิฆัมพร ถูกมองว่าค้านสายตา ว่า อาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้ว กลับมาทำงานแล้ว คือซี่โครงร้าวก่อนขึ้นชก พอชกไปก็หักเลย สำหรับอาการตอนนี้หายใจก็ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย โดยรวมแล้วโอเค ก็ยังงดออกกำลังกาย ในแง่ของการรักษาคือมันจะติดเอง หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าซี่โครงหักไม่ต้องไปเข้าเฝือก คือเป็นการพักให้มันสมาน กินยาแก้ปวด รักษาไปตามอาการ และเวลาทำงานก็งดปั๊มหน้าอกคนไข้ไปก่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "เชียร์ ฑิฆัมพร" ปลอดภัยดี! หลังแลกหมัดดุเดือดกับ "หมอเจี๊ยบ" จนถูกหามส่งรพ.
- "กระแต อาร์สยาม" โพสต์ถึง "เชียร์ - หมอเจี๊ยบ" ในฐานะอดีตนักมวยอาชีพ
- หมอ “เจี๊ยบ ลลนา” กลับมาทำงานแล้ว พร้อมสู้กับโควิด-19ไปด้วยกัน!


คือตอนแรกเราก็ไปหาหมอคิดว่าเจ็บกล้ามเนื้อ วันสุดท้ายก่อนขึ้นชก เราซ้อมแล้วทรุดลงไปก็ไปหาหมอ ไปตรวจก็เห็นว่าซี่โครงร้าว สุดท้ายก็หาวิธีจนขึ้นชกได้ สำหรับระยะเวลาในการรักษา เพื่อนที่เป็นหมอผ่าตัดทรวงอกบอกว่าปกติเลยก็ 6 เดือน แต่ 4 เดือนก็เริ่มดีแล้ว แต่เจี๊ยบว่าประมาณ 1–2 เดือนก็ค่อนข้างดีขึ้นแล้ว

เมื่อถามว่ามีพยาบาลส่วนตัวดูแลดีไหม หมอเจี๊ยบ เผยว่า ดูแลดีมาก เป็นข้ออ้างที่ไม่ต้องทำอะไร อยากได้อะไรทำตัวนิ่งๆ เมื่อก่อนจะหยิบน้ำเราก็ต้องเดิน ตอนนี้สบาย ไม่ต้องทำอะไรเลย (หัวเราะ) วันที่เราเจ็บเขาร้องไห้เลย เพราะเขาเห็นเราวันก่อนขึ้นชก เราร้องไห้กลัวจะขึ้นชกไม่ได้ ทุกคนเฝ้ารอดู มันกะทันหันมาก เพราะตอนเช้าเราคิดว่าเจ็บกล้ามเนื้อเฉยๆ ก็อยู่อย่างนั้นทั้งวัน จนซ้อมแล้วเป๊าะ มันเจ็บมาก พอไปหาหมอก็เห็นว่าร้าว พอคุณหมอช่วยหาวิธีได้ ก็สบายใจขึ้น เพื่อที่จะได้ไปทำหน้าที่ของเราให้เสร็จ

ถามว่าตอนนั้นอยากถอนตัวไหม ใครก็อยากถอน จริงๆคิดว่าถ้ามีเวลาพักให้หายก็คงดี แต่ด้วยความที่เราทำตรงนี้มานาน สมมติการที่จะยกกองละครกองนึงตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยยกเลิกเลย วันนี้ไม่สบายไปถ่ายละครไม่ได้ ไม่เคยมี เจี๊ยบว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เป็นรายการสด หลายๆอย่าง เรารู้สึกว่ามันจะทำได้เหรอ

กับ “เชียร์ ฑิฆัมพร" ได้มีการพูดคุยกันแล้ว เพิ่งไปถ่ายรายการด้วยกัน ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม เขาก็ดีขึ้นแล้ว คนนั้นเขาแข็งแรง เขาก็เป็นห่วงเราว่าทำไมไม่บอกก่อน เขากลัวว่าถ้าเราเป็นอะไรไป แต่อย่างที่บอกด้วยความที่เราอาจจะเป็นหมอไง เรื่องพวกนี้เราเจอบ่อย เรารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อนที่เชียร์ข้างสนามเป็นหมอทั้งหมด เรารู้ว่าความอันตรายมันอยู่ตรงไหน เราสามารถรับความเสี่ยงตรงนั้นได้ มันอาจจะน่ากลัวสำหรับคนทั่วไป พอเป็นเรา เราเป็นหมอฉุกเฉินด้วย อาจจะไม่ได้คิดเหมือนคนอื่น สุดท้ายแล้วก็เข้าใจว่าหลายคนเป็นห่วงเรา เราอาจจะคิดน้อยไปหน่อย แต่วันนั้นแพทย์สนามเยอะ.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส