จากกรณีมีประชาชนร้องเรียน กรณีนายพลัด กันทะวงศ์ หรือ ลุงแก้ว เลี้ยงสุนัขกว่า 100 ตัว สร้างความเดือดร้อนและรำคาญใจเป็นอย่างมาก โดยเรียกร้องให้ กทม. เข้ามาจัดการปัญหาดังกล่าว ขณะที่ลุงแก้วระบุ เข้าใจว่าสุนัขมักจะสร้างปัญหา จะทำโทษอย่างไรก็ได้ แต่อย่าฆ่าสุนัข และไม่เห็นด้วย หาก กทม. จะรับสุนัขไปเลี้ยงดู หรือกำจัดสุนัขด้วยโครงการเซ็ทซีโร่และหากจะขับไล่ตนออกจากพื้นที่ ก็ขอความเมตตาจากผู้ใจดี จัดเตรียมพื้นที่ให้ตนได้เข้าไปอยู่ และเลี้ยงสุนัขเหล่านี้ด้วยตนเอง
ล่าสุด ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บ้านพักของนายผลัด กันทะวงศ์ หรือ ลุงแก้ว อายุ 52 ปี ภายในซอยงามวงศ์วาน 47 พบเป็นบ้านเพิงสังกะสี มีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร ล้อมด้วยรั้ว โดยจากการสังเกตบริเวณหน้าบ้านมีถนนขนาด 2 เลนกั้นระหว่างบ้านกับตึกแถวสำหรับพักอาศัยและเป็นสำนักงานขนาดประมาณ 15 คูหา บริเวณด้านข้างทั้งสองฝั่งของบ้านลุงแก้ว เป็นพื้นที่ป่ารกร้าง ถัดออกไปอีกประมาณ 50 เมตรก็จะพบบ้านเรือนประชาชนและตึกแถวตั้งอยู่เรียงราย ซึ่งหากสุนัขส่งเสียงเห่า คาดว่าเสียงจะดังรบกวนไปทั่วบริเวณ
โดยพบว่าในวันนี้ ลุงแก้ว ได้นำสุนัขประมาณ 100 กว่าตัว มานอนบริเวณนอกบ้าน จะพบว่าเสียงของสุนัขนั้นดังเป็นอย่างมาก เนื่องจากสุนัขรวมตัวอยู่บริเวณเดียวกัน ทำให้เสียงกระจายเป็นวงกว้าง แต่ไม่มีเหม็นมากนัก
โดย
นางสุดใจ โชติกุล หรือ "ปิ๋ว" อายุ 70 ปี ผู้ที่นำอาหารมาให้สุนัข เปิดเผยว่า ตนมักนำอาหารให้สุนัขประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เนื่องจากเห็นว่าสุนัขบริเวณบ้านลุงแก้วมีเป็นจำนวนมาก จึงอยากที่จะช่วยเหลือ ที่จริงตนก็ได้มีการให้ลุงแก้วทำหมันสุนัขเพื่อลดปริมาณการเกิดของสุนัข แต่มีบางตัวที่ไม่ได้ทำหมัน เนื่องจากยังเล็กอยู่มาก
นางสุดใจ ยอมรับว่า เคยได้ยินว่าชาวบ้านพูดถึงความเดือดร้อนเรื่องเสียงเช่นกัน แต่ตนไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร และไม่ทราบว่าจะย้ายสุนัขเหล่านี้ไปที่ไหน โดยนางสุดใจ ยอมรับว่า ถ้าสุนัขเหล่านี้ถูกย้ายไปที่อื่นตนรู้สึกสงสาร เนื่องจาก รู้สึกผูกพันมานาน แต่ถ้าจำเป็นต้องย้ายตนก็คงต้องปล่อยไป เนื่องจากที่เลี้ยงสุนัขไม่ได้เป็นที่ของลุงแก้ว
ด้าน
ลุงแก้ว ได้บอกทีมข่าวว่า ตนต้องฉีดวัคซีนป้องกันสุนัขบ้าอยู่แล้ว ซึ่งมีบางครั้งที่ตนก็ฉีดวัคซีนให้สุนัขเอง เนื่องจาก ทางคุณหมอที่ตนเคยพาสุนัขไปฉีดเป็นผู้สอน ลุงแก้ว ยอมรับว่า มีชาวบ้านที่บอกว่าเดือดร้อนที่สุนัขตนส่งเสียงดัง แต่อาศัยการพูดคุยกันเสียมากกว่า
นอกจากนี้ ลุงแก้ว บอกว่า มีเพียงตนเท่านั้นที่สามารถย้ายสุนัขไปที่อื่นได้ เนื่องจาก ถ้าตนไม่เต็มใจก็ไม่มีสิทธิ์ เพราะตนยังให้คำตอบไม่ได้ว่าจะย้ายสุนัขเหล่านี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ลุงแก้ว ได้โชว์การเรียกสุนัขเข้าบ้านให้ทางทีมข่าวดู โดยลุงแก้วตะโกนว่า "ไป เข้าบ้าน" ทันใดนั้น สุนัขก็ได้ลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าบ้านกันอย่างพร้อมเพรียง
ขณะที่
นายปิติพล ชำรัมย์ หรือ ปิติ อายุ 24 ปี เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนบ้านลุงแก้ว เปิดเผยว่า สุนัขบ้านลุงแก้วมักจะส่งเสียงเห่า ช่วงเวลาประมาณ ตี 2-3 หรือไม่ก็ช่วงที่สุนัขติดสัด แต่ตนก็เข้าใจและไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก ส่วนเวลาสุนัขของบ้านลุงแก้วหมาบริเวณหน้าบ้านตนเพื่อจะขับถ่าย แล้วตนสั่งห้ามว่า "ห้ามถ่าย" สุนัขก็จะไม่ขับถ่าย ซึ่งสื่อให้เห็นว่าเชื่อฟังและเดี๋ยวนี้มีผู้ที่มีจิตกุศลนำอาหารมาให้ก็เริ่มให้เป็นระเบียบมากขึ้น
นายปิติ บอกว่า ถ้าสุนัขเหล่านี้ถูกย้ายไปที่อื่น แล้วจะถูกฆ่าหรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่ส่วนตัวก็ไม่อยากให้ย้ายเพราะรู้สึกสงสาร แต่อยากให้มีระบบการจัดการสุนัขให้ดีกว่านี้