กรณีนายทินกร บัวสุข ใช้อาวุธมีดแทง น.ส.ชะอุ้ม รัตนวรรณ ผู้เป็นภรรยา เสียชีวิตภายในห้องเช่า โดยสามีไม่ได้หลบหนีไปไหน พร้อมทั้งลูกสาวของผู้ตาย วัย 16 ปี ก็นั่งอยู่ในห้อง ซึ่งเป็นเด็กออทิสติก
โดยห้องเช่าดังกล่าว อยู่ภายในซอยสะอาดวัฒนา 30 ม.2 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ตำรวจจึงรุดไปที่เกิดเหตุ พบน.ส.ชะอุ้ม ชาว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่หน้าท้อง 1 แผล นอนเสียชีวิตอยู่กลางบ้าน โดยมีเลือดไหลเต็มพื้นห้อง และพบกรรไกร 1 อันตกอยู่หว่างขาของผู้ตาย
ข้างผู้ตายพบนายทินกร อายุ 50 ปี ยอมรับสารภาพว่า ตนเป็นคนลงมือแทงเมียเอง เพราะทะเลาะกัน ซึ่งตนเองก็แทงเมียไป 1 แผลเจ้าหน้าที่ตำรวจดูจากบาดแผลน่าจะถูกมีดแทงมากกว่า อาจจะไม่ใช่กรรไกร เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันค้นหาก็พบว่ามีดถูกทิ้งไว้ในบ้านร้าง ซึ่งอยู่ใกล้กับห้องเช่าของผู้ตาย เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุดวันที่ 19 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่เกิดเหตุ ภายในซอยสะอาดวัฒนา 30 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งพบว่าที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าภายในซอย มีห้องอยู่ 3 ห้อง ซึ่งมีครอบครัวผู้ตายพักอยู่แต่ห้องเดียว อีก 2 ห้องไม่มีคนอยู่อาศัย ในซอยมีบ้านของชาวบ้านแค่ 2 ครอบครัว คือ ครอบครัวของเจ้าของห้องเช่า และเพื่อนบ้านที่มีเด็กเล็ก
ทีมข่าวสอบถาม น.ส.ณัฐนันท์ เผือกปัววงษ์ เจ้าของห้องเช่า เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่ทราบจุดเริ่มตน แต่ช่วงกลางวันของวานนี้ ผู้ตายไปทำงานแล้วไลน์มาหาตน ทำนองว่ามาพักที่ห้องเช่าตนแล้วไม่สามารถทำอะไรได้ เผาไฟก็ไม่ได้ อารมณ์มาบ่นมาระบายว่าสามี มาบ่นอีกทีหนึ่ง ตนก็ไม่ได้ตอบอะไร
ทั้งนี้ตนกลับมาบ้านช่วง 21.30 น. ซึ่งก็พบ 3 คนพ่อแม่ลูก ตัวผู้ก่อเหตุมีอาการเมานอนอยู่หลังประตูห้องเช่า ตนก็เข้าไปคุยกับผู้ตายที่หน้าห้องเช่า ทำนองว่าอย่าจุดไฟเผาเลย เพราะบ้านเพื่อนบ้านมีเด็กเล็ก ตนก็พยายามอธิบายจะได้ไม่มีปัญหา ซึ่งผู้ตายก็พยายามอธิบายว่า ที่จุดไฟเนื่องจากว่าสามีจะต้มน้ำให้ลูกสาว แล้วก็มาถูกเพื่อนบ้านห้าม สามีก็มาฟ้องผู้ตาย ทำให้เกิดความอึดอัด เมื่อตนอธิบายแล้วเหมือนจะไม่เข้าข้างผู้ตาย ผู้ตายก็เริ่มเปลี่ยนคำพูด และหันไปด่าสามีที่นอนเมาอยู่ ทำนองว่าไม่ให้จุดไฟ เพราะจะมีปัญหา และยังต่อว่าด้วยคำพูดที่ว่า “กูอยู่กับลูก 2 คนไม่มีปัญหา พอมึงมาอยู่มีปัญหา” ทำนองหาเรื่องกัน ตนเห็นท่าไม่ดี จึงกลับเข้าบ้านทันที ซึ่งบ้านตนก็อยู่ตรงข้ามห้องเช่า
ส่วนคู่สามีภรรยาดังกล่าว ก็ทะเลาะกันต่อ ซึ่งทะเลาะกันจนเป็นเรื่องปกติ ด้วยความรำคาญตนจึงเปิดเสียงจากโทรศัพท์มือถือให้ดัง ผ่านไปประมาณ 30 นาที คู่ผัวเมียก็ทะเลาะกันไป จนกระทั่งเพื่อนมาเรียกตน โดยมาบอกว่า "สามีภรรยาคู่นี้ทะเลาะกันจนแทงกันตายแล้ว" ซึ่งตอนนั้นกู้ภัยตำรวจก็มาที่หน้าบ้านตนแล้ว อย่างไรก็ตาม สามีภรรยาคู่นี้เคยมีปัญหากัน และทะเลาะกันเป็นประจำจนเป็นเรื่องปกติ เมื่อ 1-2 สัปดาห์ก่อน ฝ่ายผู้ตายก็เพิ่งใช้กรรไกแทงผู้ก่อเหตุ แต่แทงไม่เข้า
เหตุการณ์ครั้งนั้น ผู้ตายกับลูกสาวเคยหนีออกจากห้องเช่าไปราว 2-3 วัน ตอนนั้นยังติดต่อมาหาตน บอกให้ช่วยไล่สามีออกไป แต่ตนบอกให้ทั้งคู่มาตกลงกันเอง สุดท้ายทั้งคู่ก็คืนดีกัน จนกระทั่งมาเกิดเรื่อง หลังเกิดเหตุผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนี แต่เรียกรถพยาบาลมารับภรรยา ส่วนลูกสาววัย 16 ปีก็นั่งอยู่ในบ้านตรงที่เกิดเหตุ โดยลูกสาวถึงแม้จะเป็นเด็กออทิสติก แต่สามารถเล่าให้ตำรวจฟังว่า “พ่อใช้มีดแทงแม่ โดยหยิบมีดจากหลังตู้ ก่อนเอามีดไปทิ้งหลังบ้าน”
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นางสงวน เพียรทรัพย์ เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่มีการตักเตือนเกี่ยวกับการจุดไฟนั้น ตนเป็นคนเตือนผู้ก่อเหตุจริง โดยวันดังกล่าวช่วงเช้าตนได้กลิ่นคล้ายยางไหม้ จึงออกมาดูหน้าบ้านพบผู้ก่อเหตุกำลังจุดไฟเผาสายไฟ เพื่อนำทองแดงไปขาย ตนจึงเดินเข้าไปคุยดี ๆ กับผู้ก่อเหตุ ทำนองว่า อย่าเผาเลย เพราะว่าที่บ้านตนมีหลานยังเล็กอยู่ (5เดือน) กลิ่นยางที่ไหม้มันเหม็น ซึ่งผู้ตายก็ตอบดี ๆ คุยดี ๆ
กระทั่งช่วงค่ำ ผู้ก่อเหตุนำเตาอั้งโล่มาติดไฟ และเผาสายไฟอีก รอบนี้มีการใช้พัดลมเป่าเพื่อให้ควันออกไป แต่ควันก็ยังเข้าบ้านตน ตนก็ออกมาบอกให้หยุดทำ และบอกตนทำนองว่า แก๊สในบ้านหมด จึงขอจุดเต่าถ่านทำกับข้าว ตนก็บอกไปว่าหากใช้เต่าถ่านสามารถทำได้ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปโดยไม่ได้มีเรื่อง ขณะนั้นผู้ก่อเหตุไม่ได้มึนเมา พูดจาปกติ ไม่ได้มีปัญหา ทุกอย่างก็ปกติ แต่ตกดึกผู้ก่อเหตุกับผู้ตายก็ทะเลาะกันทั่วไป
สำหรับการจุดเผาสายไฟ ผู้ก่อเหตุมักจุดบ่อยครั้ง กลิ่นก็จะเข้าบ้านตนเสมอ แต่เวลาไปเตือนก็จะหยุด ไม่ได้มีปัญหาทะเลาะกัน ส่วนวานนี้ตนไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ผู้ก่อเหตุหากมีอาการเมาจะมีอารมณ์ร้าย มักชอบคุยโทรศัพท์เดินไปมาหน้าบ้านเสียงดัง ไม่รู้ว่าคุยกับใคร มักพูดทำนองเผาก็ไม่ได้ เผาก็มีปัญหา พวกตนก็ไม่ได้ไปสอบถามเพราะเข้าใจว่าเมา