เคลียร์ใจ! แท็กซี่ใส่สนับมือชก จยย. อ้างป้องกันตัว ยัวะถูกด่าหยาบ เมียรับผัวหัวร้อน (คลิป)

13 พ.ย. 63

กรณีเกิดเหตุทำร้ายร่างกายกัน ระหว่างคนขับรถแท็กซี่ และคนขับรถจักรยานยนต์ ที่บริเวณหน้าศูนย์นิสสัน ซอยรามคำแหง 170 ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ โดยมีพลเมืองดีถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน

823002

ทราบชื่อคนเจ็บ นายชลากร สุรินทร์ราช อายุ 31 ปี คนขี่รถรถจักรยานยนต์ ซึ่งมากับแฟนสาว มีรถแท็กซี่สีชมพูขับปาดหน้ากันไปมา จนเกิดความโมโหจึงตะโกนด่ากัน ก่อนที่จะจอดรถคุยกัน ก่อนที่คนขับรถแท็กซี่จะสวมใส่สนับมือ แล้วปรี่เข้ามาทำร้ายหนุ่มขับรถจักรยานยนต์ จนได้รับบาดเจ็บนั้น

ล่าสุดวันที่ 13 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมียังจุดเกิดเหตุ ที่บริเวณบนแนวฟุตพาท ด้านหน้าศูนย์นิสสัน ซอยรามคำแหง 170 ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ และจุดดังกล่าวเป็นถนน 2 เลน มีรถสัญจรไปมาตามปกติ

843359

ขณะที่ สน.มีนบุรี นายสาคร รัดสีหา อายุ 29 ปี คนขับรถแท็กซี่ เดินทางเข้ามายังโรงพัก พร้อมกับญาติ แฟนสาว และเพื่อน เข้ามารอพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น และรอเข้าไปพูดคุยไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี

796651

นายสาคร รัดสีหา อายุ 29 ปี คนขับรถแท็กซี่ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุวันที่ 13 พ.ย.63 เวลาประมาณ 08.30 น. เหตุเกิดสืบเนื่องมาตั้งแต่ช่วงบริเวณด้านหน้าเคหะรามคำแหง ถนนรามคำแหง มีการขับรถปาดหน้ากัน ก่อนจะขับรถมาเทียบข้างแล้วตะโกนด่ากันไปมา กระทั่งถึงจุดกลับรถ ตนกลับรถแล้วพยายามขับชิดเลนซ้ายสุด เพื่อมองหาผู้โดยสารริมทาง

จากนั้นตนพยายามบอกให้คู่กรณี "พี่ขอโทษผมสิ" เพราะพูดด่าทอก่อน ในขณะที่คนขี่รถจักรยานยนต์ ก็พยายามบอกกับตนว่า "คุณปาดหน้าผม คุณขอโทษผมสิ" ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่ได้ขับรถปาดหน้าแต่อย่างใด ก่อนที่คนคู่กรณีจะเรียกตนให้จอดรถมาพูดคุย ด้วยน้ำเสียงท้าทายและมีอาการโมโห กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ จึงจอดรถริมฟุตพาท ก่อนพยายามเดินลงมาพูดคุยกับคู่กรณี

336061

ส่วนกรณีที่ในคลิป มีบางช่วงบางตอน ที่ตนกวักมือเรียกคู่กรณีนั้น เนื่องจากต้องการบอกว่า "พี่ด่าผม ต้องขอโทษ" ไม่ได้จะหาเรื่องท้าทาย และไม่มีท่าทีจะชกต่อยหรือวิวาทกัน แต่อย่างใด ในส่วนของสนับมือนั้น เป็นของผู้โดยสารที่ทำหล่นไว้ในรถเมื่อหลายเดือนก่อน ตนจึงเก็บมาไว้ที่ประตูข้างคนขับ ก่อนจะหยิบใส่กระเป๋ากางเกงตอนเดินลงมาจากรถ กระทั่งถูกคู่กรณีชกเข้าที่ใบหน้าก่อน จึงสวมสนับมือแล้วชกคู่กรณีกลับ

ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าของอู่ที่ให้เช่ารถแท็กซี่ เรียกให้ตนเข้าไปที่กรมขนส่งทางบก เพื่อไปรับการอบรม ก่อนเสียค่าปรับจำนวน 1,000 บาท เนื่องจากมีกริยาท่าทางไม่ดี ขับรถขนส่งสาธารณะ ไม่สุภาพ ซึ่งตนได้เสียค่าปรับเรียยร้อยแล้ว

นายสาคร กล่าวอีกว่า ตนขับรถแท็กซี่มา 2 ปีกว่าแล้ว ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ยอมรับว่าเครียด นอนไม่หลับ ปวดหัวทั้งคืน พร้อมกับบอกว่าให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน การชับรถต้องใจเย็น ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

163885

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายชลากร สุรินทร์ราช อายุ 31 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ตนและภรรยาขี่รถไปส่งลูกชายวัย 3 ขวบไปเรียนที่ศูนย์เด็กเล็ก ก่อนขี่รถกลับ ระหว่างทางช่วงผ่านหน้าห้างบิ๊กซี ถนนรามคำแหง มีรถแท็กซี่สีชมพู ขับปาดหน้าตนอย่างกระชั้นชิด ทำให้ตนโมโห และตะโกนพูดขึ้นว่า "อะไรนักหนา" แล้วจึงขับรถต่อไป

739037893809

จากนั้นขับรถมาถึงช่วง ซอยรามคำแหง 174 ถนนรามคำแหง รถแท็กซี่ขับรถปาดหน้ารอบสอง ตนจึงตะโกนด่าด้วยคำหยาบคาย ก่อนรถแท็กซี่จะขับมาคู่ขนานเทียบข้าง เปิดกระจกคุยกับตนว่า "ทำไมไม่ขอโทษ" ตนจึงตอบกลับไปว่า "ไม่ขอโทษ เพราะไม่ได้ด่าอะไร" พร้อมบอกคนขับรถแท็กซี่ว่า "เป็นรถใหญ่ ขับปาดหน้ามีความผิด ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ" ก่อนจะบอกให้คนขับรถแท็กซี่ จอดรถมาคุยกัน จังหวะนั้นรถแท็กซี่ จึงขับตัดหน้าอีกครั้งเป็นรอบที่สาม ก่อนต่างฝ่ายต่างเดินลงมาจากรถ

707318

เมื่อตนและนายสาคร หยุดรถ สังเกตเห็นคนขับรถแท็กซี่เดินอ้อมไปด้านหลังรถ ก่อนมาด้านหน้า แล้วเดินเข้ามาหาตนพร้อมไขว้มือไว้ด้านหลัง ด้วยอารมณ์บันดาลโทสะ ตนจึงต่อยเข้าที่ใบหน้าคนขับรถแท็กซี่ก่อน 1 ครั้ง จากนั้นก็ทำร้ายร่างกายกัน โดยไม่เห็นว่าคนขับแท็กซี่มีสนับมือ กระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกกัน จึงทราบว่าใช้สนับมือในการก่อเหตุ หลังเกิดเหตุคนขับแท็กซี่ ขับรถหลบหนีไปทันที

จากนั้นตนเดินทางมายัง สน.มีนบุรี เพื่อดำเนินคดีกับคนขับรถแท็กซี่ จากนั้นเย็นเมื่อวานนี้ คนขับแท็กซี่ ติดต่อมาหาตน พร้อมขอให้ถอนแจ้งความ แต่ตนไม่ยอม เพราะเป็นความรุนแรงและใช้อาวุธ พกอาวุธอันตราย หากเกิดกับผู้โดยสารจะเป็นอย่างไร 

339494

เบื้องต้นขณะนี้ ตนได้เข้าแจ้งความที่ สน.มีนบุรี เพื่อดำเนินคดีกับคนขับรถแท็กซี่สีชมพู สำหรับบาดเจ็บเย็บทั้งหมด 5 เข็ม แบ่งเป็นหลังศีรษะ 2 เข็ม คิ้ว 2 เข็ม และข้างแก้มอีก 1 เข็ม ส่วนแขนและขาข้างขวาเป็นรอยถลอก

947794

น.ส.รัตนากร สุรินทร์ราช อายุ 22 ปี ภรรยาหนุ่มขี่รถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ขณะที่ตนนั่งซ้อนท้าย ซึ่งมีสามีเป็นคนขี่รถ เพื่อกลับบ้านหลังส่งลูกชายวัย 3 ขวบไปเรียน กระทั่งเกิดเหตุการณ์ รถแท็กซี่ขับปาดหน้าแบบกระชั้นชิดก่อน แฟนตนจึงพูดว่า "อะไรนักหนา" ก่อนที่สามีตนจะพูดด่าคนขับรถแท็กซี่ด้วยคำหยาบคาย และยอมรับว่า ท้าทายคนขับรถแท็กซี่ให้ลงมาพูดคุยกันจริง

โดยจังหวะที่สามีและคนขับรถแท็กซี่กำลังชกต่อยกันอย่างดุเดือดนานกว่า 2 นาที กระทั่งมีคนเข้ามาห้าม เมื่อทั้งคู่แยกออกจากกันแล้ว ตนจึงสังเกตเห็นว่า มือของคนขับรถแท็กซี่สวมสนับมือ จึงได้พยายามตะโกนถามว่า "เอาอะไรมา สวมใส่อะไร อะไรอยู่ในมือ" ก่อนที่คนขับรถแท็กซี่ รีบเดินปรี่ขึ้นรถแท็กซี่ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

531771725222

จากนั้น ตนจึงได้เห็นว่าสามีมีเลือดอาบหน้า เกิดบาดแผลจากสนับมือชกต่อย และมีแผลที่บริเวณหัวเข่าและข้อศอก ซึ่งเกิดจากการลื่นไถลล้มไปกับพื้นฟุตพาทในจุดเกิดเหตุ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกตกใจ และเป็นห่วงสามีมาก ขณะเดียวกัน ตนมองว่า คนขับรถแท็กซี่ที่สวมสนับมือมานั้น เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาจจะเกิดอันตรายกับผู้โดยสาร และคนที่สัญจรร่วมกันบนถนนได้

241286

ล่าสุดบ่ายวันนี้ ที่ สน.มีนบุรี ทั้งสองฝ่ายเข้ามานั่งเจรจา ไกล่เกลี่ยกันทางความรู้สึก ต่อหน้าพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เป็นพยาน โดยทางด้านนายสาคร คนขับรถแท็กซี่ กล่าวขอโทษ นายชลากร พร้อมขอโทษหากทำให้เข้าใจผิดคิดว่าขับรถแท็กซี่ปาดหน้า และยังขอโทษ หากทำให้เข้าใจผิด ไม่มีเจตนาจะขับรถปาดหน้าแต่อย่างใด

ในขณะที่นายชลากร คนขับรถจักรยานยนต์ บอกหลังจากได้รับคำขอโทษว่า "ให้อภัย" แต่เรื่องคดีความ ตนไม่สามารถยอมความได้ ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป พร้อมบอกกับคนขับรถแท็กซี่ว่า ตนไม่ได้ด่าทอหยาบคาย แค่พูดเสียงดังเท่านั้น

721638

จากนั้นภายหลังทั้งคู่เอ่ยคำขอโทษและให้อภัยกันแล้วนั้น คู่กรณีทั้งคู่มีการจับมือกัน พร้อมยกมือไหว้ขอโทษและรับคำขอโทษซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกัน สังเกตได้ว่า ทั้งสองฝ่ายดูผ่อนคลายและมีความสบายใจมากขึ้น 

ทั้งนี้ ในเรื่องของคดีความ พนักงานสอบสวนมีการแจ้งข้อหาทั้งสองฝ่าย ฐานความผิด "ร่วมกันก่อเหตุทะเลาะวิวาท" ส่วนนายสาคร คนขับรถแท็กซี่ ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มฐานความผิด "ใช้อาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย" เนื่องจากใช้อาวุธสนับมือ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส