แห่ขุดขี้เหล็กไหล ชาวบ้านเชื่อของขลัง อ.อ๊อดชี้แค่หินโจรทำทองเก๊ (คลิป)

จากกรณีชาวบ้านในหมู่บ้านดอนป่าโมง หมู่ 8 และชาวบ้านดอนสวรรค์ หมู่ 2 ต.กุดแห่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ขุดพบก้อนหินแปลกประหลาดอยู่ลำห้วยหินลับกลางทุ่งนาในหมู่บ้าน ซึ่งคล้ายกับขี้เหล็กไหล เมื่อกระทบแสงแดดแวววับสีใสแวววาว ซึ่งผู้พบเห็นเชื่อว่าเป็นวัตถุมงคล ทำให้ชาวบ้านพากันแตกตื่นพากันนำเสียม จอบ พลั่วตักดินและค้อนเหล็ก ออกไปขุดหาหินชนิดนี้กันวันละ 20-50 คน

วันที่ 12 พ.ย. 63 ทีมข่าวลงพื้นที่ห้วยหินลับ ภายใน ต.กุดแห่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร พบว่า เป็นคลองขนาดใหญ่และลึก ซึ่งวันนี้ก็ยังคงมีชาวบ้านกว่า 50 คน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่ นำเสียมมาขุดหาหินที่ริมห้วย ใช้ค้อนทุบหินให้แตกออก เพราะหินขี้เหล็กไหลจะอยู่ในก้อนหิน

โดยชาวบ้านให้ข้อมูลว่า เดิมทีเป็นจุดดังกล่าวเป็นลำห้วยไม่กว้าง เป็นทางน้ำเล็ก ๆ กระทั่งเมื่อเดือนก่อนมีโครงการขุดลอกคลองทำเป็นธนาคารน้ำ จนเป็นคลองใหญ่ลึก 8 เมตร กระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ก็มีชาวบ้านนำควายไปเลี้ยง ก็เจอก้อนหินที่มีลักษณะแวววาว จึงได้นำมาให้ชาวบ้านในหมู่บ้านดู คนที่เชื่อก็ออกไปขุดมาเก็บไว้กับตัว

นางเงาแข วรรณพันท์ อายุ 50 ปี ชาวบ้านที่มาขุดหาหินขี้เหล็กไหล เปิดเผยว่า ตนมาขุดหาขี้เหล็กไหลกว่า 10 วันแล้ว เริ่มนั่งขุดตั้งแต่ 9 โมงเช้า ไปจนถึง 4 โมงเย็น ซึ่งตลอดหลายวันที่ขุดมา ก็ได้ขี้เหล็กไหลไปกว่า 20 ก้อน ลักษณะของหินนี้ก็แตกต่างกันไปมีทั้งเม็ดสีทอง สีเงิน และสีทองแดง เป็นหินที่แวววาวทั้งหมด

หินบางก้อนก็มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูป จึงทำให้เชื่อว่าเป็นขลัง ของโบราณ หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเจอหินในลักษณะแบบนี้ จึงได้เก็บเอาไว้กับตัวเพื่อบูชาเป็นสิริมงคล แต่ชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว หินชนิดนี้คืออะไร

นางเงาแข ดล่าว่า มีชาวบ้านเคยฝันว่าหินนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ และมีพระพุทธรูปอยู่ใต้ดินนี้ แต่ขุดไปก็ยังไม่มีใครขุดเจอ อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านมาขุดหาหินนี้ตามความเชื่อส่วนบุคคล มาขุดตามความสบายใจ แต่ไม่ได้งมงาย และไม่คิดจะขุดไปตลอด เพราะถ้าถึงฤดูเกี่ยวข้าวก็จะกลับไปทำการเกษตรเหมือนเดิม

วันนี้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยโสธร ลงพื้นที่มานำก้อนหินดังกล่าวไปตรวจสอบ เพื่อให้คำแนะนำกับชาวบ้าน

น.ส.ทิพาพร เวชกามา อายุ 46 ปี นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า หลังจากมีภาพข่าวว่ามีประชาชนมาขุดหาหินขี้เหล็กไหล จึงได้เดินทางมาตรวจสอบและได้เก็บตัวอย่างหินเพื่อส่งไปตรวจสอบว่าเป็นแร่ธาตุชนิดใด เพราะแม้ว่าหินพวกนี้จะเป็นสิ่งที่มีผลทางจิตใจ แต่ชาวบ้านก็จะได้รับรู้ว่าจริง ๆ แล้วหินนี้คืออะไรก่อนที่ชาวบ้านจะมาใช้เวลามาก ๆ ในการขุดหาหิน ทั้งนี้ คาดว่าอาจจะเกิดจากการทับถมของดิน และโผล่ขึ้นมาเ นื่องจากมีการขุดลอกคลองลึกถึง 8 เมตร เพราะภาคอีสานนั้นเคยเป็นทะเลในสมัยโบราณ หินพวกนี้ก็อาจจะเกิดจากการทับถมของตะกอน

อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตเบื้องต้น คาดว่าหินดังกล่าวไม่มีอันตราย และไม่น่าจะเป็นหินกลุ่มที่แผ่รังสีออกมาได้ อีกทั้งภูมิศาสตร์ของจังหวัดยโสธรนั้น ไม่มีศักยภาพที่มีสายแร่

ทีมข่าวได้ทำการทดสอบพิสูจน์อิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหล ด้วยการจุดไม้ขีดไฟต่อหน้าเหล็กไหล โดยกล่าวว่า "ขอตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อเป็นการพิสูจน์อิทธิฤทธิ์เหล็กไหล หากเหล็กไหลชิ้นนี้เป็นของจริง ขอให้ข้าพเจ้าจุดไม้ขีดไฟติดเพียง 20 ก้าน จากไม้ขีด 40 ก้าน"

หลังจากนั้น ทีมข่าวจุดไม้ขีดต่อหน้าเหล็กไหลทั้ง 40 ก้าน โดยจุดจะขีดไฟแค่ครั้งเดียว พบว่าไม้ขีดจุดไม่ติดเพียง 3 ก้าน ได้แก่ก้านที่ 26, 29 และ 34 นอกจากนั้น สามารถจุดติดด้วยการขีดครั้งเดียว

ด้าน รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการและอาจารย์ประจำภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า สำหรับแร่ดังกล่าวนั้น อาจจะมีประกายแวววาวคล้ายทองคำ อาจจะเป็น "แร่ไพไรต์" (Pyrite) ซึ่งเป็นแร่ทองคำปลอม เป็นแร่ที่มีสีเหมือนทองคำ แต่ไม่ใช่ทองคำ ใช้ในการทำสีทองคำ ซึ่งหินที่พบมีลักษณะเป็นหินกลม เมื่อกระเทาะหินออก ก็จะพบก้อนหินลักษณะลูกบาศก์ สีคล้ายโลหะทองเหลือง จนทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจผิดว่าคือทองคำได้ โดยหินดังกล่าวพบได้ทั่วประเทศไทย ในชั้นดินลึก 7-9 เมตร

สำหรับหินที่ขุดมานั้น ถ้าจะให้รู้ชัดว่าจะเป็นแร่ชนิดใด จะต้องส่งตรวจ แต่จากการคาดการด้วยสายตาก็คาดว่าเป็นแร่ไพไรต์ ส่วนการสะท้อนแสงนั้น ก็เป็นลักษณะหินที่มีมุมมีเหลี่ยม หรือมีหินทรายปนอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

นายจรัส รวมธรรม อายุ 67 ปี หมอธรรมประจำหมู่บ้าน เปิดเผยว่า เมื่อตอนที่ตนยังหนุ่ม ช่วงอายุ 25 ปี ตอนที่เริ่มเรียนเป็นหมอธรรม เคยเห็นหินทองลักษณะนี้มาแล้ว มีคนนำหินมาให้ดูว่าเป็นของดีหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นตนได้ดูก็บอกกับเจ้าของหินว่าเป็นแร่ ซึ่งจะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา แต่ไม่ใช่ของขลัง เป็นความเชื่อของใครของมัน

เมื่อวานนี้ตนเพิ่งได้ไปเห็นบริเวณที่มีการขุดหาหิน ก็ไปยืนดูพื้นที่ ไม่ได้สัมผัสอะไรได้ ไม่เห็นอะไร แต่ก็บอกกับชาวบ้านว่า "ถ้าอยากได้ก็หาเอา" จะดีหรือไม่ดีก็อยู่กับตัวเรา แต่สุดท้ายแล้วหินพวกนี้จะกลายเป็นของหายากเก็บไว้ให้ลูกหลานดูภายหลัง อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยนั่งทางในดูว่าหินพวกนี้คืออะไร แต่เชื่อว่าเป็นแร่ที่มีมานานล้านปี และเป็นของหายาก