จากกรณีหน้าตำรวจ สภ.แม่ริม จับกุมนางสาวพีระกานต์ อายุ 38 ปี ซึ่งตั้งท้อง 2 เดือน ตระเวนก่อเหตุงัดแงะตู้เติมเงินโทรศัพท์ และเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ รวมทั้งยังงัดแงะเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในคลินิกแห่งหนึ่ง เหตุเกิดในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 22-23 ต.ค. 63
โดยตำรวจได้เบาะแสจากกล้องวงจรปิดและรองเท้าแตะที่ผู้ต้องหาถอดทิ้งไว้ กระทั่งขออนุมัติศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับ และนำกำลังไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 3 ต.แม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 63
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รวบโจรลูกดกตระเวนลักเงิน ทิ้งแตะมัดตัว รับจนต้องเลี้ยงลูก เพื่อนบ้านช็อกไม่คิดก่อเหตุ (คลิป)
ล่าสุด วันที่ 11 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของผู้ต้องหา สภาพเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูน ทรุดโทรม ซึ่งเป็นบ้านสามีคนปัจจุบันของ น.ส.พีระกานต์ แต่ไม่พบคนอยู่ในบ้าน
นางสีนวล บัวรัตน์ เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า น.ส.พีระกานต์ ผู้ต้องหาคบหากับสามีคนปัจจุบันประมาณ 5-6 ปี เเละเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันประมาณ 1 ปี ส่วนมีลูกกี่คนตนก็ไม่ทราบ เพราะมาตัวเปล่า ไม่ได้พาลูกมาอยู่ด้วย เเต่เท่าที่ทราบคือ น.ส.พีระกานต์ มีลูกกับสามีคนปัจจุบัน 3 คน คนโตเป็นผู้ชายอายุประมาณ 5 ปี คนกลางเป็นผู้หญิง อายุ 3 ปี และคนล่าสุดกำลังตั้งท้อง 2 เดือน
โดยเท่าที่ตนเห็นคือ น.ส.พีระกานต์ เป็นคนขยันทำมาหากิน ทำงานไม่เป็นหลักแหล่ง เคยประกอบอาชีพทั้ง รปภ. แม่บ้านโรงเเรม แต่จุดพลิกผันคือช่วงก่อนโควิด-19 น.ส.พีระกานต์ป่วยเป็นลมชัก ถึงขั้นน็อกในบ้าน ชาวบ้านต้องช่วยกันหามส่งโรงพยาบาล รักษาตัวอยู่ประมาณ 2 เดือน หลังจากนั้นก็ตกงาน
แต่ระหว่างที่รักษาตัวก็พยายามดิ้นรนหาทำงานรับจ้าง ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร จนกระทั่งมาทราบข่าวว่า น.ส.พีระกานต์ ก่อเหตุลักทรัพย์ ตนก็ตกใจ รู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก เชื่อว่าหากไม่ลำบากจริง ๆ ก็คงไม่ทำ
แม่ของ น.ส.พีระกานต์ อายุ 67 ปี เปิดเผยว่า พื้นฐานครอบครัวค่อนข้างขัดสน ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ต้องอาศัยบ้านญาติอยู่ โดย น.ส.พีระกานต์ มีลูกทั้งหมด 7 คน กับสามีเก่า 4 คน และสามีคนปัจจุบัน 3 คน มีอีก 1 คน ป่วยติดเตียงเป็นโรคสมองติดเชื้อ
โดยลูกทั้ง 7 คน ประกอบด้วย ผู้หญิง อายุ 23 ปี, ผู้หญิง อายุ 17 ปี, ผู้ชาย อายุ 13 ปี ป่วยติดเตียงเป็นโรคสมองติดเชื้อ, ผู้ชาย อายุ 7 ปี, ผู้ชาย อายุ 5 ปี, ผู้หญิง อายุ 3 ปี และกำลังตั้งครรภ์ 2 เดือน
ทั้งนี้ เมื่อก่อนลูกสาวทำงานเป็นแม่บ้านโรงเเรม ได้เงินเดือน 9,000 บาท ส่งให้ตนเดือนละ 4,000 บาท เพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูลูก ๆ แต่หลังจากล้มป่วยเป็นลมชัก ก็ตกงาน ซ้ำร้ายหลังจากล้มป่วยยังมีอาการทางสมอง เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ตอนนี้ตนเป็นผู้รับภาระดูแลหลานทั้งหมด
ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูหลาน 6 คน 1,000 บาทต่อวัน อาหารเหลวของหลานที่ป่วย 5,000 บาทต่อเดือน ค่าผ้าอ้อม 4,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งตนมีเงินไม่เพียงพอ เนื่องจากมีอาชีพรับจ้างเย็บผ้า และขายกาเเฟหน้าบ้าน มีรายได้เพียงวันละ 500 บาท ดังนั้นจึงต้องหยิบยืมญาติ ๆ และคนรู้จัก ทำให้ตอนนี้เป็นหนี้ 20,000 บาท
หลังจากเกิดเรื่อง ตนไม่รู้สึกโกรธลูกสาว เพราะคิดว่าลูกคงจนตรอกจริง ๆ จึงได้ทำลงไป "อยากให้ลูกสู้ ๆ แม่พร้อมให้อภัย" ตนฝากขอโทษไปยังผู้เสียหายที่ถูกลักทรัพย์ด้วย
ด้านลูกสาวคนโตของผู้ต้องหา เปิดเผยกับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ผ่านมาแม่เลี้ยงดูตนและน้อง ๆ อย่างดีมาโดยตลอด วันนี้ตนไปเยี่ยมแม่ที่โรงพัก ได้ซื้อข้าวไปให้ แม่พูดกับตนว่า "ซื้อมาทำไม ทำไมไม่เก็บเงินไว้ซื้อให้น้อง ๆ" ซึ่งตนทราบทันทีว่าแม่เป็นห่วงลูกมากกว่าห่วงตัวเอง
ตนเห็นแม่อยู่ในสภาพเเบบนี้รู้ ก็สึกสงสารเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นห่วงแม่คือเรื่องอาการป่วย เพราะเเม่ต้องทานยาทุกมื้อหลังอาหาร เเต่ตอนนี้ไม่มียาทาน เนื่องจากยาอยู่ในบ้านของสามีคนปัจจุบัน และตอนนี้ก็ไม่อยู่บ้านด้วย
