รวบโจรหน้ากากผีย่องงัดศาลาวัด งัดตู้บริจาคกวาดเงินบริจาคไปกว่า 60,000 บาท
พ.ต.อ.ประสาทพร ศรีสุโข ผกก.สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ จงรักษ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ชินวัฒน์ หมื่นไกร สว.สส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันคุมตัว นายวัฒน์ ศิริชัย อายุ 29 ปี ผู้ต้องหางัดศาลาการเปรียญเข้าไปลักเงินในตู้บริจาคจำนวนกว่า 6 หมื่นบาท ภายในวัดคลองปลัดเปรียง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เดินทางมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของ สภ.สำโรงเหนือ จับกุมตัวเอาไว้ได้ โดยคุมตัวมาทำแผนที่บริเวณอาคารสำนักงานของวัดคลองปลัดเปรียงที่ก่อเหตุซึ่งมีตู้บริจาคตั้งอยู่จำนวน 9 ใบ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 16 ต.ค.63 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งจาก นายชาตรี อัมพร อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นไวยาวัจกรวัดคลองปลัดเปรียงว่ามีคนร้ายได้ใช้ของแข็งงัดตัวล็อกประตูของอาคารสำนักงานของวัดเข้าไปงัดตู้รับบริจาคเอาเงินที่ชาวบ้านมาร่วมทำบุญที่หยอดไว้ในตู้กว่า 4 หมื่นบาทไป ซึ่งมีภาพจากกล้องงวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ภายในสำนักงานบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้
ผู้ก่อเหตุรูปร่างผอม สูงประมาณ 165-170 เซนติเมตร สวมกางเกงยีนส์ขายาว และเสื้อกันหนาวแขนยาวสีดำ ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ ไม่ทราบสีและทะเบียน มาทางถนนหน้าวัดปลัดเปรียงจาก อบต.บางแก้ว มาจอดไว้บริเวณกระท่อมตรงข้ามวัดช่วงเวลา 02.05 น. แล้ววิ่งข้ามถนนไปข้างวัดก่อนที่จะปีนข้ามกำแพงวัดเข้าไปที่ศาลาปฏิบัติธรรมจุดเกิดเหตุแล้วงัดเข้าในศาลาทางประตูข้างกำแพง หลังจากก่อเหตุได้ใช้เส้นทางเดิมหลบหนีออกมาที่ถนนและขี่รถหลบหนีไป ซึ่งผู้ก่อเหตุได้ใส่หน้ากากผีเพื่อปิดบังอำพรางใบหน้า ใช้เวลาก่อเหตุอยู่ในการก่อเหตุประมาณ 20 นาที จนกระทั่งในวันที่ 24 ต.ค.63 คนร้ายซึ่งเป็นคนเดียวกันเข้ามาก่อเหตุทำนองเดียวกันอีกครั้ง เงินบริจาคสูญหายไปประมาณ 2 หมื่นบาท รวมสองครั้งเป็นเงินกว่า 6 หมื่นบาท
ต่อมาในวันที่ 4 พ.ย.63ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ว่าจับกุมนายวัฒน์เอาไว้ได้ พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุ ประกอบด้วยหน้ากากผี คีมตัดเหล็ก ถุงมือผ้าสีขาวที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายสีฟ้า และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110 ไอสีแดง-ดำ ทะเบียน คจท 266 อุดรธานี ซึ่งตรงกับตำหนิรูปพรรณคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิด
นายวัฒน์ได้ให้การรับว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์ภายในวัดปลัดเปรียงมาแล้วจำนวน 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ช่วงเวลาประมาณ 00.30 น.ได้เงินไปประมาณ 40,000 บาท ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 24 ต.ค.63 ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ได้เงินไปประมาณ 20,000 บาท ส่วนครั้งที่สามก่อเหตุเมื่อวันที่ 2 พ.ย.63 เวลาประมาณ 01.30 น.แต่ไม่ได้ทรัพย์สินไปเนื่องจากสัญญาณกันขโมยดังจึงตกใจและหลบหนี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
