“ษิทรา” ยันใส่เสื้อยืด ร้องปลดคนทำสภาเสื่อม - “เดชา” เตือนน้อง หวังป้องเกียรติทนาย (คลิป)

17 มี.ค. 61
กลายเป็นที่จับตามมอง ในวงการทนายความ หลังจากที่ นายพัฒนา จาติเกตุ อุปนายกสภาทนายความ ได้ออกมาบอกว่า “ทนายษิทรา” สวมเสื้อยืด กางเกงยีน พาลูกความไปออกสื่อ โดยตั้งข้อสังเกตเปรียบเทียบว่าเหมาะสมหรือไม่ว่า เป็นการแต่งกายไม่เหมาะสม ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น จนทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ทนายษิทรา ออกมาให้เหตุผลว่า ที่ใส่เสื้อยืด กางเกงยีน เพราะต้องการเข้าถึงประชาชน โดยในโลกออนไลน์หลายเพจ ต่างโพสต์ข้อความให้กำลังใจทนายหนุ่มไฟแรง กันอย่างล้นหลาม
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เพื่อเยาวชนและสังคม
ภายหลังจากจบรายการต่างคน ต่างคิด นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เพื่อเยาวชนและสังคม หรือ “ทนายตั้ม”  ยืนยันว่า วันจันทร์นี้ (19 มี.ค.) จะเดินทางไปพบนายยกสภาทนายความ ที่สภาทนายความฯ เพื่อให้ปลดบุคคลคนหนึ่งที่ทำให้สภาทนายความได้รับความเสื่อมเสีย ทำให้ประชาชนด่าว่าองค์กรในทางที่ไม่ดี ซึ่งตนก็ไม่อยากให้ประชาชนไปเหมารวมว่าองค์กรไม่ดี เพราะตนมองว่าเป็นการกระทำของบุคคลแค่คนเดียว โดยไปจัดแถลงข่าวในที่ที่ไม่เหมาะสม และเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่ร้องเรียนได้มีโอกาสใช้พื้นที่ของสภาทนายความ นอกจากนี้ พฤติกรรมของบุคคลดังกล่าว ได้มีการบอกให้ทนายความในสังกัดสภาทนายความฯ ให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยที่ตัวเขาไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้ ยิ่งทำให้เสื่อมเสียเกียรติของสภาทนายความ ทั้งนี้ ในวันจันทร์ ตนก็จะแต่งชุดเดิมแบบที่เคยใส่ คือสวมเสื้อยืดของมูลนิธิทนายประชาชน และกางเกงยีน ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรตามมา เพราะที่ผ่านมาเคยเห็นคนไปต่ออายุบัตรทนายความก็ใส่เสื้อยืดและกางเกงไป ถ้าตนคนเดียวโดนวิจารณ์อีก มองว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งกัน “การเป็นทนายที่ดีไม่ได้อยู่ที่การแต่งตัว การใส่สูท ไม่ได้วัดว่าคน ๆ นี้ จะทำสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ให้แก่สังคม คนใส่เสื้อยืด แต่อาจจะไปช่วยเหลือชาวบ้านได้มากกว่าคนที่ใส่สูทอยู่ในห้องแอร์ แล้วคอยวิจารณ์แต่คนอื่นก็ได้” ทนายษิทรากล่าว
นายสุนทร ทรัพย์ตันติกุล ประธานกรรมการมรรยาททนายความ สภาทนายความฯ
ขณะที่นายสุนทร ทรัพย์ตันติกุล ประธานกรรมการมรรยาททนายความ สภาทนายความฯ เปิดเผยด้วยว่า เป็นสิทธิ์ของทนายษิทราที่จะสามารถไปร้องได้ แต่จะได้ผลหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง และถ้าหากจะร้องเกี่ยวกับมรรยาททนายความ ตนก็จะเป็นคนดูอีกทีว่าเหมาะสม มีเหตุสมควรหรือไม่ ก่อนที่จะไปขั้นตอนการตั้งกรรมการสอบสวน ไม่ว่าทนายคนไหนเมื่อถูกร้องมา ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการ ทั้งนี้ ยอมรับว่าในอดีตเคยมีทนายความทะเลาะกันบ้าง แต่ไม่เยอะแบบในปัจจุบัน ตนจึงอยากเตือนทนายรุ่นน้องว่า อย่านึกถึงผลประโยชน์มากจนทำให้มาทะเลาะกัน ซึ่งจะทำให้วงการทนายเสื่อมไปด้วย ขณะเดียวกัน ก็เหมือนเป็นการใช้สภาทนายความฯ เป็นเครื่องมือ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ขอให้ปรองดองกัน กรณีที่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ไลฟ์ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กทนายคลายทุกข์ ถึงเรื่อง "มรรยาททนายความ" ในบางช่วงบางตอนบอกว่า ขณะนี้สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กำลังถูกโจมตีจากโซเชียลจนเสียหาย หลังมีการตักเตือนทนายความชื่อดังที่เกี่ยวข้องกับคดีหวย 30 ล้าน ตนรู้สึกเสียใจ และหดหู่ที่มีประชาชนเข้าไปทำลายเชื่อเสียง
ทนายความเดชา กิตติวิทยานันท์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (16 มี.ค.) ทีมข่าวจึงเดินทางไปเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงถึงเรื่องนี้ กับทาง นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ โดยบอกกับทีมข่าวว่า สิ่งที่แสดงความคิดเห็นไป ตนเองในฐานะสมาชิกสภาวิชาชีพทนายความ ที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์ ในเมื่อเห็นสมาชิกไปโจมตีสภาวิชาชีพ และอุปนายกฯ โดยเป็นกลุ่มคนของฝ่ายทนายความชื่อดัง หรือกลุ่มแฟนคลับ ที่เข้าไปทำลายชื่อเสียงของสภาวิชาชีพ และไม่มีใครออกมาปกป้องถึงเรื่องนี้ ดังนั้นตนเองจึงออกมาพูดในฐานะสมาชิกสภาฯคนหนึ่ง แม้ว่าตนเองหรือทางสภาทนายความ จะมีการตักเตือนไปแล้ว แต่เมื่อไม่รับฟัง หลังจากนี้ทางสภาวิชาชีพ คงจะต้องมีการออกมาตรการที่ชัดเจน ทนายเดชา ยังยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมา ทนายความหลายคนทำตัวแปลกๆ ออกทีวี ไปเป็นศาลเองก็มี ไปรับประกันอะไรก็เยอะ เท่าที่ได้มีการพูดคุยกันในสภาทนายความ ก็เตรียมที่จะจัดการเรื่องนี้แล้ว และที่สำคัญทนายความมีหน้าที่ให้คำปรึกษา ไม่ใช่มีหน้าที่ในการข่มขู่หรือไปบอกว่าใครถูกหรือผิด ส่วนเรื่องของการแต่งกาย ของทนายความบางคนนั้น ทนายเดชา กล่าวว่า "เท่าที่ได้รับรายงานมาเบื้องต้น ศาลมีการตักเตือนไปหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะตอนไปยื่นคำร้องหรือคำฟ้อง ซึ่งทนายความต้องใส่กางเกงสแล็ก และสวมเสื้อที่เรียบร้อย โดยไม่ใส่เสื้อยืดหรือกางเกงยีน" ดังนั้นตนเองมองว่า การแต่งกายแบบนี้ไม่ใช่ความผิด แต่อยู่ที่ความเหมาะสม โดยเฉพาะอาชีพทนายความที่ต้องมีความน่าเชื่อถือ ส่วนระบบของการตักเตือนที่อาศัยระบบรุ่นพี่รุ่นน้องนั้น ทนายเดชา ยอมรับว่า การตักเตือนแบบพี่น้องเตือนกันไม่ได้ หากมีการพูดถึงก็จะถูกตำหนิอย่างเช่นที่ผ่านมา หากมีคนของสภาทนายความ เข้าไปตำหนิทนายความชื่อดัง ก็จะถูกกลุ่มที่สนับสนุน เข้ามาโจมตี และเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัว เช่น อุปนายกบางคน ถ่ายรูปคู่กับแอลกอฮอล์ ดังนั้นจากพฤติกรรมนี้จึงมองว่า เป็นการไม่ยอมรับคำตักเตือน และไม่เคยเห็นระบบรุ่นพี่รุ่นน้องมีความสำคัญ
ทนายความเดชา กิตติวิทยานันท์ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กทนายคลายทุกข์
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังถามถึงกรณีที่ทนายเดชา ออกมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้าน ของฝั่งครูปรีชา จนมีการตีความว่า ทนายเดชา จะเป็นทนายของฝ่ายครูปรีชา ซึ่งทนายเดชา กล่าวว่า ตนเองไม่ใช่ทนายความ ไม่เคยให้คำปรึกษา หรือให้คำแนะนำ แต่เป็นเพียงให้ความรู้ในฐานะทนายประชาชน เพราะฝั่งของนายจรูญ มีทั้งทนายความ อัยการ และตำรวจให้ความรู้ด้านข้อกฎหมาย แต่ในส่วนของครูปรีชา ไม่มีใครให้คำแนะนำได้มากนัก และที่สำคัญตอนนี้สังคมกำลังเข้าใจผิด และมองว่าใครก็ตามที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายครูปรีชา จะเป็นผู้สนับสนุนฝ่ายโจร ดังนั้นอย่าพึ่งตัดสินใคร เพราะกระบวนการยังอยู่ที่ชั้นศาล ทั้งนี้ ทนายเดชา ยืนยันกับทีมข่าวว่า ตนเองไม่ใช่ทนายความฝ่ายครูปรีชา อย่างแน่นอน แต่เป็นเพียงการให้ข่าวแก่สื่อมวลชนในแนวทางการวิเคราะห์เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเสนอความคิดเห็น เพื่อเป็นการเกาะกระแส หรืออยากดัง เมื่อทีมข่าวถามว่า หากมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อกฎหมายสามารถตอบได้ทั้งสองฝ่ายหรือไม่ ทนายตอบว่า "ได้ และไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง" พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่เคยพูดคุยกับฝ่ายครูปรีชา และเขาก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์ หรือพูดถึงชื่อตนเองเลย พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะแนะนำทนายความ คนรู้จัก หรือทีมของตัวเอง ให้แก่ครูปรีชา ส่วนกรณีของ ดร.สุกฤษฎิ์ ตนไม่ทราบเหมือนกันว่า จะไปเกี่ยวข้อง หรือเป็นทนายความของฝ่ายครูปรีชา หรือไม่ เพราะเท่าที่มีการสอบถาม ก็ไม่ได้เป็นทนายความให้แก่ฝ่ายครูปรีชา แต่อย่างใด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ