หลังจากที่ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้นำเสนอข่าวข่าวการร้องเรียนจากประชาชนย่านถนนสุทธิสาร ภายในซอยอุดมสุข ว่านายวีระศักดิ์ สุนทรจามร เจ้าของบ้านหลังหนึ่ง เลี้ยงนกพิราบจำนวนมาก ทำให้ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณซอย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตห้วยขวาง ได้ลงพื้นที่ทำความสะอาด และเก็บขยะพร้อมสิ่งของที่ไม่ใช้ภายในบ้านทิ้ง โดยฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อ และใช้น้ำผึ้งมาวางไว้เพื่อไม่ให้นกพิราบ บินมาเกาะเมื่อปีที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันนี้ (14 มี.ค.) ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายวีระศักดิ์ สุนทรจามร เจ้าของบ้านนกพิราบ ถึงกรณี SET ZERO สุนัข-แมวจรจัด ว่า โดย นายวีระศักดิ์ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจว่า การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะฉะนั้น การตายด้วยโรคระบาดก็เป็นปกติ ทุกวันนี้ประชากรโลกมีเป็นจำนวนมาก ตามหลักวิทยาศาสตร์ มนุษย์ไม่ควรมีจำนวนประชากรเกิน 1 พันล้านคน แต่ตอนนี้ประชากรโลกมีมากถึง 8,000-10,000 ล้านคนแล้ว
ลุงวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า โรเบิร์ต มัลทัส (นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ ที่กล่าวเกี่ยวกับทฤษฎีประชากร) ได้กล่าวไว้ว่า การเกิดของมนุษย์เป็นลักษณะเรขาคณิต และเลขคณิต ซึ่งธรรมชาติจะมีมือที่มองไม่เห็น ในการจัดสรรให้มีโรคระบาด มีแผ่นดินไหว ภัยพิบัติต่างๆ เพื่อเป็นการควบคุมโลก หากมนุษย์ตายไปบ้างก็ไม่เป็นไร เนื่องจากมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ต้องอนุรักษ์ เพราะมนุษย์มีจำนวนเยอะ แต่สัตว์มันยังมีน้อย จึงต้องอนุรักษ์
ทั้งนี้ ตนขอตำหนิหน่วยงานที่เข้าใจการเกิดโรคผิด เพราะการเกิดโรคเป็นเรื่องธรรมชาติ ปีนี้คนตายเพราะหมาเพียง 3 คน หากเราไม่โกงกินกันในเรื่องงบประมาณก็จะมีเงินเหลือที่จะช่วยเหลือสัตว์จรจัดเหล่านี้
ลุงวีระศักดิ์ บอกอีกว่า มนุษย์ไม่ควรจะไปทำตัวเป็นพระเจ้า ที่อวดอุตริในการไป SET ZERO เพราะสัตว์มีสิทธิที่จะดำรงชีวิตอยู่ หรือที่เรียกว่า Animal Rights ซึ่งเป็นสิทธิในการกินอาหาร การนอน ถ้าหากมีมาตรการ SET ZERO ออกมาเมื่อไหร่ ตนก็จะออกมาคัดค้าน เพราะปัญหามันไม่ได้เกิดจากการที่คนเจ็บป่วยตาย จึงมากำจัดสัตว์พวกนี้
ขณะเดียวกัน ลุงวีระศักดิ์ ยังบอกด้วยว่า มนุษย์สมควรตาย เพราะการตายด้วยโรคระบาดถือเป็นการตายอย่างยุติธรรม มันไม่ได้เลือกคนสวยหรือคนหล่อ หรือรวย เพราะมันวัดดวงกันจากที่พระเจ้าส่งลงมา ไม่ได้เลือกชั้นวรรณะ จริงๆ แล้วมนุษย์ก็ควรตายกันบ้าง