กรณีพ.ต.ท.ภูวดล คณาดา สว.(สอบสวน) สภ.ท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท และมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่ รพ.ท่าเรือ เหตุเกิดในงานลอยกระทง บริเวณลานปูนริมแม่น้ำป่าสัก หน้าเทศบาลตำบลท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
ทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายเกษมศักดิ์ สวัสดิรักษา อายุ 39 ปี มีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงที่บริเวณหน้าอกด้านขวา 2 นัด หัวเข่าทั้ง 2 ข้าง 3 นัด แขนขวา 2 ขวา รวมเป็น 7 นัด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 8 ปลอก
ล่าสุดวันที่ 1 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่วัดจงกลณี ต.ท่าเจ้าสนุก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายเกษมศักดิ์ สวัสดิรักษา หรือ โก้ อายุ 39 ปี โดยทางญาติพี่น้องได้เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
น.ส.ชูชีพ สวัสดิรักษา อายุ 60 ปี อาของผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ นายโก้ ผู้ตายได้ไปงานลอยกระทง ที่วัดสะตือ กับลูกและภรรยา กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. นายโก้ก็กลับมาที่บ้าน แต่มีคนโทรมาตามว่า รุ่นน้องมีเรื่อง นายโก้จึงขับรถออกไป จากนั้นเวลาประมาณ 23.00 น. ที่บ้านก็ได้รับโทรศัพท์ว่า นายโก้เสียชีวิตแล้ว
หลังเกิดเรื่อง นายปุ๊ย รุ่นน้องที่ผู้ก่อเหตุมีเรื่องด้วย ได้เข้ามากล่าวขอโทษทางครอบครัว เพราะไม่คิดว่าคู่กรณีจะก่อเหตุยิง แต่ทางภรรยาของผู้ตายยังคงรู้สึกโกรธอยู่ เพราะอีกฝ่ายโทรมาตามให้นายโก้ไปตาย แต่ทางครอบครัวคงจะให้อภัย เพราะนายปุ๊ยก็เป็นลูกหลานและเครือญาติกัน
นายโก้ เป็นคนที่รักพี่น้อง เพื่อนฝูง ใครมาหยามไม่ได้ เมื่อก่อน ไม่ว่าเทศกาลไหนก็มีเรื่อง แต่ตอนนี้ มีลูกต้องดูแลแล้ว เลยมีสติมากขึ้น ไม่ได้มีเรื่องชกต่อยเหมือนเมื่อก่อน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 ต.ค.63 ที่ผ่านมา เป็นวันเกิดของตน นายโก้ได้นำเงิน 1,000 บาท ใส่ซองสีขาว ระบุข้อความว่า “สุขภาพแข็งแรงนะ อยู่กับลูกหลานไปนาน ๆ ฝากดูหลาน ๆ ด้วยถ้าไม่อยู่” เมื่อตนเห็นข้อความก็ขยำกระดาษทิ้งทันที เพราะเหมือนเป็นคำสั่งลา จนมาเกิดเรื่อง ตนจึงเอะใจคิดว่า น่าจะเป็นลางบอกเหตุ สุดท้ายนี้ตนไม่มีอะไรจะพูดกับทางผู้ก่อเหตุ นอกจากขอให้ออกมามอบตัว และรับผิดขอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากนี้ทางครอบครัวคงจะลำบากมาก
เนื่องจากนายโก้ เป็นเสาหลักของครอบครัว และมีลูกสาวถึง 3 คนด้วยกันที่ต้องดูแล เป็นลูกสาวของภรรยาคนปัจจุบัน 2 คน อายุ ประมาณ 4 ปี และ 10 ปี และลูกกับภรรยาเก่า อายุประมาณ 20 ปี และเมื่อต้นปี 63 ภรรยาเก่าเพิ่งจะถูกรถชนเสียชีวิต ทั้งนี้เรื่องคดีความ ก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนเรื่องขอขมา ทางครอบครัวยังไม่พร้อม เพราะสิ่งที่ทำนี้เกินกว่าเหตุมาก ๆ
ระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่ ได้พบกับลูกสาว อายุ 20 ปี ของผู้ตายนั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ อาสาวของผู้ตาย และให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตอนนี้ทำใจไม่ได้ ครั้งสุดท้ายที่คุยกัน คือ นัดไปลอยกระทง แต่ตนไปช้า ผู้ตายเลยขอไปลอยกระทงก่อน จากนั้นก็ไม่ได้เจอกัน และมาทราบเรื่องอีกครั้งตอนที่เกิดเหตุ
จากการสอบถาม นายประสิทธิ์ พุ่มพวง หรือ ปุ๊ย อายุ 27 ปี รุ่นน้องที่มีเรื่องกับผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ตนไปเที่ยวงานลอยกระทง และบังเอิญเจอกับนายหนึ่ง ผู้ก่อเหตุ ซึ่งรู้จักกัน เลยมีการพูดหยอกล้อกัน แต่นายหนึ่งเล่นแรง ได้ดึงกางเกงตนจึงบอกว่า ทำไมเล่นแรงแบบนี้ ก่อนจะเดินหนี แต่อีกฝ่ายได้เดินตาม และได้ขึ้นเสียงใส่ทำนองว่า เล่นไม่ได้หรืออย่างไร ก่อนจะตบเข้าที่ใบหน้าของตน 3 ครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่กกหูกับปาก ตนถามไปว่า ทำไมถึงทำกับตนเช่นนี้ เพราะตนก็เป็นน้องเหมือนกัน
จากนั้นกลุ่มเพื่อนของตนได้เข้ามาห้าม กระทั่งนายโก้ผ่านมาเห็นก็เข้ามาเครียร์ให้ ตามประสาคนรู้จักกัน แต่ระหว่างนั้นมีการขึ้นเสียงโวยวายตามประสาของคนห้ามไม่ให้ทะเลาะกัน ก่อนจะท้าทายกันเกิดขึ้น หลังจากที่นายโก้ออกไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ถูกยิง ตนเข้าไปดู ผู้ก่อเหตุก็หลบหนีไปแล้ว และไม่ทราบว่าหนีไปทางไหน ส่วนตัวมองว่า ยิงกันขนาดนี้ตั้งใจที่จะยิงแน่ ๆ แต่ตนไม่ทราบว่าเคยแค้นใจกันมาก่อนหรือไม่ ทั้งนี้ตนขอให้ผู้ก่อเหตุออกมามอบตัว และขอให้ได้รับโทษตามกฎหมาย หลังจากนี้ตนตั้งใจจะบวชให้ เพราะตนก็รู้สึกผิด และรู้สึกเครียดมาก เนื่องจากเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากตน
จากการสอบถาม นางวาสนา สุทธิดี อายุ 59 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดใจว่า ขณะที่เกิดเรื่อง ตนไปเที่ยวงานลอยกระทง ที่วัดสะตือ และกลับมาถึงเวลาประมาณ 23.00 น. พบว่าภรรยาของผู้ก่อเหตุ กำลังนั่งร้องไห้อยู่ และบอกว่า “แม่ มีเรื่องกัน หนึ่งไปยิงเขาตาย” โดยภรรยาของผู้ก่อเหตุขายของอยู่ในงานลอยกระทงของเทศบาลท่าเรือพอดี กู้ภัยเลยเข้ามาบอกว่า ผู้ก่อเหตุไปยิงคนอื่น แต่หลบหนีไปก่อนแล้ว เลยไม่ทันได้เจอตัว
ตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนก็โทรหาทั้งวัน แต่ผู้ก่อเหตุปิดเครื่อง ไม่ได้ย้อนกลับมาที่บ้านเลย ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน โดยพ่อของผู้ก่อเหตุเพิ่งจะเสียชีวิตไป และผู้ก่อเหตุก็เพิ่งจะกลับมาอยู่กับตนได้เพียง 3 เดือน เพราะปกติอยู่ที่ จ.ลพบุรี และในวันที่ 2 พ.ย.63 ก็จะจัดงานทำบุญ 100 วันให้สามีด้วย พ่อของผู้ก่อเหตุเคยกล่าวเตือนว่า “มีปืน เหมือนมึงลงไปในคุกข้างหนึ่ง ตายโหงข้างหนึ่ง” แต่ผู้ก่อเหตุก็มักจะพกติดตัวไปเวลาเช่าซื้อพระเครื่อง เพื่อป้องกันตัว ซึ่งปืนกระบอกนี้ ราคาประมาณ 6 - 7 หมื่นบาท
ก่อนหน้านี้ ภรรยาของผู้ก่อเหตุเคยไปดูดวง และทางหมอดูทักว่า ถ้าอายุ 38 ปี จะรวยก็รวยไปเลย แค่ถ้าดวงตกก็จะลงดินถึงขั้นติดคุกติดตะราง เมื่อ 3 วันก่อน ผู้ตายยังบอกว่า ภรรยาเพ้อเจ้อ เพราะตอนนี้ก็ยังไม่ได้เป็นอะไร
อย่างไรก็ตาม ตำรวจ สภ.ท่าเรือ ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุติดต่อเข้ามาอยากจะมามอบตัว แต่ปิดเครื่องหนีไปตั้งแต่ 02.00 น. หลังจากนี้คงจะต้องออกหมายจับ โดยผู้ก่อเหตุกับผู้ตายเป็นเพื่อนต่างวัยกัน เกิดผิดใจกัน วันที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุกับรุ่นน้องของผู้ตายเล่นหยอกล้อกัน แต่ผู้ก่อเหตุหยอกล้อแรงเกินไป รุ่นน้องของผู้ตายเลยพูดขึ้นเสียงว่า “เล่นแรง เจ็บนะ” ผู้ตายเห็นเช่นนั้นเลยเดินเข้าไปต่อว่า “ทำไมเล่นกับน้องกูแรง” ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ ถูกตำหนิต่อหน้าคนจำนวนมาก ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เลยชักปืนยิงดังกล่าว
ทั้งนี้ทราบชื่อผู้ก่อเหตุแล้ว คือ นายกิตติศักดิ์ สุทธิดี หรือ หนึ่ง อายุ 38 ปี เป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจ ทำงานเป็นกู้ภัย และดูแลความเรียบร้อยในงาน เบื้องต้นถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และยิงปืนในที่สาธารณะ
