ตายสยอง! เก๋งลอยเคว้งกลางอากาศ อัดตีนตะขาบคนขับแบ็กโฮกระเด็น ประตูฉีกร่างปลิวนอกรถดับ 3 ศพ

31 ต.ค. 63

เมื่อวันที่ 31 ต.ค.63 เวลา 14.30 น. พ.ต.ท.ชัยกฤติ เตารัตน์ สว.ร้อยเวร สภ.เมือง จ.ระยอง ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถเก๋งพุ่งชนรถแบ็กโฮแหลกเละ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในจุดเกิดเหตุ บริเวณสามแยกสมเด็จย่าฯ ถนนสาย 36 ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง จึงประสานแพทย์เวร รพ.ระยอง พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศล จ.ระยอง เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

678565496209

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ริมถนนที่กำลังอยู่ระหว่างการปรับไหล่ทาง พบรถแบ็กโฮสีส้มจอดอยู่ ที่ล้อตีนตะขาบพบรถเก๋ง ทะเบียน กว-1476 ระยอง ชนกับตีนตะขาบจนด้านข้างรถเก๋งขาด ประตูรถขาดกระเด็น พบร่าง 3 คนกระเด็นออกมานอกตัวรถ นอนจมกองเลือดอยู่ข้างรถ ตรวจสอบพบว่าผู้ชายใส่เสื้อบริษัทประกอบรถยนต์หรูค่ายหนึ่ง เสียชีวิตคาที่ 2 ราย ผู้หญิง 1 คน หมดสติแต่ยังมีชีพจร เจ้าหน้าที่จึงได้ปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต ก่อนจะนำตัวส่ง รพ.ระยอง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบภายในรถบริเวณเบาะหลังพบขวดเบียร์ตกอยู่ 1 ขวด

จากการตรวจหลักฐานทราบว่า ผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายบงกช เกษหงษ์ อายุ 26 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.ศรีสะเกษ และนายอรรคพล บุญรักษา อายุ 27 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.ปราจีนบุรี ทััง 2 คนคาดว่าทำงานอยู่โรงงานประกอบรถยนต์ค่ายดังกล่าว ที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง และน.ส.วิชุดา มณีล้ำ อายุ 24 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.สุรินทร์

567882

สอบสวนนายณัฐพล ศรีวอุไร อายุ 29 ปี คนขับรถแบ็กโฮ ให้การด้วยอาการตื่นตระหนกว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังขับรถปรับถนนอยู่บริเวณไหล่ทาง ลึกจากถนนประมาณ 1 เมตร ทันใดนั้นรถเก๋งคันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็วสูง เสียหลักหมุนกลางถนน ก่อนจะลอยมาชนกับล้อตีนตะขาบของรถแบ็กโฮของตนเสียงดังสนั่น ความแรงปะทะทำให้ตนกระเด็นตกจากเบาะรถ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนจะตั้งสติลงมาดูก็พบร่างของทั้ง 3 คนกระเด็นออกนอกรถ จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือทันที

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบหลักฐานในจุดเกิดเหตุ และพยานที่เห็นเหตุการณ์ คาดรถเกิดเหตุขับมาด้วยความเร็ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เสียหลักด้วยเหตุใดจึงทำให้รถพุ่งไปชนรถแบ็กโฮ หลังจากนี้เตรียมประสานญาติผู้เสียชีวิตให้ทราบเรื่อง พร้อมสอบสวนคนขับแบ็กโฮอีกครั้ง เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

546975971895

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส