โต้กันยับ! เสี่ยโป้โยนแก๊งอริยิงกันเอง จู่ ๆ พยานโผล่แฉ มือปืนตัวจริงคือผู้หญิง (คลิป)

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ณัฐฎา คล่องบัญชี" โพสต์ข้อความอ้างว่า น้องชายถูกยิงอาการบาดเจ็บสาหัส โดยคนที่ยิงเป็นคนดังย่านเพชรเกษมที่โด่งดังบนโลกออนไลน์ ทราบชื่อคนเจ็บ นายณัฐพงศ์ (สงวนนามสกุล) และพลทหารจำเรียง (สงวนนามสกุล) กระทั่งเสี่ยโป้ออกมาแฉว่าถูกขู่เรียกเงิน 10 ล้านเพื่อจบเรื่อง ตามที่เป็นกระแสวิจารณ์บนโลกออนไลน์นั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“เสี่ยโป้” เผยนาทีปีนกำแพงหนีกระสุน แฉถูกยัดข้อหาไถ 10 ล้าน คู่กรณีโต้โทรด่า 28 วิ

โดยนายณัฐพงศ์ถูกยิงที่ก้นขวา กระสุนทะลวงตัดลำไส้ใหญ่ ฝังที่ลำไส้เล็ก กระสุนฝังในต้องผ่าตัดออก ส่วนพลทหารจำเรียง กระสุนเข้าที่กรามซ้าย เลาะฟันล่างหายเกือบหมด กระสุนทะลุท้ายทอย ทั้งคู่ยังใส่เรื่องช่วยหายใจ อาการ 50 : 50

ล่าสุดวันที่ 30 ต.ค.63 เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ภาษีเจริญ ได้คุมตัวนายเคน นานากะ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีพยายามฆ่า และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ร่วมกับนายเสี่ยโป้ นำตัวไปขออำนาจศาลอาญาธนบุรีฝากขังแล้ว โดยนายเคนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา หากฝ่ายเสี่ยโป้และนายเคน มีพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก็สามารถนำมาเพิ่มในสำนวน เพื่อเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้

นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ หรือชื่อเดิม นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ อายุ 28 ปี บอกว่า ในวันเกิดเหตุตนกับนายเคน และเพื่อนอีก 1 คน รวม 3 คน ได้เดินทางมาร้านนวดแผนไทยอยู่ก่อนแล้ว จนน้องชายเดินทางมาหา จังหวะที่มีการยิงกันถือเป็นจังหวะชุลมุน เนื่องจากมีคนเกือบ 200 คนให้เหตุการณ์ ซึ่งตนเชื่อว่าหากกล้องวงจรปิดตามถนนไม่เสีย กล้องจะต้องจับภาพได้ โดยขณะที่ตนได้ยินเสียงปืน ตนที่กำลังยื่นหัวออกมาจากนอกหน้าต่าง ก็ตกใจร่วงตกลงมาที่พื้น จากนั้นตนก็วิ่งหนี

สำหรับนายตั้ง เคยมีปัญหากับคนอื่นมาหลายคน โดยทุกครั้งที่ออกไปต่อย หากสู้ไม่ได้ก็จะใช้ปืนในการขู่อีกฝ่าย การที่นายตั้งมาท้ายต่อยกับน้องชายตน ตนก็กลัวและคาดไว้แล้วว่าฝ่ายนายตั้งอาจจะมีอาวุธปืน

ส่วนเงิน 10 ล้านบาท ที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง ตนไม่ได้เป็นคนเสนอให้ แต่อีกฝ่ายต่างหากที่เรียกร้องจากตน โดยขู่ตนว่าหากอยากให้เรื่องจบก็ให้จ่าย 10 ล้านบาท ตนคิดว่าเรื่องราวทั้งหมด อีกฝ่ายคงคิดว่าตนกับน้องชายน่าจะมีเงิน จึงกุเรื่องเพื่อเรียกเงิน แต่ตนจะไม่ยอมจ่ายเงินให้แม่แต่บาทเดียว เพราะขณะนี้หุ้นส่วนทางธุรกิจตนถอนหุ้นออกไปทั้งหมด เสียหายหลักล้านบาท ส่วนที่นายเคยถูกอีกฝ่ายใส่ความนั้น ตนคาดว่าเป็นเพราะนายเคนได้เข้าไปห้ามไม่ให้น้องชายตนต่อยกับนายตั้ง และอีกฝ่ายคงเห็นว่านายเคย ก็เป็นคนมีเงินมีโพรไฟล์ดี

นอกจากนี้ ตนไม่เชื่อใจแม้แต่พยานบุคคลในที่เกิดเหตุ เนื่องจากหากอีกฝ่ายยิงโดนกันเอง ก็สามารถโยนความผิดให้ตนได้ แม้แต่พยานบุคคลที่มาซื้อลูกชิ้นในวันเกิดเหตุ ซึ่งติดต่อมาหาตนเอง ตนก็ไม่เชื่อใจ เพราะตนกลัวว่าจะกลับคำให้การในภายหลัง เนื่องจากมีจุดน่าสงสัย คงไม่มีใครนั่งรถผ่านมาแล้วเดินเข้ามาดูเหตุการณ์นักเลงหลักร้อยตีกัน

ขณะนี้นายเคน ได้รับการประกันตัวแล้ว ตนจะขอสู้คดีในถึงที่สุด ไม่ว่าจะต้องสู้กี่ปี สู้เป็น 10 ปีตนก็จะสู้ จากนี้ตนจะไปร้องเรียนกับกองปราบปราม ขอความยุติธรรมให้กับตัวเอง

นายเขมทัต ชัชอานนท์ หรือ เสี่ยบุ๊ค อายุ 25 ปี ให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ ทีวี เพื่อโต้แย้งอีกฝ่ายที่เคยให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ บอกว่า ปมปัญหาทั้งหมดมาจากเรื่องราวในอดีต จนเลิกติดต่อกันไป ซึ่งตนขอแย้งนายตั้งว่า ตนไม่ได้โกธรหรือทะเลาะกับนายตั้ง เกี่ยวกับแฟนเก่าของตน ตามที่นายตั้งกล่าวอ้าง โดยเมื่อประมาณ 2 วันก่อนเกิดเหตุ ตนได้พบกับรุ่นน้องของนายตั้ง ที่วัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี ซึ่งตนได้ปฏิเสธที่จะเช่าพระของรุ่นน้องนายตั้ง ตนไม่ได้พูดท้าทายหรือเอ่ยถึงนายตั้งแม้แต่น้อย

จากนั้นในวันที่ 27 ต.ค.63 นายตั้งก็ได้ใช้เฟซบุ๊กโทรมาหาตนในเวลา 17.45 น. แต่ตนไม่รับสาย จนตนโทรกลับไป นายตั้งก็ได้ท้าต่อยกับตนที่สนามบอลข้างร้านเหล้า ตนกับพวกประมาณ 20 คน จึงไปรอที่สนามบอล สังเกตเห็นว่ากลุ่มของนายตั้งขี่รถจักรยานยนต์ ประมาณ 5-6 คัน มาวนดูลาดเลาหลายรอบ ตนจึงเดินทางไปหาพี่ชาย (เสี่ยโป้) ที่ร้านนวดแผนไทย เนื่องจากตนกลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะเล่นไม่ซื่อ ไม่นานนัก นายตั้งก็โทรมาหาตนอีกครั้ง แต่ตนไม่ได้รับ ตนก็ได้โทรกลับไป นายตั้งถามตนว่าตนอยู่ไหน ตนจึงได้บอกว่าตนอยู่ร้านนวดแผนไทย นายตั้งจึงตามมาหาตน

เมื่อนายตั้งมาถึง ตนก็ได้ถอดเสื้อจะต่อยกับนายตั้ง ส่วนนายมอส ก็กำลังจะต่อยกับนายจำเรียง (คนเจ็บ) ตนก็เห็นนายเอ็มโก้ควักปืนออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์หันหลังวิ่งหนี จากนั้นตนก็ได้ยินเสียงปืน 1 นัด แต่ตนไม่ได้หันไปมองว่าใครยิง

ทั้งนี้ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจกับพี่ชายด้วยการเดินทางไปที่สน.ภาษีเจริญ หลังจากที่โลกโซเชียลฯ มีการโพสต์กล่าวหาว่าตนกับพี่ชายยิงปืนใส่คู่กรณี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่แม้แต่จะตรวจเขม่าดินปืน ขณะนี้ตนเสียหาย ตนเป็นคนในวงการพระเครื่อง ต่อไปใครจะเชื่อถือตน

นายเอ (นามสมมติ) บอกกับทีมข่าวว่า ในวันเกิดเหตุลานร้านนวดแผนไทย มีกลุ่มคนทั้งหมด 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเสี่ยบุ๊ค ประมาณ 20 คน กลุ่มนายตั้ง ประมาณ 20 คน กลุ่มนายมอส ประมาณ 20 - 40 คน กลุ่มโอรส (แก๊งโอรส) ประมาณ 20 - 40 คน ซึ่งตนเป็นหนึ่งในสมาชิกของแก๊งโอรส โดยที่มีคนมาเยอะเนื่องจากมีการบอกกันปากต่อปากว่า จะมีการต่อยกัน ทุกคนจึงมาเฝ้าดูเหตุการณ์

ขณะที่ตนเดินทางมาถึง ตนก็เห็นว่าเสี่ยบุ๊คกำลังจะต่อยกับนายตั้ง ซึ่งนายมอสก็ได้ท้าต่อยบ้าง โดยนายจำเรียง (คนเจ็บ) ก็รับคำท้า แต่ 4 คนนี้ยังไม่ทันได้ต่อยกัน ตนก็เห็นนายเอ็มโก้ ซึ่งเป็นพวกของนายตั้ง ชักปืนออกมา ทุกคนจึงหันหลังวิ่งหนี จากนั้นตนก็ได้ยินเสียงปืน 1 นัด แล้วตามมาอีกหลายนัด แต่ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิง แต่สิ่งที่ตนยืนยันได้ คือ เสี่ยโป้และนายเคนไม่ได้เป็นคนยิง เพราะทั้งคู่ไม่มีปืน ทั้งนี้ตนไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ฝ่ายนายตั้ง จึงกล่าวหาว่าเสี่ยโป้ และนายเคน เป็นผู้ยิง

นายเอ็มโก้ บอกว่า ในวันเกิดเหตุ เสี่ยบุ๊คจับคู่ต่อยกับนายตั้ง ส่วนนายมอส (เสื้อดำ) ก็ได้จับคู่ต่อยกับนายจำเรียง ซึ่งขณะนั้นตนเห็นนายเคน ถือปืนพร้อมพูดว่า “ใครถ่ายคลิปเดี๋ยวยิงนะ” จากนั้นเสี่ยโป้ก็ได้ยิงปืนฝ่าดงคนออกมาจากหลังแถวของเสี่ยบุ๊ค ตนไม่กลัวที่ถูกอีกฝ่ายพาดพิงแล้วระบุแค่ชื่อตนเพียงคนเดียวว่ามีปืน ตนยินดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากทางร้านนวดแผนไทยหรือตามถนนได้ เจ้าหน้าที่สามารถสอบถามทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ ตนขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ตนไม่มีปืน แน่จริงก็ให้อีกฝ่ายมาแจ้งความจับตนก็ได้

ทั้งนี้ตนไม่รู้ว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงพาดพิงมาตน แต่ตนเชื่อคนเจ็บจะเป็นผู้ตอบคำถามสังคมได้ดีที่สุด เพราะคนเจ็บยังไม่ตาย หากหายดีและให้ปากคำได้ ตนเชื่อว่าความจริงจะปรากฏ

ในเวลา 19.00 น. นายมอส หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์และเป็นคนที่ท้าต่อยกับนายจำเรียง (คนเจ็บ) ได้เดินทางมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ ในฐานะพยานของเสี่ยโป้ ซึ่งนายมอสเป็นผู้ที่เห็นอย่างชัดเจนว่า ในเหตุการณ์นี้มีคนถือปืนด้วยกัน 3 คน และ 3 กระบอก

นายมอส บอกกับทีมข่าวว่า ตนเป็นเพื่อนกับทางฝั่งเสี่ยบุ๊ค และนายตั้ง โดยในวันนั้นตนทราบมาว่าทั้งคู่นัดหมายเพื่อเคลียร์ปัญหากัน ซึ่งตนไม่ทราบว่าทั้งคู่ผิดใจอะไรกัน โดยตนสังเกตเห็นเสี่ยบุ๊คกับพวกไปนั่งรอนายตั้ง ที่สนามบอลข้างร้านเหล้าย่านราชพฤกษ์ แต่นายตั้งไม่ไปตามนัด จนเสี่ยบุ๊คเดินทางมาที่ร้านนวดแผนไทย นายตั้งจึงปรากฏตัวออกมา

ในวันเกิดเหตุ ตนสังเกตเห็นว่า เสี่ยบุ๊คมากับพวกประมาณ 20 คน กลุ่มโอรส (แก๊งโอรส) ประมาณ 20 คน ตนกับเพื่อนรวมกัน 3 คน ที่เหลืออีก 100 คน เป็นกลุ่มของนายตั้ง นายเอ็มโก้ จีจี้

ก่อนที่เสี่ยบุ๊คจะต่อยกับนายตั้ง ฝ่ายพวกนายตั้งก็ได้ทำท่าทีท้าทายใส่พวกตน ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กับเสี่ยบุ๊ค ตนทนไม่ไหวจึงได้พูดออกไปว่า “ใคร ๆ จะอีกคู่กับกู” เมื่อนายจำเรียง รับคำท้า ตนก็ได้เหลือบไปเห็นน.ส.ณัฐฎา (จีจี้) หยิบปืนออกมาส่งให้นายตั้ง ส่วนนายเอ็มโก้ ก็ได้ควักปืนออกมาจากกระเป๋าสะพาย ทั้งคู่ชี้ปลายกระบอกมาทางฝั่งของตน และเสี่ยบุ๊ค พวกตนทั้งหมดต่างคนต่างหมอบต่างคลานต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด วิ่งออกจากลานร้านนวดแผนไทย จากนั้นตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด แล้วตามมาอีกหลายนัด ยิงในลักษณะกราดมั่ว

จากนั้นเมื่อตนออกมาจากร้านนวดแผนไทยได้ ตนก็ได้เห็นนายเอ็มโก้ และชายสวมหมวกกันน็อกครึ่งใบ หันหน้าเข้าไปในร้านนวดแผนไทย แล้วชูปืนยิงรัวหลายนัดเข้าไปภายในร้าน รวมแล้วมีคน 3 คนที่มีปืน มีปืนอย่างต่ำ 3 กระบอก

นายมอส ยังเผยด้วยว่า นายตั้ง มีนิสัยชอบท้าต่อยกับคนอื่น มักจะพกปืนติดตัวไปตลอดเวลา นายตั้งเคยขอความช่วยเหลือเสี่ยโป้ แต่ขณะนี้กลับมาทำร้ายเสี่ยบุ๊ค (น้องชายเสี่ยโป้) หากเป็นไปได้ ตนก็ไม่อยากให้เสี่ยบุ๊คกับนายตั้งทะเลาะกัน ตนรู้สึกกลัวเช่นกัน เนื่องจากอีกฝ่าย (กลุ่มนายตั้ง) มีผู้มีอิทธิพลคอยหนุนหลัง แต่ที่ตนมาพูดให้ข้อมูลกับตำรวจด้วยตัวเองในวันนี้ เพราะตนอยากพูดความจริง เสี่ยบุ๊คกับนายตั้งเป็นเพื่อนของตน ตนอยากให้เรื่องนี้จบแบบไม่มีใครต้องสูญเสีย