ทางการฝรั่งเศสเผยตัวมือมีดกราดแทง-ฆ่าตัดคอประชาชนกลางโบสถ์เมืองนีซ เป็นชาวตูนิเซียเพิ่งเดินเข้าประเทศได้ 20 วัน ปธน.เร่งสอบ
ทางการฝรั่งเศส เปิดเผยตัวตนของมือมีดผู้ก่อเหตุฆ่าตัดศีรษะสตรี และกราดแทงประชาชน ที่โบสถ์คริสต์ในเมืองนีซ จนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย เมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) พบเป็นผู้อพยพจากตูนิเซีย ที่เพิ่งเดินทางเข้ามายังฝรั่งเศสได้เพียง 20 วัน
กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส ระบุว่า มือมีดรายนี้มีชื่อว่านายบราฮิม อาอูอิสซาอุย ชาวตูนิเซียวัย 21 ปี ซึ่งอพยพลงเรือจากบ้านเกิดที่ประเทศตูนิเซีย มายังอิตาลีเมื่อ 20 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนจะเดินทางต่อมายังกรุงปารีสเมืองหลวงของฝรั่งเศสเมื่อ 9 ตุลาคม และอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสมาแล้ว 20 วันก่อนจะลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชายกราดแทงไม่เลือกหน้า ตัดหัวเหยื่อกลางเมือง 'นีซ' ประเทศฝรั่งเศส
บราฮิม เปิดเผยกับตำรวจฝรั่งเศส หลังถูกจับกุมว่า เขาตัดสินใจก่อเหตุฆ่าตัดศีรษะ และกราดแทงผู้คนในโบสถ์คริสต์ที่เมืองนีซเมื่อวานนี้ เพราะ โกรธแค้นที่ประธานาธิบดี เอมานูเอล มาครง ออกมาแถลงก่อนหน้านี้ว่า ศาสนาอิสลามเป็นต้นตอของลัทธิก่อการร้ายโดยระบุด้วยว่า ในขณะที่ลงมือได้พกคัมภีร์อัลกุรอานติดตัวอยู่ด้วย และไม่รู้สึกเสียใจต่อเหตุนองเลือดที่ตนเองเป็นคนก่อ
ด้านตำรวจฝรั่งเศส เผยว่า ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย
1.สตรีวัย 60 ปี (ไม่เปิดเผยชื่อ) ซึ่งถูกปาดคอ และตัดศีรษะ ที่ตรงทางเข้าโบสถ์
2.ชายวัย 55 ปี (ไม่เปิดเผยชื่อ) ซึ่งถูกปาดคอในโบสถ์ แต่ไม่ถูกตัดศีรษะ
3.สตรีวัย 44 ปี (ไม่เปิดเผยชื่อ) ถูกกระหน่ำแทงด้วยมีดภายในโบสถ์ และคลานออกมาเสียชีวิตที่ร้านอาหารที่อยู่ติดกับโบสถ์
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดจากเหตุการณ์นี้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลแล้ว แต่หลายรายมีอาการสาหัส
ล่าสุดประธานาธิบดี เอมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสประกาศสืบสวนเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งให้มีการสอบสวนเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ว่าเพราะเหตุใดถึงปล่อยให้บราฮิมเดินทางเข้าประเทศมาได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม
ด้านตำรวจที่ทำการจับกุมบราฮิมเผยว่า พบมีดถึง 3 เล่ม ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าของคนร้ายรายนี้ พร้อมกับโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และคัมภีร์อัลกุรอานฉบับย่อจำนวน 1 เล่ม แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เขาก่อเหตุเพียงลำพังหรือมีผู้ร่วมสมคบคิด
ขณะเดียวกันชาวฝรั่งเศสจำนวนมากwfhร่วมจุดเทียนและวางดอกไม้ไว้อาลัยให้แก่เหยื่อผู้เสียชีวิตที่บริเวณด้านนอกโบสถ์นอเทรอดาซึ่งงเป็นจุดเกิดเหตุ นอกจากนี้โบสถ์หลายแห่งทั่วประเทศ ร่วมลั่นระฆังแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันและต่อต้านความเกลียดชัง
