"ฟิล์ม รัฐภูมิ" โสด!! มองความรักไร้สาระ คิดถึงสังกัดเก่าหลังเป็นอิสระ

29 ต.ค. 63

นักร้องนักแสดงชื่อดัง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" คัมแบควงการบันเทิงเต็มตัว เพราะกลับมาครั้งนี้จัดเต็ม รับทั้งงานเพลง และงานละครพร้อมๆ กัน แถมยังเผยอีกว่าสถานะหัวใจตอนนี้โสด และไม่อยากให้ทุกคนโฟกัสที่ประเด็นนี้ เพราะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระในชีวิต

1-s__18243775

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ผันตัวนักแสดงอิสระเต็มตัว เตรียมร่วมงานกับ "พี่ฉอด"
- “ฟิล์ม รัฐภูมิ” บริจาคหน้ากากอนามัย 3,000 ชิ้น ให้โรงพยาบาลศิริราชและต่างจังหวัด
- เวิร์คช็อป "ตะวันตกดิน" เตรียมลงจอ "อมรินทร์ทีวี" ต้นปีหน้า!

ฟิล์ม รัฐภูมิ เผยว่า เป็นความชอบส่วนตัวอยู่แล้ว เวลาร้องเพลงอยากมีคนช่วยรับส่งมุกบนเวทีเพื่อความสนุก แต่ก็แอบโอดเบาๆ ว่าหลังเป็นนักแสดง และศิลปินอิสระก็ต้องดูแลตัวเอง ทุกวันต้องตื่นมารีเช็คว่า แต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ลืม ทำให้คิดถึงค่ายเก่ามากๆ

อย่างไรก็ดี แม้จะงานหนักขนาดไหนก็พยายามปรับตัวไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว พร้อมกับยืนยันว่ายังไม่ทิ้งงานธุรกิจและการเมือง ขอทำควบคู่กันไป ก่อนที่จะรับว่าหัวใจตอนนี้โสดและไม่อยากโฟกัสเรื่องนี้ เพราะมองเป็นเรื่องไร้สาระในชีวิต ไมอยากให้เป็นประเด็นที่แฟนๆต้องเอาเป็นแบบอย่าง จึงเลือกให้ความสำคัญกับความสำเร็จด้านอื่นๆมากกว่า

กลับมาคราวนี้ทั้งละครทั้งเพลงเลย?
“เพลงก็เป็นแนวที่เราเคยฝันไว้ครับว่าเราอยากมีวงเป็นของตัวเอง มีเพื่อนร่วมวงที่ไม่ใช่เดี่ยว แต่ที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยได้ ทำเพราะมันไม่เหมาะกับคาแรกเตอร์ของเรา คือผู้ใหญ่เค้าก็จะอ่านเกมส์ขาดกว่า ว่าอยากให้เราไปเต้นมากกว่า แล้วก็เป็นนักร้องเดี่ยว แต่ว่าตอนนี้ผมมองว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตเราลองทำในสิ่งที่เราอยากจะทำดู ก็ได้น้องๆที่เป็นนักดนตรีมืออาชีพมาช่วยครับ ก็ทำเองทุกอย่าง ลงทุนเองหมดเลย”

คาดหวังยังไงบ้าง?
“ก็คาดหวังอยากให้คนชอบเยอะๆ เพราะว่ามันเป็นความฝันของผม คือจริงๆแล้ว เราชอบความเป็นวงมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าเวลาเล่นสดแล้วมันสนุกกว่า อยู่บนเวทีคนเดียวมันเหงา อันนี้มันเป็นสิ่งที่เราอยากจะทำ มีเพื่อนคอยพูด มีเพื่อนช่วยตบมุก มีเพื่อนช่วยร้องแล้วก็มีวงดนตรี Support “

1603966742463

ก่อนหน้านี้เคยมีคนดูแลแต่ตอนนี้ออกมาทำคนเดียวโดยมาตามหาความฝันเป็นยังไงบ้าง?
“ออกมาดูแลตัวเอง3เดือนแล้ว ก็รู้สึกว่าโห..คิดถึงไอซ์(ผู้จัดการ) จังเลย(หัวเราะ) ก็คือปวดหัวดีเนอะ ก็คือต้องดูงานดูบท ว่าจะเล่นอะไร เพราะมีคนส่งบทมาให้เยอะ หลายค่าย ก็ต้องมานั่งอ่าน นั่งคัด แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็จะมีคนดูให้เราหมดเลย บางทีผมก็บอกว่าผมจะเล่นแค่ตลก เค้าก็คัดบทตลกส่งมาให้ ดูว่าวันนี้ทำอันนั้นนะ เค้าก็จะจัดสรรให้หมด อันนี้เราก็จะต้องดูแลตัวเองบวกกับธุรกิจด้วย ก็เลยจะต้องตื่นเช้ามาดูตัวเองก่อนว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพราะถ้าไม่จัดสรรเวลาปุ๊บ ลืมเลยเพราะว่ามันเยอะ ก็ยากครับ แต่ว่ามันก็สนุกดี มันก็ได้ทำอะไรที่เรายังไม่เคยทำ ได้ร่วมงานกับบทที่มันดีๆ ลองมาสกรีนมาอ่านดูมันก็แปลกดี”

มันทำให้ไฟลุกโชนขึ้นมากกว่าเดิม?
“ใช่ครับ มันก็สนุกดีครับ ได้ร่วมงานกับคนในวงการเดียวกัน แต่ว่าเป็นกลุ่มทำงานที่แตกต่างกัน เพราะว่าเมื่อก่อนก็จะเป็นกลุ่มเดิมๆ แต่ว่าตอนนี้ก็แตกต่างใหม่หมด ก็มันส์ดีครับ”

ตอนนี้ก็เข้าที่เข้าทางแล้วเนาะกับการมาเป็นอิสระ?
“สบายครับ สบาย”

อันนี้คือมีคนช่วยดูแลด้วยมั้ย?
“อันนี้ก็คือดูแลตัวเองกับเพื่อนผมครับ ช่วยกันครับ”

มีกังวลเรื่องการบริหารเรื่องเงินไหม?
“ไม่ ส่วนใหญ่เราเป็นอาชีพรับจ้างอ่ะเนาะ ต้นสังกัดใดๆที่เราไปเล่นเค้าก็จะให้เราแฟร์ๆ อยู่แล้ว”

ทำไมถึงตัดสินใจอยากออกมาทำเอง?
“มันไม่มีความหลากหลาย จากต้นสังกัดเดิมอยู่มา15ปี คือมันเดิมๆ แล้วผมก็อิ่มตัวมาก แล้วผมรู้สึกว่ามันยังไม่มีอะไรที่มันใหม่ๆ บวกกับต้นสังกัดเดิมเปลี่ยนธุรกิจพอดีทเราก็ไม่ได้ถนัดแนวนั้น เราก็เลยแสวงหาว่าอะไรที่มันจะใช่กับตัวเรา เราก็ทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยๆ บวกกับทางผู้ใหญ่ทางrs เค้าให้ความเป็นเราเยอะมาก การที่ผมตัดสินใจเองได้ ผมสามารถคิดวิเคราะห์เองได้ ผมจะทำอะไรเค้าก็ยินดี เพราะว่าเค้ารู้ว่าการที่ผมจะทำอะไรทุกอย่าง ต้องขออนุญาตเค้าอยู่แล้ว

1603966703531

แต่พอว่าวันที่เราอิสระเราก็เลยมองว่า บทตรงนี้จากนวนิยายจากบทประพันธ์ ซึ่งนักแสดงทุกคน เชื่อว่าความฝันก็คือแสวงหาบทที่ดีที่สุดนั้นคือสิ่งที่จะทำให้คุณเปล่งประกายขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง มันอยู่ที่บท แต่ถ้าเป็นส่วนของนักร้องก็อยู่ที่บทของเพลงเหมือนกัน แล้วพอผมออกมาอิสระ ผมก็ได้เห็นโลกที่เขากว้าง แล้วเขาก็ส่งบทดีๆมาให้ เราก็เลยรู้สึกว่าทางเลือกมันเยอะขึ้น เราก็เลยต้องกลับมารับ”

เรียกว่ากลับมาเต็มตัวเลยใช่ไหม?
“ครับ ก็กลับมาเป็นตัว แต่ว่าอีกพาสหนึ่ง ผมก็ยังเป็นนักธุรกิจ เป็นนักการเมืองอยู่ “

ธุรกิจคือจายตรง?
“ ธุรกิจของผมก็ทำหลายบริษัท ผมก็มีอยู่หลายบริษัท “

ก็คือควบคู่กันไป?
“ใช่ครับ ใช่”

ถามถึงเรื่องหัวใจบ้างเห็นก่อนหน้านี้ไปออกรายการหนึ่งแล้วบอกว่าไม่ค่อยอยากจะเปิดตัวเท่าไหร่?
“ใช่ครับ คือต้องบอกว่าตอนนี้ก็ว่าง คือไม่ได้มีอะไรที่แบบหวือหวา อย่างที่ผมบอก ผมก็จะพูดเสมอว่าผมไม่เคยเน้นเรื่องนี้ เพราะว่ามองว่ามันไม่ได้มีมุมที่น่าสนใจ มันไม่ได้มีมุมที่น่าเป็นแบบอย่าง ตือหยิบมุมอื่นที่หน้าเป็นแบบอย่างแล้วน่าสนใจดีกว่า เช่นดูแลผู้มีพระคุณ ดูแลคุณพ่อคุณแม่ ทำงานสู้ชีวิต ผมก็บอกแฟนๆของผมประมาณนี้ว่าให้เค้าหยิบทุมนี้เป็นแบบอย่าง เพราะว่าในเรื่องของความรักมันออกแบบไม่ได้เข้าใจยากมาก มันไม่รู้เลยว่าจะมาหรือว่าจะไป มันเลยไม่มีตรงไหนเลยที่ควรจะยกมาพูด ก็เลยไม่ค่อยพูด คือเราก็ไม่อยากเห็นเด็กๆที่ตามเราเค้ามาเอาแบบอย่าง แล้ววัยเราก็ไม่ใช่แบบนั้น”

แล้วเราไม่อยากมีครอบครัวเหรอ?
“มันเป็นความฝันของทุกคนอยู่แล้วล่ะครับ เพราะเราก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง”

เปิดตัวอีกที ก็ตอนแต่งงานเลย?
“ก็คงประมาณนั้นแหล่ะครับ แต่ว่าผมไม่ได้ไปโฟกัสตรงนั้น “

แล้วเค้าจะเข้าใจเหรอ?
“เข้าใจครับ ต้องหาคนที่เข้าใจ (หัวเราะ)”

หรือว่าที่ผ่านมาเจอแล้วมันไปในทิศทางเดียวกันไม่ได้?
“คือบางทีมันก็เข้ากันได้บางทีมันก็เข้ากันไม่ได้บางเรื่อง คำว่าคู่ชีวิตมันไม่ได้ง่าย มันยากเราเห็นในข่าวทั่วไป มันคือชีวิตจริงมันเข้าใจยากซะเหลือเกิน”

1603966672669

ตอนนี้เรียกว่าโสดหรือไม่โสด?
“ตอนนี้ผมว่าง ไม่ได้โฟกัสดีกว่า เอาเป็นว่าว่าง แล้วผมก็ไม่ได้ยุ่งกับมันเลย ผมเบื่อมากเลย ผมจะทำแต่งาน ให้ประสบความสำเร็จ”

มันปลงเพร่ะมันผ่านอะไรมาเยอะ ?
“คือผมว่าด้วยวัยด้วยแหละ คนที่อายุกำลังจะเลข4 ผมมิงว่าทุกคนคงจะต้องหาความสำเร็จเป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องแบบนั้น มันไร้สาระมาก “

คือถ้าจะเรียกว่าโสด ?
“ก็โสดก็ได้ครับ มันไม่มีใคร “

ที่บอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระคือยังไง ขยายความ?
“คือผมมองว่าความรักมันเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับผมเพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาหยิบยกมาพูดกันเพื่อเอาเป็นแบบอย่าง เพราะว่าเรามีกลุ่มเด็กตามเยอะ มีกลุ่มแฟนคลับตามเยอะ เราอยากให้เค้านำที่มีสาระเอาไปเป็นแบบอย่างมากกว่าเรื่องของความรักมันมาเดี๋ยวมันก็ไปมัน ไม่มีอะไรที่เป็นแง่บวก มีแต่แง่ที่เอามาเม้าท์กันมากกว่า ก็เลยมองว่ามันไม่มีอะไร ที่มันเป็นสาระ นี่คือคำๆนี้”

 

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส