วสท. สั่งปิดอาคารเรียน รร.เปร็งฯ แรงระเบิดกระทบโครงสร้าง

25 ต.ค. 63

วิศวกรรมสถาน ลงพื้นที่ตรวจโครงสร้างอาคารที่กระทบจากเหตุก๊าซระเบิด

ความคืบหน้า กรณีท่อก๊าซระเบิด พื้นที่ จ.สมุทรปราการ โดยในช่วงวานนี้ 24 ต.ค. 63 ดร.ธเนศ วีระศิรินายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ได้นำผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อสำรวจโครงสร้างเบื้องต้นให้กับประชาชนและหน่วยงานราชการที่ได้รับความเสียหายจากเหตุท่อก๊าซระเบิดในเขต ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยได้ลงพื้นที่สำรวจโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมที่อยู่ห่างจากจุดที่ท่อก๊าซระเบิด 200 เมตรเป็นเหตุให้อาคารเรียนอุปกรณ์ต่างๆ ของราชการได้รับความเสียหายและเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บ

โดยผู้เชี่ยวชาญได้ใช้อุปกรณ์ตรวจสอบความหนาแน่นของอาคารซีเมนต์ จำนวน 2 อาคาร คือ อาคาร 3 ชั้น อาคาร 2ชั้น ที่ชั้นล่างจะเป็นโรงอาหารและบ้านพักครู

ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยได้กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เราจะดูที่โครงสร้างของบ้านเป็นหลัก ถ้าโครงสร้างของบ้านไม่มีการแตกร้าวรอยต่อมีการประสานกันดี ซึ่งอาการดังกล่าวมาจากการตรวจเช็คไม่ใช้มองด้วยตาเปล่า เพราะอาคารบางแห่งดูจากภายนอกไม่มีอะไร แต่พอเราใช้คลื่นตรวจเข้าไปข้างในแล้วมันอาจจะอ่อนก็ได้เพราะอย่างนั้นขอตรวจอย่างละเอียดดีกว่า ในเบื้องต้นมองด้วยสายตาจากรูปทรงและรูปร่างยังไม่เอียงยังไม่แตกร้าวในลักษณะที่บ่งชี้ว่ามันจะล้มหรือพับไป

ในเบื้องต้นเราสามารถเข้าได้ก่อนเข้าไปตรวจดูหมายถึงผู้ที่มีความชำนาญเข้าไปตรวจด้านในไ ด้แต่ประชาชนไม่จำเป็นก็ไม่สมควรเข้าเพื่อความปลอดภัย ส่วนอาคารของโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดีนั้น จากการตรวจพบว่าอาคารด้านหลังเกิดการขยับตัวและมีรอยแตกร้าวเดิมเพิ่มขึ้นความร้อนทำให้สายไฟฟ้าในอาคารละลาย ควรจะต้องตรวจเช็คระบบไฟฟ้าว่ามีโอกาสลัดวงจรหรือไม่ ซึ่งตนเองได้คุยกับทางปตท.ว่าจะต้องตรวจเช็คอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดโดยทางวิศวกรรมสถานยินดีจะส่งวิศวกรอาสามาร่วมตรวจเช็คด้วย

ซึ่งวันนี้จะใช้เครื่องมือตรวจโรงเรียนสถานีตำรวจและบ้านเรือนประชาชนสำหรับการตรวจสอบในเบื้องต้น วันนี้พบว่าอาคาร 2 ชั้นรอยร้าวเดิมมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจึงมีข้อเสนอขอให้ทางโรงเรียนปิดพื้นที่ไม่ให้ใช้อาคารดังกล่าว ซึ่งเป็นสถานที่ทานข้าวของเด็กๆ ส่วนบ้านของประชาชนให้สังเกตว่ามีสายไฟฟ้ามีรอยไหม้หรือไม่ซึ่งบางทีก็ดูภายนอกไม่เห็น ถ้าเป็นไปได้ควรให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบก่อนที่จะใช้งาน

ด้าน รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบอาคารโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดีพบว่าอาคาร 2 ชั้นรอยร้าวเดิมที่เคยมีมีความชัดเจนมากขึ้น เมื่อเจอความร้อนทำให้รอยร้าวขยายตัวความร้อนเข้าไปด้านในอาคาร มีผลกระทบแน่นอนไม่สมควรใช้งานอาคาร จึงขอให้โรงเรียนปิดประกาศจุดอันตราย ส่วนเก้าอี้โต๊ะต่างๆ ในโรงเรียนก็ต้องระวังในการใช้งานเพราะดูภายนอกอาจจะไม่เห็นส่วนอาคารอีกหลังที่เป็น 3 ชั้นไม่ค่อยมีผลกระทบมาก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องให้วิศวกรมาตรวจสอบยังละเอียดอีกครั้ง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ