จากกรณีเฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความใจความ แชร์คลิปเผยให้เห็น แม่ชาวกัมพูชาถือหมายศาลมาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมานำตัวลูกสาว 2 คน ออกจากบ้านของนายเศกสรรค์ อายุ 39 พ่อของเด็ก โดยในคลิปยังเผยให้เห็นเด็กทั้ง 2 คนกรีดร้อง ร้องไห้ และมีท่าทีไม่อยากไปอยู่กับผู้เป็นแม่ เหตุเกิดที่ จ.นนทบุรี
วันที่ 23 ต.ค. 63 นายเศกสรรค์ พ่อของเด็ก เปิดเผยว่า ตนทั้งคู่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน โดยเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา นางจันทร์ (นามสมมต) นำต้วน้องกั้ง (นามสมมติ) ลูกสาวคนเล็กวัย 6 ขวบไปเพียงคนเดียว เนื่องจากน้องกุ้ง (นามสมมติ) ลูกสาวคนโตวัย 9 ขวบดิ้นหนีไม่ยอมไปด้วย ส่วนลูกสาวคนเล็กสู้แรงไม่ได้
ส่วนสาเหตุที่แยกทางกัน เพราะตนสงสัยว่านางจันทร์คุยกับผู้ชายคนอื่นหรือไม่ จนครั้งล่าสุดจับได้เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2562 ตนตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับนางจันทร์อีก แต่เนื่องจากพ่อแม่ของนางจันทร์รักหลาน จึงขอให้ตนอยู่ต่อ ตนจึงให้คำสัญญาว่าตนจะอยู่ที่ จ.ตราด แต่หากวันไหนที่นางจันทร์กลับมาบ้านตนจะไม่อยู่บ้าน และถ้าหากไล่ตน ตนจะพาลูกไปด้วย
จากนั้น ตนกับนางจันทร์ต่างคนต่างก็ไปทำเอกสารยื่นขอรับรองบุตร แต่เนื่องจากนางจันทร์ทำเอกสารเสร็จก่อน ทำให้ศาลตัดสินและออกหมายศาลรับรองให้พาลูกไปอยู่ด้วยได้ และเหตุการณ์เป็นไปตามคลิป หลังจากนี้ตนจะยื่นฟ้องเพื่อให้ศาลพิจารณาต่อไป เพราะอยากได้ลูกสาวมาเลี้ยงดู
ทีมข่าวโทรศัพท์ติดต่อไปยังนางสาวตูน น้องสาวของนางจันทร์ น้าของเด็ก ที่อยู่ในเหตุการณ์การมารับตัวเด็ก นางสาวตูน เล่าว่า ตั้งแต่ที่รับตัวน้องกั้งมา น้องกั้งก็สบายดี มีความสุขดี ไม่มีบ่นถึงพ่อและพี่สาวเขา โดยเมื่อวานนี้ตนได้สอบถามน้องกั้งว่าอยากไปกรุงเทพฯ ไปหาพ่อไหม น้องกั้งไม่ตอบ แต่ส่ายหัวไปมา
ทั้งนี้ ตนขอชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า นางจันทร์ไม่มีชายคนใหม่ มีแต่นายเศกสรรค์ที่กล่อมให้ลูกเชื่อว่านางจันทร์ไม่รักลูก ขณะนี้นางจันทร์ก็ยังคงอยู่ตัวคนเดียว ส่วนที่นางจันทร์กับนายเศกสรรค์เลิกกันเพราะนายเศกสรรค์ติดการพนัน ติดเงินตน 12,000 บาท ติดเงินแม่ของตนอีก 300,000 บาท
นอกจากนี้ ครอบครัวเคยตกลงกับนายเศกสรรค์หลายครั้งว่าไม่เคยกีดกัน สามารถมาหาและอยู่กับลูกได้ตลอด สามารถพาไปเที่ยว พาลูกไปอยู่ด้วยได้ เคยแม้กระทั่งตกลงว่าจะแบ่งกันดูแลลูกคนละคน ซึ่งตนก็งงว่าทำไมนายเศกสรรค์ถึงพาลูกหนี ตนเห็นนางจันทร์ร้องไห้ทุกวัน และนายเศกสรรค์เป็นคนท้าก่อนว่าหากอยากได้ลูกให้ไปฟ้องศาล
