เด็กมัธยม! ร่วมม็อบขนลำโพงมาเอง ชี้ "ถ้านิ่งเฉยชาติไม่เปลี่ยน" อาชีวะโผล่ช่วยคุ้มกัน (คลิป)

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 63 เพจเฟซบุ๊ก "เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH" ประกาศนัดรวมพลกลุ่มชุมนุม "CIA พร้อมรึยัง? นาตาชาพร้อมมั้ย?! 17:50 ที่สถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี หากรัฐบาลไม่รับข้อเรียกร้อง ยังไม่ปล่อยเพื่อนเราทั้งหมดและยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เตรียมพร้อมรับ BIG SURPRISE!"

เวลา 19.35 น. บริเวณหน้าห้างฯ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่มีการรวมตัวกันของผู้ชุมนุมนอกเหนือการนัดหมาย และมวลชนพร้อมใจกันทยอยเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มวลชนต้องขยายพื้นที่ออกมาบริเวณถนนบรมราชชนนี ขาออก ด้านหน้าห้างฯ ส่งผลให้ถนนทั้ง 4 เลนถูกปิดเส้นทาง 3 เลน ส่วนฝั่งกลับกันขาเข้า ยังคงสัญจรผ่านได้ตามปกติ

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี สอบถามนักเรียนชั้น ม.4 รายหนึ่ง ว่า ในวันนี้รู้ได้อย่างไรว่ามีการชุมนุมที่ห้างฯ ปิ่นเกล้า โดยนักเรียนชั้น ม.4 ให้สัมภาษณ์ว่า ตนทราบจากโซเซียลมีเดียต่าง ๆ ที่เป็นช่องการแจ้งข่าวสารว่ามีการนัดหมาย และในวันนี้ก็เตรียมไมค์และลำโพงมาเอง ซึ่งขนกันมา 3 คน ส่วนเหตุผลที่เตรียมไมค์และลำโพงมาเองนั้น เพราะตนรู้สึกว่าเด็กควรมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ฉะนั้นไมค์และลำโพงมีความสำคัญกับเรามาก ถ้าเรามีก็นำติดมาด้วย เพราะเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการใช้สื่อสารกัน

ทีมข่าวสอบถามต่อว่า ทำไมถึงตัดสินใจออกมาชุมนุมในครั้งนี้ นักเรียนชั้น ม.4 กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าการที่เรานิ่งเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น จะไม่ทำให้ประเทศไทยพัฒนาไปได้ ตนคิดว่าการที่เราออกมาเรียกร้อง จะสามารถเปลี่ยนแปลงปัญหาหลาย ๆ อย่างได้ และปัญหาที่ทุกคนออกมาเรียกร้องในวันนี้ไม่ใช่มีแค่ขาวกับดำเหมือนในอดีต ทุกเรื่องมีหลายระดับ ทั้งความเท่าเทียมทางเพศ การศึกษา ความเสมอภาคทางสังคม ศาสนา หรือจะเป็นองค์กรต่าง ๆ ซึ่งตนเป็นนักเรียนก็จะมีสะท้อนปัญหาของระบบการศึกษา และจะออกมาพูดเรื่องนี้บ่อยครั้ง แต่ว่าปัญหาระดับประเทศ พวกตนก็ไม่ลืมที่จะออกมาพูดเช่นกัน

จากนั้นเวลา 19.56 น. แกนนำที่กำลังกล่าวปราศรัย ได้กล่าวบทกวีต่าง ๆ ร้องเพลง "เราคือเพื่อนกัน" ของวงสามัญชน ส่วนมวลชนผู้ชุมนุมก็ได้พร้อมใจกันเปิดแฟลชหรือไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือ เพื่อโยกและปรบมือไปตามจังหวะเพลง ก่อนที่แกนนำจะประกาศแยกย้ายกันกลับบ้าน และเจอกันโอกาสต่อไป

เวลา 20.50 น. ถนนด้านหน้าห้างฯ สามารถสัญจรผ่านได้ตามปกแล้ว ส่วนห้างฯ ก็ยังเปิดให้บริการตามปกติเช่นกัน และผู้ชุมนุมก็ได้มีการเคลียร์ขยะบริเวณดังกล่าวเรียบร้อย ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน

นายแทน (นามสมมติ) อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งมาร่วมชุมนุมในวันนี้ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะมีการชุมนุมที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า แต่นั่งรถเมล์ผ่านพอดี จึงลงมาร่วมชุมนุมด้วย ส่วนตัวอยากมาแสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายการบริหารงานหลายอย่างของรัฐบาลชุดนี้ เช่น เมื่อช่วงเหตุการณ์โควิด-19 ระบาดในไทย ตนซึ่งทำงานพาร์ตไทม์ พบว่าเพื่อนหลายคนที่ตกงานไม่มีเงิน แต่รัฐไม่มีสวัสดิการที่เพียงพอที่จะเข้ามาดูแลในส่วนนี้ ซ้ำยังปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยโดยไร้การควบคุมจนเกิดผลกระทบเช่นที่ จ.ระยอง

ทั้งนี้ แม้ตอนนี้จะมีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขั้นร้ายแรง ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน และคิดว่ารัฐบาลออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาเพราะกลัวประชาชนมากกว่า นอกจากนี้ แม้ม็อบจะไม่มีแกนนำ ตนคิดว่าเป็นข้อดีที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นแกนนำได้ โดยไม่ยึดติดตัวบุคคล

กระทั่งเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางกอกน้อย พนักงานฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ ฝ่ายโยธา และฝ่ายเทศกิจได้ลงพื้นที่มายังบริเวณหน้าห้างฯ ปิ่นเกล้า เพื่อมาทำความสะอาด โดยมาทั้งหมด 104 คน ซึ่งแต่ละคนได้ถือถุงขยะเก็บขยะ โดยไม่ใช้ไม่กวาด เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ช่วยกันเก็บขยะไปก่อนหน้านี้แล้ว

ส่วนที่บริเวณหน้าศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ช่วงค่ำมวลชนเริ่มทยอยเข้ามาในพื้นที่ ผลัดเปลี่ยนขึ้นเปราศรัยกันอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องขยายเสียง ใจความพูดถึงการทำงานของรัฐบาล และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลาออก

จากนั้น มีการประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติ ในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. และขอให้มวลชนทยอยเดินทางกลับบ้าน พร้อมเก็บขยะในพื้นที่การชุมนุมให้สะอาด ซึ่งกลุ่มสุดท้ายที่จะออกจากพื้นที่เป็นนักศึกษาอาชีวะ ที่อาสาเป็นผู็ดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยของผู้ชุมนุมให้เดินทางกลับออกไปอย่างปลอด แล้วจะกลับเป็นกลุ่มสุกท้าย

จากนั้น เวลาประมาณ 20.15 น. ที่บริเวณหน้าเมเจอร์ รังสิต มีการเดินขบวนเคลื่อนตัวเพื่อปิดถนน กลุ่มวัยรุ่นและประชาชนเดินขึ้นทางสะพานกลับรถถนนวิภาดี-รังสิต ซึ่งห่างจากห้างฯ 200 เมตร มีการโห่ร้อง บีบแตรรถจักรยานยนต์เสียงดัง และตะโกนตำหนิรัฐบาล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การส่งท้ายหลังยุติการชุมนุมของวันนี้ จากนั้นกลุ่มมวลชนเคลื่อนตัวถึงหน้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และสลายการชุมนุม

จากนั้นเวลาประมาณ 21.00 น. หลังจากผู้ชุมนุมจำนวนมากเดินทางกลับ กลุ่มอาชีวะก็ทยอยเดินทางออกจากพื้นที่ โดยใช้รถจักรยานยนต์ และบางส่วนใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ