จากกรณี เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 63 เกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตในวงเหล้า บริเวณแคมป์คนงานแห่งหนึ่ง ถ.พัฒนาการ เขตสวนหลวง แขวงสวนหลวง กรุงเทพฯ
ตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิต คือนายสุรชัย นวลจันทร์ หรือ เค อายุ 29 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายวรวุฒิ ภูพลผัน หรือ วุฒิ อายุ 30 ปี สอบถามเพื่อนในวงเหล้าไม่มีใครทราบถึงสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้
วันเกิดเหตุ ช่วงเวลา 17.00 น. นายเก่ง, นายวุฒิ คนก่อเหตุ, นายซี่ ตั้งวงดื่มเหล้ากันอยู่บริเวณแคมป์คนงาน ขณะนั้นนายวุฒิ ได้บอกว่า "ผมนั่งกินกับพี่ได้ถึง 1 ทุ่มนะ เพราะต้องออกไปรับแฟน" สักพัก นายเค ผู้เสียชีวิต ก็ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าแคมป์ และเดินเข้ามานั้งดื่มรวมกัน 4 คน
จากนั้น 19.00 น. ทุกคนต่างคนกำลังจะแยกย้ายกลับบ้าน นายวุฒิก็ได้เดินกลับเข้ามาพร้อมกับอาวุธปืนขนาด .38 และยิงใส่เข้าที่บริเวณแผ่นหลังของนายเค ที่กำลังยืนหันหลังอยู่ 1 นัด กระสุนผ่านหลังทะลุอกด้านหน้าซ้าย ล้มลงนอนกับพื้น ก่อนที่นายวุฒิขี่รถออกไปมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน
วันที่ 19 ต.ค. 63 นายสุรพล นวลจันทร์ อายุ 25 ปี น้องชายของผู้เสียชีวิต เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากทางผู้ก่อเหตุและพี่ชายของตนเองรู้จักและเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็ก ซึ่งตนเองก็นับถือผู้ก่อเหตุในฐานะพี่ชายคนหนึ่งมาโดยตลอด
ส่วนปมเหตุที่เกิดขึ้น ตนเองก็ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีความเป็นมาอย่างไร แต่คาดว่าน่าจะเป็นปัญหาที่ทั้งสองคนมีปากเสียงกันมานานแล้ว อีกทั้งก็ไม่มีใครทราบว่าเป็นเรื่องอะไร เนื่องจากพี่ชายไม่เคยมาเล่าหรือปรึกษาเรื่องส่วนตัวกับทางครอบครัว
แต่ 6 วันก่อนที่พี่ชายจะเสียชีวิตพี่ชายได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ลักษณะเหมือนเป็นการสั่งลาว่า "อาจจะเป็นภาพสุดท้ายในชีวิต ที่ผมจะให้แม่ ผมลาก่อน" กระทั่งมาเกิดเหตุ ทำให้ตนเองคิดว่าพี่ชายอาจจะมีปัญหาความเครียดอะไรบางอย่าง แต่ไม่ได้บอกกับครอบครัว
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุตนเอง แค้นมากที่ผู้ก่อเหตุมาทำกับพี่ชายของตนเอง และเสียความรู้สึกที่เคยนับถือ ตนรู้สึกจุกจนไม่รู้จะพูดอะไรกับคนก่อเหตุ ทั้งนี้ ตนเองอยากให้ทางครอบครัวของผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบกับการกระทำที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายให้ถึงที่สุด
ด้านนายมานพ ภูพลผัน อายุ 51 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องว่าลูกชายไปก่อเหตุ ตนเองก็รู้สึกเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะไม่คิดว่าลูกชายจะก่อเหตุ ทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เล็ก ส่วนปมเหตุที่เกิดขึ้นตนเองไม่ทราบ ยืนยันได้ว่าลูกชายเป็นคนดี ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
หลังเกิดเรื่อง ตนเองได้ไปเยี่ยมลูกชายที่ สน.คลองตัน พบว่าลูกอยู่ในอาการซึมเศร้า ร้องไห้ บอกกับตนเองว่าเป็นห่วงลูกเล็กวัย 4 เดือน และรู้สึกผิดที่พลาดก่อเหตุ แต่ไม่ยอมบอกถึงสาเหตุ ทั้งนี้ ตนเองไม่ขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต เนื่องจากตนเองไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างลูกตนเองกับผู้เสียชีวิต แต่หากลูกกระทำผิดก็ต้องรับผิดตามกฎหมาย
เบื่องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวกับผู้ก่อเหตุในความผิดจำนวน 3 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต กระทำการยิงอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันควร เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป