ห่างหายจากวงการบันเทิงไปนาน เพราะไปลุยงานด้านจิตอาสากับมูลนิธิร่วมกตัญญูเต็มตัว ล่าสุดอดีตนางเอกสาว "ต่าย สายธาร นิยมการณ์" มาเปิดใจในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ว่ารักในงานการทำงานของหน่วยกู้ชีพ แม้ต้องอยู่กับความเป็นความตายตลอดเวลาเพราะอยากตอบแทนประชาชน และยังไม่คิดทิ้งงานในวงการบันเทิง พร้อมเปิดใจเรื่องที่คอยดูแล "แม่สีดา พัวพิมล" คุณแม่ของอ๊อฟ อภิชาติ อดีตพระเอกคนสนิท ว่าจะดูแลกันไปเรื่อยๆ เป็นอย่างดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ดวงตา คงทอง" กลับมาทวงบัลลังก์ดีว่าลูกทุ่ง ยันไม่ได้หนีไปบวชชีเพราะหนีรัก!
- "หม่อมเอ็ม อรรถพล" ชีวิตจากตลกคาเฟ่สู่นักแสดงเจ้าบทบาทงานชุกทั้งปี!
- "นิว ชัยพล" เคยชวดงานเป็นปี เพราะ "มาริโอ้ เมาเร่อ"
- "Miss Grand Thailand 2020" สาวงามที่ไม่ใช่แค่สวย แต่รวยความฮา!
- "ธัญญ่า อาร์สยาม" เผยเคยตกต่ำจนแทบไม่มีเงินติดกระเป๋า เชื่อชีวิตดีขึ้นได้เพราะ "นั่งกรรมฐาน"
- "นก ชลิดา" อดีตนางสาวไทย พ่วงดีกรีดอกเตอร์ป้ายแดง เผยเบื้องลึกเวทีประกวดนางงาม
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม รหัส 18 บนชุดคืออะไร
ต่าย : รหัสดาราอาสา อย่างพี่ท็อป พี่ไทด์จะเป็น 1-2 แล้วก็ พี่ต้น อธิวัฒน์ ก็จะเป็นดารา 4 ต่ายเป็น 18 พี่ท็อป พี่ไทด์ เขาจะดูแลอยู่ ต่ายอยู่ในส่วนของประชาสัมพันธ์มูลนิธิ ช่วยในเรื่องของการประชาสัมพันธ์และลงปฏิบัติงานค่ะ เขาเรียกวอ 4 คือปฏิบัติหน้าที่ อย่างมูลนิธิหลายๆ คนจะงงว่า เอ๊ะ ทำไมมีชุดหลายสี ถ้าเป็นชุดสีเขียวอย่างนี้ จะเรียกว่าชุดอาสา อาสาคือสามารถไปช่วยยก แบก ช่วยน้ำท่วมอะไรอย่างพี่ท็อปพี่ไทด์ที่ทำ อย่างต่ายใส่ชุดสีขาวกู้ชีพ จะอยู่ในส่วนของรถพยาบาล จะต้องไม่ยุ่งกับศพ ทำคลอดได้ ถ้าเป็นชุดสีเหลือง ก็จะเป็นเจ้าหน้าที่สำหรับเก็บศพโดยเฉพาะ จริงๆ แล้วการใส่ชุดที่แตกต่างกัน เวลาที่ลงปฏิบัติหน้าที่ จะเป็นในเรื่องของกฎหมายด้วย แล้วก็เป็นในเรื่องของการแยกแยะ แยกประเภท
ถาม แล้วเห็นเขาบอกว่าอย่างชุดขาวที่ต่ายใส่ เป็นดาราเพียงคนเดียวในประเทศไทยเลยที่จบหลักสูตรกู้ชีพนี้
ต่าย : คิดว่าน่าจะใช่นะคะ เป็น EMT-B emergency medical technician basic เรียน 110 ชั่วโมง เป็นเดือนๆ เลย ขาดไม่ได้เลยนะคะ ต่ายจำได้ว่าตอนขึ้นไปเรียน ต่ายยังให้น้ำเกลืออยู่ ด้วยเพราะห้ามขาดเลย แม้แต่นาทีเดียว เราต้องไปอบรมต้องไปเรียนทุกวันด้วยความกดดัน แต่ภูมิใจที่เราทำได้ แล้วการที่หลายคนมองเห็นว่าการใส่ชุดแล้วมันเท่ มันไม่ได้เท่ตรงชุดหรอกค่ะ มันเท่ตรงนี้มากกว่า(ชี้ที่ศีรษะ)ถ้าเราไปเรียนได้
ถาม ก่อนที่มาเป็น ต่าย สายธาร ในวันนี้ เมื่อก่อนได้รับฉายาแหม่ม จินตหรา 2
ต่าย : ต้องบอกว่าได้รับใบบุญจากพี่แหม่มมาก เพราะว่าในช่วงนั้น ต่ายได้เข้ามาเล่นอนึ่งคิดถึงพอสังเขป เรื่องแรกของอาบัณฑิต ฤทธิ์ถกลและพี่สมเกียรติ ไฟว์สตาร์ ตอนนั้นไฟว์สตาร์ เขามีเซ็นสัญญาก็เรียกมาแคส แล้วก็ให้เล่นเป็นพี่แหม่มตอนเด็ก เราเกิดจากพี่แหม่มเลยค่ะ ตอนนั้นก็จะมีผมม้าใช่ไหมคะ มีบางมุมที่คล้ายพี่แหม่ม อันนี้ก็ต้องขอบคุณพี่แหม่ม แล้วก็ขอบคุณสื่อด้วยขอบคุณค่ะ
ถาม ซึ่งตอนนั้น ต่าย สายธาร ถือว่าเป็นดาราวัยรุ่นที่ดังมาก แล้ววันที่ตัดสินใจมาเป็นจิตอาสา แรงบันดาลใจมันคืออะไร
ต่าย : ต้องขอบคุณคุณอ๊อฟ อภิชาต เขาเป็นคนที่ชักชวนต่ายมาทำตรงนี้
ต่าย : ต่ายเจอมาหลายคนแล้วที่พูดว่ากลัวเลือดกลัว ไม่กล้าทำ แต่พอไปถึงเวลาจริงๆ มันต้องทำ อยู่ๆ มันจะทำเองโดยอัตโนมัติเพราะนั่นคือสัญชาตญาณของมนุษย์ที่อยากจะช่วยคน แต่บางคนอยากช่วยก็ไม่รู้ว่าจะช่วยวิธีไหนอย่างถูกต้อง พอได้เข้ามาทำแล้ว บวกกับผู้ใหญ่ทางร่วมกตัญญูเมตตาเรา ส่งเรามาเรียนอบรมเป็นกู้ชีพจบมาแล้ว ก็ต้องถามตัวเองว่าไปเรียนมาแล้ว แล้วยังไงต่อไปเรียนมาแล้วจะเก็บไว้เป็นกบอยู่ในกะลา แทนที่คุณจะเอาความรู้ที่มีมา ไปแบบเผยแพร่ให้กับคนรุ่นหลัง แล้วให้เขาไปต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นวิทยากร ไปสอนเด็กๆ CPR ไปทำอะไรก็ได้ สำหรับคนที่เขาอยู่ห่างไกลความเจริญ ก็เลยคิดว่าเอาความเป็นนักแสดงหรือเป็นดารา มาทำตรงนี้ มันก็เป็นใบเบิกทางอย่างหนึ่ง สิ่งสำคัญที่อยากทำมากที่สุด คือการได้ตอบแทนประชาชนของพระราชา
ถาม เคยท้อเคยเหนื่อยบ้างไหม
ต่าย : มี แต่น้อยมาก บอกเลยว่าทำงานตรงนี้ เราทำงานภายใต้แรงกดดัน บางทีไปเจอไทยมุง ทำไมไม่รีบทำ ทำไมไม่รีบช่วยหรือนั่นนู่นนี่นั่น แต่จริงๆ แล้วการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ มันมีขั้นตอนของมัน
ถาม เคสที่ยากที่สุดตั้งแต่เคยทำมาก็คือเคสสึนามิ เป็นยังไงบ้าง
ต่าย : ภาพแรกคือลงเครื่อง C130 ไป เห็นเลยอยู่บนหลังคา อยู่แบบ...นึกออกใช่ไหมคะ จำได้ว่าไปโรงแรมที่หาดป่าตอง เพื่อไปรับศพ แล้วไปเจอศพเด็ก แล้วตัวต่ายเอง เจอญี่ปุ่น 2 คนตามหาลูกเขา ไม่ได้กินน้ำ ไม่ได้กินข้าว 2 วัน แล้วลูกเขา 5 ขวบ 1 คน 2 ขวบ 1 คน เราไปเจอลูกเขา 1 คน 5 ขวบ แต่เสียชีวิตแล้ว เขาก็ยังมีความหวังว่าจะเจอลูกเขาอีกคน ก็เจอค่ะ 2 ขวบก็เสียชีวิตเหมือนกัน เขาก็ตีทุบเราใหญ่เลย แต่เราเข้าใจการสูญเสียตัว พ่อกับแม่เองก็แย่ เพราะว่าอยู่ในป่าแล้วก็ไม่ได้ทานน้ำ ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่มันคิดว่าคงไม่ใช่ต่ายรู้สึกแย่คนเดียว หลายๆ คนก็รู้สึกหดหู่ แต่ตรงนั้นมันก็ย้อนกลับมาว่าเราดีใจนะ ที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้เข้าไปช่วยเหตุการณ์นี้
ถาม ถ่ายรูปแล้วมีตามมาที่บ้าน หรือมีอะไรแปลกๆ บ้างไหม
ต่าย : ตอนนั้นต่ายชวนเพื่อนมานอนที่ห้อง สมัยก่อนเรียนสแตมฟอร์ด ต่ายมีความรู้สึกว่าต่ายเห็น เอารูปเขาไว้ในห้อง รูปหน้าชัดมาก มีความรู้สึกว่า 2-3 วัน เห็นหน้าเขา ทำไมมันฝันเดิมๆ หน้าเขามาอย่างเนี้ย(เข้ามาใกล้ๆ) พอมาอีกวัน ทำไมมันฝันอีกแล้ว แต่รอบนี้หน้าเขามาติดเรา ไม่ไหวแล้ว ไปวัดลาดพร้าวเลย เราเคาะเรียกท่านเจ้าอาวาสตอนนั้น รดน้ำมนต์ตอนนั้นเลย อันนี้คือเหตุการณ์สมัยแรกๆ
ต่าย : การที่เรามาทำหน้าที่ตรงนี้ มันทำให้เราปลงด้วย ต่ายจะคิดเสมอว่าถ้าเราไม่ทำ ใครจะทำ มีคนมาทำไหม ถ้ามีคนมาทำ ก็จะไม่ทำ แต่ก็ไม่มีคนทำ ก็ต้องทำต่อ อีกอย่างนึงเราก็อยากจะเอาสิ่งเหล่านี้ที่มันเป็นความรู้ มันเป็นทรัพย์ในตัวที่เรา สามารถมอบให้เขาได้ อย่างทุกวันนี้ต่ายมีทีมงานจิตอาสาต่ายสายธาร ทีมงาน 20-30 คน เริ่มเยอะ แต่เป็นทีมงานที่ทำงานภายใต้มูลนิธิร่วมกตัญญู แล้วก็มีทีมงานจากพี่ท็อปพี่ไทด์มาช่วยเวลาที่ต่ายลงพื้นที่ ลงเคสแจกอาหาร ไปช่วยคน หรือเคสเร่งด่วน ไม่ได้แตกแยกออกมาจากมูลนิธินะคะ ต้องให้เข้าใจด้วย ยังอยู่ที่ร่วมกตัญญูเหมือนเดิม ทำงานรับใช้มูลนิธิเหมือนเดิม
ถาม นอกจากเป็นคนที่ตอบแทนประชาชนแล้ว ยังดูแลแม่สีดา ซึ่งเป็นแม่ของคุณอ๊อฟ ผู้ล่วงลับ ดูแลเหมือนคุณแม่ของตัวเองเลย
ต่าย : สัจจะให้ไปแล้วก็ต้องทำ ต่ายไม่ได้จะมาพูดเพื่อให้คนเห็นว่าฉันเป็นคนดีนะ แต่เราอยากทำให้เห็นว่าสัจจะที่แท้จริง ต่ายมีความรู้สึกว่าถ้าด้วยวัยขนาดนี้ ถ้าเป็นแม่ต่าย ต่ายอยากให้เขาสบาย อยากให้เขาอยู่บ้าน แต่คุณแม่สีดาได้ยังแข็งแรงอยู่นะคะ แล้วก็ทางน้องของคุณอ๊อฟ เขาก็ยังดูแลอยู่ หลายคนอาจจะคิดว่าน้องไม่ดูแลเหรอ น้องยังดูแลอยู่ เพียงแต่ว่าเขาก็จะต้องมีภาระในส่วนของเขา แต่ว่าในเรื่องส่วนตัวของแม่สีดา ต่ายเรียนตรงๆ ว่าก็ไม่ได้ก้าวก่าย ไม่ได้ทราบอะไรมาก
ถาม พาไปทานข้าวไปเจอกันไม่ทอดทิ้งกัน
ต่าย : ไปทานข้าวร่วมกัน คือสิ่งที่ต่ายทำได้ ไปให้กำลังใจ บางทีก็โทรถามตลอด บางทีแม่ทัก LINE มา ต่ายก็อาจจะไม่ได้ตอบแต่แม่จะรู้ เป็นอย่างนี้ตลอด ก็ดูแลกันไปเท่าที่ทำได้
