จากกรณี ตำรวจ สภ.บ้านฉาง รับแจ้บเกิดเหตุ นักเรียน ม.4 เครียดจากการเรียนยิงกรอกปากตัวเองสาหัส เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 14 ต.ค.63 ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดภายในบ้านพัก ในพื้นที่ ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง
ทราบชื่อคนเจ็บ น้องกล้า (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 อาการสาหัสจากการใช้อาวุธปืน ยาวขนาด .22 กรอกปากตัวเองภายในห้องนอนอาการสาหัส เจ้าหน้าที่จึงเร่งให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
ในเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุน้องกล้าได้ปิดห้องแล้วก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นออกมาจากห้องนอน จำนวน 2 นัด ญาติจึงรีบเปิดประตูและพบว่าน้องกล้าได้ใช้ปืนยาวที่เป็นของปู่ ซึ่งพ่อได้รับมรดกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าไปแอบนำมาตอนไหน จึงไม่มีใครทราบว่าจะใช้ยิงตัวเอง
ล่าสุดวันที่ 15 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พบว่าไม่มีคนอยู่บ้าน และทีมข่าวพยายามติดต่อไปยังแม่ของน้องกล้า แต่เจ้าตัวยังเฝ้าน้องกล้าไม่ห่าง ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์
ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.กมล (นามสมมติ) อายุ 36 ปี เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อวานนี้ตนไม่เจอน้องกล้า แต่ปกติตนจะเห็นเดินกลับมาบ้านตลอด เมื่อวานน้องกล้าก็ไปเรียน ตนก็ไม่เจอน้อง กระทั่งในช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ตอนเกิดเหตุตนไม่ยินเสียงปืน เพราะตนอยู่ในบ้าน แต่มาได้ยินอีกทีคือเสียงแม่น้องกล้าตะโกนเรียกให้ช่วย เมื่อไปถึงเห็นแม่น้องกล้าประครองลูกอยู่ในสภาพเลือดออก ตอนนั้นน้องลืมตาตอบสนองได้ แม่พยายามเรียกให้น้องตื่น เพราะไม่อยากให้น้องหลับ ตนจึงออกมาบอกเพื่อนบ้านว่า ให้โทรตามเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ
ทั้งนี้ตนสอบถามแม่น้องกล้าว่าเกิดอะไรขึ้น แม่น้องเล่าให้ตนฟังว่า เมื่อวานหลังรับกลับมาจากโรงเรียน พูดคุยเรื่องเรียนว่าเครียด จากนั้นน้องกล้าก็เข้าไปในห้องปิดประตูยิงตัวเองตาย ตนตกใจมาก ไม่คิดว่าน้องกล้าจะก่อเหตุแบบนี้ และวิถีกระสุนก็รุนแรงมาก ไม่คิดจะยิงกรอกปากตัวเองแบบนี้
นอกจากนี้ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับ นางเยาวภา (นามสมมติ) อายุ 56 ปี ครูฝ่ายวิชาการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บ้านฉาง ที่น้องกล้าเรียนอยู่ เปิดใจกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า น้องกล้าเป็นเด็กเงียบ ๆ เป็นเด็กเรียนดี เคยอยู่ห้องคิงตอนมัธยมศึกษาตอนต้น
เมื่อเลื่อนชั้นขึ้นมามัธยมศึกษาปีที่ 4 น้องกล้าไม่ได้เรียนห้องคิง แต่เรียนสายวิทย์-เทคโนโลยี แต่จะเน้นเรียนคอมพิวเตอร์เยอะกว่าสายอื่น ๆ ตนยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องเรียนที่กดดัน และห้องที่น้องกล้าเรียน ไม่ได้แข่งขันกันสูง ส่วนการบ้านก็ไม่ได้สั่งเยอะอะไร เด็กทุกคนได้เท่ากันหมด ประกอบกับนโยบายผู้อำนวยการ ก็ให้ลดการบ้านมาก่อนหน้านี้แล้ว และยังกำชับครูทุกคนให้เอาใจใส่ดูแลเด็กนักเรียนมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้เท่าที่ตนทราบน้องกล้าไม่มีปัญหาอะไรกันกับเพื่อน ทุกคนที่ทราบข่าวก็พากันสวดมนต์ภาวนาให้หายเร็ววัน และทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ที่ผ่านมาครูที่ปรึกษาจะคอยถามไถ่เด็กนักเรียนอยู่ตลอด และไปเยี่ยมบ้านนักเรียนก็พบว่า ครอบครัวอบอุ่นดี อยู่กันพร้อมหน้า
ส่วนปัญหาและสาเหตุที่เกิดขึ้น ตนไม่สามารถระบุหรือฟันธงได้ เพราะตนยังไม่ได้คุยกับครูที่ปรึกษาของเด็กอย่างละเอียด เพราะเหตุเพิ่งเกิดขึ้น ก็มีเพียงแต่ทางครูที่ปรึกษาและผู้อำนวยการ ลงพื้นที่ไปเยี่ยมน้องกล้า และให้กำลังใจผู้ปกครอง พร้อมทั้งช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลอย่างเต็มที่
