รองอธิบดีกรมชลฯ ลงตรัง ลุยแก้ปัญหาหลังพนังกั้นน้ำแตก 920 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน
รองอธิบดีกรมชลฯ ลงตรังลุยแก้ปัญหาหลังพนังกั้นแม่น้ำตรังแตกซ้ำรอยปี 60 คาด 3-4 วันดำเนินการปิดได้ ขณะที่มวลน้ำไหลท่วมแล้วกว่า 7 อำเภอ 920 ครัวเรือนเดือดร้อน เร่งช่วยเหลือแก้ปัญหาอพยบชาวบ้านนอนที่พักพิง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชาวบ้านเมืองตรังผวา! พนังกั้นน้ำแตก ขนของหนีอลหม่าน
- “เสนาลิง” โอดเสียหายนับล้าน! หลังน้ำท่วมรีสอร์ทหนักสุดในรอบ 10 ปี น้ำลดจ่อถมดินเพิ่ม
- สร้างขวัญกำลังใจ "อนุทิน" ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมปากช่อง
- น้ำป่าทะลักราชบุรี! ท่วมสูง 2 เมตร ตัดขาดทางเข้า-ออก 3 หมู่บ้าน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (14 ต.ค.63) นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้างกรมชลประธาน พร้อมด้วย นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายสราวุฒิ ธนาเจริญสกุล นายอำเภอเมืองตรัง นายพิศาล เต็งเฉี้ยง กำนัน ต.หนองตรุด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมชลประทาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองตรัง เดินทางตรวจสอบพื้นที่พนังกั้นน้ำแม่น้ำตรัง บริเวณปากคลองแม่น้ำตรัง พื้นที่ หมู่ 1 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง
ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างประตูน้ำ โครงการคลองลัดน้ำของชลประทาน หลังจากกระแสน้ำภายในแม่น้ำตรังที่รุนแรงได้ซัดพนังดังกล่าวซึ่งเป็นคันดินจนพังทลายลงระยะทางกว่า 50 เมตร ส่งผลให้มวลน้ำจำนวนมากดังกล่าวไหลบ่าเข้าในพื้นที่ลุ่มต่ำ หมู่ 1 หมู่ 3 หมู่ 4 หมู่ 7 ต.หนองตรุด และ หมู่ 4 ต.บางรัก รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงสร้างความเดือดร้อนไหลบ่าเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนอีกเกือบ 100 กว่าหลังคาเรือน วานนี้ 13 ต.ค.63 ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
นายประพิศ กล่าวว่า ทางกรมชลประทานได้ดำเนินการต่อเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการผันน้ำส่วนเกินจากแม่น้ำตรัง อ้อมเข้าสู่ช่วงปลายแม่น้ำตรัง เราได้ดำเนินการขุดคลองไปแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็น ไม่ว่าจะเป็นการขุดหรือการสร้างคันกั้นน้ำ จะมีประตูประบายน้ำ 2 แห่ง สะพาน 4 แห่ง จะเห็นว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำตรังจะต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 10 ซ.ม. มวลน้ำจากการคาดการจากพยากรณ์อากาศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตนมั่นใจว่าโครงการนี้เกิดประโยชน์แล้ว แต่เรายังมีจุดอ่อนอยู่คือการควบคุมเพื่อไม่ให้ทำนบดินที่มีอยู่กว้างขึ้นกว่าเดิม
สิ่งแรกที่มีการแก้ไขคือการนำหิน นำกล่องเกเบี้ยน มาวางเรียงยึดโยงด้วยกันไม่ให้น้ำไหลเข้ามาได้อีก จุดที่ 2 ประตูระบายน้ำยังไม่มีตัวควบคุม อาจจะเสี่ยงได้ในกรณีน้ำในแม่น้ำตรังสูงขึ้น และจะนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาทำการสูบน้ำออกโดยเร็วที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหา คาดว่าจะใช้ระยะ 3-4 วัน ก็จะสามารถปิดคันดินที่ขาดได้ ตนยืนยันว่าโครงการนี้ภายในเดือนกันยายน ปี 2564 จะเสร็จสิ้นทุกกิจกรรม 100 เปอร์เซ็น และครบวงจร จุดไหนที่เป็นจุดอ่อนหรือไม่แข็งแรงเรามีเครื่องมือมาช่วยเสริม ทางชลประทานไม่ได้นิ่งนอนใจ เราจะสนับสนุนทุกเรื่องถือว่าเป็นพี่น้องประชาชนของเราทุกคน
ทางด้านนายขจรศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้สถานการณ์ของเราในภาครวมนั้น เมื่อคืนและวันนี้ฝนตกน้อยลง และค่อนข้างจะเบาลง แต่เราก็ไม่ได้ประมาท ได้สั่งการไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง และรายงานสถานการณ์ทุกวัน เมื่อชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่ออกไปช่วยเหลือได้ทันที
ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้วทางหน่วยงานราชการก็ออกให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ โดยการจัดสถานที่พัก กางเต็นท์ แจกเครื่องอุปโภค บริโภค ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยตรวจรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในเต็นท์ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่จังหวัดตรังขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทัน เพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไป และทางทางจังหวัด ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดจะลงแจกเครื่องอุปโภค บริโภคให้พี่น้องตำบลบางรัก พื้นที่ ม.4 ม.5 ที่อพยพหนีน้ำขึ้นมาประมาณ 50 ครัวเรือน แนวทางแก้ไขที่ท่านรองฯ ได้บอกไปแล้วคือตรงจุดที่เป็นที่ลุ่มซึ่งได้รับผลกระทบ จะมีการบล็อกน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อให้น้ำลดลงเร็วขึ้น
รายงานสถานการณ์น้ำกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรังล่าสุดวันนี้ 14 ต.ค.สถานการณ์ในลุ่มน้ำสายหลัก พื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก พื้นที่ต้นน้ำแม่น้ำตรัง ปัจจุบันมีปริมาณฝนตกเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ ทำให้ระดับน้ำในคลองธรรมชาติสายต่างๆ มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น การระบายน้ำยังคงระบายได้ดี โดยมีน้ำเอ่อล้นตลิ่ง คลองนางน้อย คลองชี และคลองสว่าง ได้รับผลกระทบ 7 อำเภอ 3 เทศบาล 3 ชุมชน 27 ตำบล 83 หมู่บ้าน 920 ครัวเรือน ดินสไลด์ 2 หลัง และยังได้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชม.
