จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อยv+" ได้แชร์เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กถูกลูกโป่งอัดแก๊สระเบิดใส่ จนถูกไฟคลอกหน้า ระบุข้อความตามหาแม่ค้าลูกโป่งที่ไม่มารับผิดชอบใด ๆ เกี่ยวกับค่ารักษาของเด็ก
วันที่ 12 ต.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่พักรักษาตัวของ น้องสไปร์ท วัย 2 ขวบครึ่ง ซึ่งยังคงพักรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อ สภาพใบหน้าและมือทั้ง 2 ข้าง เกรียมไหม้ เป็นแผลไฟไหม้ระดับ 2 อยู่ในอาการผวา และพูดกับยายที่เฝ้าไข้ตลอดว่า "ตีแก๊สให้หน่อย ตีโป่งให้หน่อย มันทำหนูเจ็บ"
นางสมพงษ์ ขบวนดี อายุ 64 ปี ยายของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 08.00 น. ตนได้พาน้องสไปร์ทไปขายอาหารและกล้วยทอดที่ตลาด ตรงข้าม ม.ราชภัฏนครราชสีมา ขณะเดียวงานทางมหาวิทยาลัยได้จัดงานมอบปริญญาบัตร ทำให้มีคนมาขายของจำนวนมาก รวมถึงแม่ค้าลูกโป่งอัดแก๊สที่มาขอนั่งตรงข้ามร้านของตน เพื่อใช้พื้นที่ในการขายลูกโป่ง ซึ่งเมื่อหลานสาวของตนเห็นลูกโป่งก็อยากได้ลูกโป่ง แต่ตนไม่ซื้อให้เพราะหวั่นหลานได้รับอันตราย
ขณะเดียวกันแม่ค้าลูกโป่งก็เกิดความสงสารหลาน มอบลูกโป่งอัดแก๊สลายคิตตี้ให้ 1 ลูก หลังจากนั้น หลานสาวก็จูงลูกโป่งวิ่งเล่นในตลาด และกระทั่งช่วงที่ตนกำลังเผลอ หันไปหยิบกล้วยทอดให้ลูกค้า หลานสาวก็วิ่งมาข้างหลัง และคาดว่าน่าจะวิ่งผ่านเตาที่กำลังทอดกล้วยอยู่ ลูกโป่งก็เกิดระเบิดดังขึ้น ตนหันไปดูก็เห็นหลานถูกไฟคลอกหน้า และไฟติดอยู่ตามแขน ตอนนั้นตนรู้สึกตกใจและช็อกมาก รีบเข้าไปหยิบเศษลูกโป่งที่ติดไฟโยนทิ้ง และพยายามช่วยตีดับไฟให้หลาน โดยมีคนในตลาดมาช่วย แล้วรีบพาหลานส่งโรงพยาบาลทันที
ซึ่งตนไม่เข้าใจและไม่รู้มาก่อนว่าลูกโป่งอัดแก๊สจะไวต่อไฟและอันตรายขนาดนี้ ถ้าตนรู้ก็คงจะไม่ให้หลานไปยุ่ง ซึ่งช่วงที่เกิดเหตุ แม่ค้าลูกโป่งคนที่มอบลูกโป่งให้หลานกลับเพิกเฉย ไม่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ไม่นานก็หนีกลับไป ซึ่งตนก็อยากให้เขามารับผิดชอบ ช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลบ้าง เพราะตนแทบจะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา สิทธิ์บัตรทองก็ใช้ไม่ได้ เพราะเหตุที่เกิดเป็นอุบัติเหตุ
นางเพ็ญพักตร์ พวงเกาะ อายุ 39 ปี แม่ของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุ แม่ค้าลูกโป่งแทบจะไม่สนใจลูกสาวของตนเลย ยังคงนั่งขายลูกโป่งเหมือนเดิม แต่ตนก็ไม่อยากผูกใจเจ็บ เพราะรู้ดีว่าเขาให้ลูกโป่งเพราะหวังดี แต่ตนติดใจอยู่อย่างหนึ่งคืองานรับปริญญาบัตร ทางผู้ดูแลงานมีการสั่งห้ามนำลูกโป่งอัดแก๊สมาขาย เนื่องจากปีที่แล้วเคยมีเหตุการณ์ลูกโป่งระเบิดมาแล้ว จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีแม่ค้ามาขายลูกโป่งอัดแก๊สในปีนี้อีก
สำหรับอาการของลูกสาว มีแผลไฟไหม้ระดับ 2 หมอบอกว่าต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวสารพิษจากแก๊สจะปนเปื้อนเข้าไปในเลือดและอาจจะติดเชื้อได้ และต้องใช้เวลาอีกเป็นปีในการพักรักษาตัว
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเคสที่เด็กเล่นลูกโป่งอัดก๊าซแล้วเกิดระเบิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อเด็กเพราะมีการระมัดระวังตัวเองได้น้อย
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ที่ตลาดตรงข้าม ม.ราชภัฏนครราชสีมา เป็นแผงขายอาหารในตลาด และเตาแก๊สทำอาหารยังคงตั้งอยู่ที่ร้าน ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้าย
นางนกแก้ว รักกุศล อายุ 64 ปี แม่ค้าขายผลไม้สดที่ใกล้จุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ไฟถูกบริเวณใบหน้าและมือของเด็ก ยายของเด็กพยายามรวบรวมสติ อุ้มหลานและใช้มือปัด ๆ เพื่อดับไฟ และมีพลเมืองดีรีบช่วยพาตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งน้องสไปร์ทเป็นเด็กซนตามประสาเด็ก มักจะชอบวิ่งเล่นตามตลาด ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นน้องสไปร์ทเล่นลูกโป่ง แต่คาดว่าคงจะเห็นลูกโป่งสวย ๆ ที่แม่ค้ามาขาย จึงได้เล่น ตนก็อยากฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กับเด็กทุกคนว่าอย่าซื้อลูกโป่งแบบนี้มาเล่น
อย่างไรก็ตาม ไฟลุกเฉพาะที่ตัวเด็ก เพราะยายของเด็กผูกเชือกลูกโป่งไว้ที่เอว ทำให้ลูกโป่งลอยไม่สูง แต่ถ้าหากปล่อยให้ลูกโป่งลอย ไม่มัดเอาไว้ เด็กก็อาจไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนแม่ค้าที่ขายลูกโป่งนั้นเป็นแม่ค้าขาจรที่มาขายงานรับปริญญา ไม่ได้เป็นขาประจำ หลังเกิดเหตุก็ไม่มีใครติดต่อได้
