แฉ! แม่ฆ่าลูก 3 ขวบ ไม่สลด แชทโชว์ผลงาน ซ้ำให้ผัวใหม่ถีบหน้าลูกคนโต (คลิป)

28 ก.พ. 61
จากกรณี น.ส.อรวณิชยา หรือ "โจ้" อายุ 21 ปี ก่อเหตุสลดใจ เนื่องจาก ได้ผลักน้องอาโป ลูกสาววัย 3 ขวบ ตกน้ำจนเสียชีวิต ล่าสุด วันนี้ (27 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว น.ส.โจ้ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
น.ส.โจ้ (นามสมมติ)
ล่าสุด วันนี้ (27 ก.พ.) ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปที่บ้านของ น.ส.อรวณิชยา หรือ "โจ้" แม่ของน้องอาโป ได้พบกับ นางรักษ์ บัวตุ้ย อายุ 60 ปี ยายของน.ส.โจ้  โดยบอกว่า น.ส.โจ้ และน้องอาโป ลูกสาว ได้มาขอพักอาศัยอยู่เป็นครั้งคราว และตนก็ให้ ด.ญ.ทราย (นามสมมติ) น้าของอาโป เป็นผู้ดูแล เพราะตนต้องทำงานก่อสร้างจึงไม่มีเวลาเลี้ยงดู นางรักษ์ บอกว่า ตนมักจะพูดสั่งสอน น.ส.โจ้ อยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย เนื่องจากหลานมักเปลี่ยนแฟนบ่อย ยืนยันว่าที่ผ่านมา ตนไม่เคยเรียกร้องขอเงินหลานตามที่ปรากฏในข่าว แต่ฝ่ายที่ซื้อของกินของใช้ทุกอย่างเข้าบ้านเองมากกว่า และไม่เคยขู่ว่าถ้า น.ส.โจ้ ไม่ให้เงินแล้วจะไล่ออกจากบ้าน แต่ยอมรับว่าเคยมีครั้งหนึ่งที่ น.ส.โจ้ เคยพาผู้ชายมานอนที่บ้าน ตนก็ดุไปว่า บ้านไม่ใช่โรงแรม ถ้าทำเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ให้ออกจากบ้านไป
นางรักษ์ บัวตุ้ย ยายของ น.ส.โจ้
ดังนั้นจึงรู้สึกแปลกใจที่น.ส.โจ้ ให้ข่าวในลักษณะที่ทำให้หลายคนเข้าใจว่า สาเหตุของเรื่องนี้เป็นเพราะตนไม่ดี ไปกดดันเขา ทั้งนี้ไม่ว่าใครจะมองอย่างไรตนไม่สนใจ แต่ที่รู้สึกเสียใจเพราะหลานแท้ ๆ เป็นคนพูดให้ร้าย ทั้งที่ตนก็รักลูกของน.ส.โจ้ และเลี้ยงดูให้อย่างดี ยอมรับว่า "โกรธ น.ส.โจ้มาก ไม่คิดว่าหลานในไส้จะทำได้ ถ้าเขาฆ่าลูกตัวเองได้ อยู่ไปก็อาจจะฆ่าตนได้เหมือนกัน" นางรักษ์ บอกว่า ตัวเองไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของการก่อเหตุครั้งนี้คืออะไร แต่ไม่น่าจะประชดกัน เพราะช่วงเกิดเหตุ ไม่ได้ปัญหาอะไรกัน โดยหลังจากน้องอาโปเสียชีวิต ตนรู้สึกว่าบ้านหลังนี้เหมือนบ้านร้าง ไม่น่าอยู่ เพราะที่ผ่านมามักจะเห็นอาโปวิ่งเล่นซุกซน และสร้างคอยสีสันให้บ้านเสมอ
ด.ญ.ทราย ญาติ น.ส.โจ้ ผู้ก่อเหตุ
ด้าน ด.ญ.ทราย อายุ 14 ปี มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับโจ้ เปิดเผยว่า หลังจากที่ น.ส.โจ้ ย้ายมาอยู่บ้านยายรักษ์ แต่ น.ส.โจ้ ก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน มักจะหายไปค้างที่อื่นอยู่เป็นประจำ เพราะติดแฟน และเปลี่ยนแฟนบ่อย จึงได้มีการตกลงให้ตนช่วยเลี้ยงดูลูกให้ 2 คน คือ "นโม" อายุ 4 ขวบ และ "อาโป" อายุ 3 ขวบ โดยมีการตกลงค่าเลี้ยงดูวันละ 400 บาท แต่ น.ส.โจ้ ก็จ่ายไม่สม่ำเสมอ บางวันก็ทิ้งเงินไว้ให้เพียง 20 บาท บางวันก็ไม่ให้เลย เมื่อค่าใช้จ่ายไม่พอ ตนจึงไม่สามารถเลี้ยงดูลูกให้ น.ส.โจ้ ต่อได้ กระทั่งพ่อของเด็กมารับ "นโม" ไปอยู่ด้วยคนหนึ่ง ส่วนอาโปที่ตนยังดูแลอยู่ ตนก็คิดที่จำนำลูกไปคืน แต่ระหว่างนั้น ตนคิดว่า น.ส.โจ้ ไปทำงาน จ.อุดรธานี แล้ว จึงยังให้เด็กอยู่กับตนก่อน ในวันเกิดเหตุ ตนได้รู้ว่า น.ส.โจ้ ยังทำงานอยู่ใน จ.นนทบุรี จึงได้พาน้องอาโปไปคืนที่ทำงาน แต่ น.ส.โจ้ก็พยายามปัด ไม่เอาลูก ตนก็บอกให้อาโปลงไปหาแม่ หลังจากนั้น น.ส.โจ้ ก็ทักเฟซบุ๊กมาด่าตนว่า "อย่าให้กูได้เจอมึงอีกเลย" เมื่อตนจะตอบกลับไป น.ส.โจ้ ก็บล็อกเฟซบุ๊กไปก่อนแล้ว หลังจากนั้น สักพัก น.ส.โจ้ ก็ทักเฟซบุ๊กมาอีก ว่า "ทราย ลูกกูตาย" ตนตกใจจึงรีบไปที่ทำงานของน.ส.โจ้ แต่ก็พบว่าไม่อยู่แล้ว ด.ญ.ทราย บอกอีกว่า ปกติเวลา น.ส.โจ้ ไปไหน จะไม่ค่อยพาลูกไปด้วย เชื่อว่าการที่ น.ส.โจ้ เปลี่ยนแฟนหลายครั้ง เพราะแฟนแต่ละคนอาจรับไม่ได้ที่ น.ส.โจ้ มีลูกอยู่ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนรู้สึกว่า น.ส.โจ้พยายามที่จะกันลูกออกไปจากชีวิตตัวเอง ถึงแม้ น.ส.โจ้ เคยบอกตนว่ารักลูก แต่ตนมองว่าเขามักจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่า บางครั้งทำโทษ น้องอาโป รุนแรง ด้วยการใช้ไม้แขวนเสื้อฟาดจนเป็นรอย บางครั้งใช้มือฟาดจนอ้วกออกมา ส่วนน้องนโม ตนเคยเห็นว่ามีเลือดกำเดาไหล แต่ น.ส.โจ้ ก็อ้างว่าเด็กวิ่งไปชนเอง อย่างไรก็ตาม ด.ญ.ทราย ยอมรับว่า รู้สึกผูกพันกับอาโป ไม่คิดว่าคนเป็นแม่แท้ ๆ จะก่อเหตุแบบนี้ได้ ขนาดหมายังรักลูกของมัน ถ้ารู้ว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ ตนจะไม่เอาเด็กไปส่งให้แม่เขาเลย
นางมาลี คงดำ ย่าของน้องอาโป
ด้านนางมาลี คงดำ ย่าของน้องอาโป เปิดเผยว่า น.ส.โจ้ มาแต่งงานและอยู่กินกับนายเชน ลูกชายของตน  โดยลูกชายทนไม่ได้ที่ น.ส.โจ้ มีพฤติกรรมชอบขโมยของ ก่อนจะเลิกรากันไปเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน ซึ่งนายเชนรับผิดชอบดูแลน้องนโม ลูกชายคนโต ส่วน น.ส.โจ้ รับดูแลเลี้ยงดู น้องอาโป ช่วงที่ยังคบหากัน นางมาลี เล่าว่า น.ส.โจ้ ก็ดูเป็นเด็กนิสัยดี เรียบร้อย หลังจากแต่งงานกัน นายเชน และน.ส.โจ้ ย้ายกันไปอยู่ที่บ้านยายรักษ์ช่วงหนึ่ง ซึ่งตนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า น.ส.โจ้ มีพฤติกรรมทุบตีลูกด้วย นางมาลีบอกว่า การที่ น.ส.โจ้ ก่อเหตุครั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะ น.ส.โจ้ ไม่อยากให้แฟนใหม่รู้ว่ามีลูกแล้ว หรืออาจเพราะคิดสั้น ๆ ว่า "ไม่อยากรับผิดชอบภาระเลี้ยงดูลูก" เมื่อคืนตนนอนร้องไห้ตลอดทั้งคืน เพราะไม่คิดเลยว่า น.ส.โจ้ จะฆ่าลูกตัวเองได้ ทำให้ตนรู้สึกผิด ที่ไม่รับหลานมาเลี้ยงไว้สองคนตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นเด็กก็คงไม่ตาย แต่ทั้งนี้ สาเหตุที่ไม่รับไว้ตั้งแต่แรกก็เพราะตนอยากให้ น.ส.โจ้ และนายเชน มีความรับผิดชอบเลี้ยงดูลูก ถ้าตนเลี้ยงดู ส่งเสียให้หมดทุกอย่าง น.ส.โจ้กับนายเชน ก็จะเอาเวลาไปเที่ยวเล่นสุขสบาย นางมาลี ยังบอกด้วยว่า หลังจากไปแจ้งขอใบมรณบัตร ตนก็ได้แวะไปหา น.ส.โจ้ ที่สถานีตำรวจ เพื่ออยากจะถามว่าทำไมถึงฆ่าลูกได้ลงคอ แต่เมื่อเห็นว่า น.ส.โจ้ ยังมีสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซ้ำยังบอกว่าตนสร้างภาพอีก ทำให้ตนโมโหแล้วเข้าไปตบหน้าหนึ่งที ก่อนตำรวจจะแยกออกจากกัน โดยในวันพรุ่งนี้ ครอบครัวจะเคลื่อนย้ายศพไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณที่จุดเกิดเหตุ และนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศล ที่วัดคีรีน้อย อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ต่อไป
น้องนโม วัย 4 ขวบ พี่ชายของน้องอาโป
นอกจากนี้ น้องนโม วัย 4 ขวบ พี่ชายของน้องอาโป เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเคยถูก น.ส.โจ้ ผู้เป็นแม่ตีเป็นประจำ และเคยโดนแม่นำช้อนลวกไฟร้อน ๆ มาจี้ตรงผิวหนังบริเวณโคนขาด้านขวา และบริเวณแขนด้านซ้าย พร้อมกับบอกด้วยว่า น้องอาโปที่เสียชีวิต ก็เคยโดนแบบเดียวกัน
รอยแผลบริเวณโคนขา (ซ้าย) และต้นแขน (ขวา)
ทั้งนี้ น้องนโม เล่าอีกว่า ตัวเองเคยถูกแฟนใหม่ของแม่ถีบหน้าจนเลือดกำเดาไหล ซึ่งแม่ก็ทราบ แต่ไม่ได้ว่าอะไรทางแฟนใหม่ พร้อมยอมรับว่า ตอนนี้ตนรู้สึกกลัวผู้เป็นแม่ และไม่อยากอยู่กับแม่อีกแล้ว

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ