กรณีที่มีคนร้ายฆ่าโหดหนุ่มพ่อม่าย ที่ขายบ้านขายที่ดินหลังจากเลิกกับภรรยา ได้มาใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ใต้สะพานข้ามน้ำปิง เขตบ้านซาง ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ตายอย่างทารุณ โดยใช้อาวุธมีดฟันที่บริเวณใบหน้าและท้ายทอยหลายสิบแผล จนทำให้เสียชีวิตทันที ทราบชื่อผู้ตาย นายอนันต์ ทองมาลย์ อายุ 58 ปี
ล่าสุด วันที่ 9 ต.ค. 63 พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 เปิดเผยกรณีการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ รั้งแรกคาดว่าเป็นการทะเลาะวิวาทและฆาตกรรมกันเกิดขึ้น แต่เมื่อมีการเช็กข้อมูลของผู้ตาย ได้เข้าฌาปนกิจอยู่ประมาณ 5 ที่ จึงได้ทำการสืบสวนจนพบว่าผู้ได้รับผลประโยชน์คือนางบัวลอย ผู้ต้องหาที่เป็นคนสั่งให้นายปั๋นแก้ว เป็นคนไปฆาตกรรม
โดยจากการสอบสวนตัวของนายปั๋นแก้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนตัวของนางบัวลอย ปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น อ้างเพียงแค่ให้นายปั๋นแก้วไปสั่งสอนผู้ตายเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุฆ่าผู้ตาย
นอกจากนี้ ยังพบว่านางบัวลอยมีพฤติการณ์ นำคนที่เป็นญาติห่าง ๆ หรือไม่ได้เป็นญาติเลย แต่รู้จักกันภายในหมู่บ้าน ไปเข้าฌาปนกิจสถานหลายคน โดยนางบัวลอยเป็นคนรับผลประโยชน์ และก่อนหน้านี้เคยมีคนที่นางบัวลอยนำไปเข้าฌาปนกิจสถานเสียชีวิตมาแล้ว 2 คน โดยเป็นการเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ และเมาสุราเสียชีวิต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะได้มีการขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อไป
ช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่ริม คุมตัวนายปั๋นแก้ว ขันแก้ว มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยตลอดทั้งวันนี้ได้มีชาวบ้านในพื้นที่มากกว่า 500 คน เดินทางมาเข้าดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาลงมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ได้มีการกันประชาชนที่มายืนดูออกห่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา โดยมีเสียงจากชาวบ้านตะโกนโห่ไล่ด่าผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งการทำแผนในครั้งนี้ เริ่มต้นจากการที่ผู้ต้องหาขับรถมาจอดที่ตีนสะพาน เดินลงมายังจุดที่ผู้ตายพักอยู่ จากนั้นก็ได้เข้าไปลงมือใช้มีดเข้าฟันผู้ตายจนล้มลง ผู้ตายก็ได้หยิบมีดขึ้นมาต่อ แต่สู้ไม่ไหว พลาดท่าล้มลงอีกครั้ง คนร้ายจึงใช้มีดพร้าที่พกมาฟันศีรษะของผู้ตาย จากนั้นได้ขับรถหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุ โดยได้นำเสื้อผ้าที่ก่อเหตุไปทิ้งไว้ที่คลองชลประทานแม่แตง หลังวัดคุณานุสรณ์
ขณะที่นางบัวลอย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปชี้จุดที่บริเวณหน้าวัดบ้านซาง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร โดยจุดนี้เป็นจุดที่นางบัวลอย และนายปั๋นแก้วยืนพูดคุยกันเพื่อจ้างวานฆ่า
น.ส.ลำแพน อ่วมอ่อน อายุ 52 ปี อดีตภรรยาของผู้ตาย เผยว่า วันนี้เป็นวันฌาปนกิจศพของนายอนันต์ มีพี่ชายและญาติประมาณ 7-8 คนเดินทางมาร่วมงาน และร่วมสังเกตการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของผู้ต้องหา โดยตอนนั้นรู้จักกับนางบัวลอย แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมมาก ส่วนเรื่องของเงินฌาปนกิจที่นางบัวลอยให้อดีตสามีของตนไปทำไว้ ตนก็ไม่ทราบ ไม่คิดว่านางบัวลอยจะจิตใจเหี้ยมโหดขนาดนี้
ทั้งนี้ ระหว่างที่คบกัน มีการทำฌาปนกิจสงเคราะห์ 2 แห่ง คือฌาปนกิจสงเคราะห์ของหมู่บ้าน และฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์นครพิงค์ โดยฌาปนกิจสงเคราะห์บ้านซางเป็นเงินจำนวน 33,000 บาท และฌาปนกิจสงเคราะห์สหกรณ์นครพิงค์ 119,000 บาท นอกเหนือจากนี้ ตนไม่ทราบ
นายกุศล คำใส ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า ฌาปนกิจสถานที่นางบัวลอยนำชื่อไปเข้า และเป็นคนรับผลประโยชน์นั้น ตอนนั้นทราบว่ามีหลายแห่ง ประมาณ 3-4 แห่ง โดยทำในลักษณะแบบนี้มานานกว่า 10 ปี ซึ่งตนรู้จักกับนางบัวลอยมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก ๆ ก็ไม่คิดว่าจะเหี้ยมโหดขนาดนี้ ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านก็ต่างพากันเรียกว่า "สวยใจดำ" เนื่องจากเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างสวย แม้จะอายุค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีผู้ที่เสียชีวิตรวม 4 รายที่อาจเกี่ยวข้องกับนางบัวลอย เพราะเจ้าตัวได้รับผลประโยชน์จากการเสียชีวิตทุกครั้ง
นายเสาร์ ทองมาลย์ พี่ชายคนโตของผู้ตาย เปิดใจว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่ตำรวจสามารถตามจับคนที่ฆาตกรรมฆ่าน้องชายของตนได้ โดยน้องชายของตนนั้นออกจากบ้านมากกว่า 20 ปี และไม่เคยติดต่อกลับมาเลย ส่วนพ่อและแม่ของน้องชาย ก็ได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าน้องชายจะมาถูกฆ่าแบบนี้ ตนเสียใจมาก
ขณะเดียวกัน พยานคนหนึ่งที่ให้เบาะแสกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนสามารถติดตามฆาตกรรายนี้ได้ว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 5-6 เดือนตนได้รับการติดต่อจากนางบัวลอย ผู้ต้องหา ให้มาฆาตกรรมนายอนันต์ ผู้ตาย แต่ตอนนั้นไม่กล้าทำ เพราะว่าสงสาร นอกจากนี้นางบัวลอยมักจะชวนชาวบ้านในหมู่บ้านมาเข้าฌาปนกิจหลายโครงการ ทั้งในหมู่บ้าน และระดับอำเภอ
โดยนางบัวลอยจะเป็นคนออกเงินรายเดือนให้ และนางบัวลอยก็จะเป็นคนรับผลประโยชน์ ซึ่งก็เคยมีชาวบ้านที่เข้าฌาปนกิจกับนางบัวลอยเสียชีวิตมาแล้วหลายคน โดยแต่ละคนคล้ายกับถูกฆาตกรรม
นายจำรัส แสนคำ หรือ ลุงแบค อายุ 64 ปี ให้การว่า ช่วงเดือน พ.ค. 61 นางบัวลอยได้ขับรถจักรยานยนต์เข้าไปหาที่บ้าน แล้วนำยาตัวหนึ่งมาให้ โดยอ้างว่าเป็นยาสมุนไพรจากประเทศญี่ปุ่น โดยให้ตนกินเข้าไป 3 เม็ด หลังจากที่ตนกินก็ร่างกายเริ่มทรุดลง จากนั้น นางบัวลอยได้เข้ามาฉีดยา แล้วก็เก็บออกจากบ้านไป ตนจึงรู้ว่าถูกวางยา
นางราตรี แสนคำ อายุ 41 ปี ลูกสาวของนายจำรัส เผยว่า หลังจากเกิดเหตุทางคนร้ายได้เข้ามาเก็บยาที่นำมาให้พ่อของตนกินกลับไป ทำให้ไม่สามารถเอาผิดหรือแจ้งความได้ เพราะไม่มีหลักฐาน โดยเมื่อตนมาถึงก็ปรากฏว่าพบพ่ออยู่ในสภาพนอนใกล้ตายอยู่บนที่นอน โชคดีที่สามารถช่วยเหลือชีวิตเอาไว้ได้ทัน
นอกจากนี้ยังมีชายอีกราายชื่อลุงหล้า ที่ถูกนางบัวลอยให้กินยา และมีการชาจนจะช็อกและเกือบเสียชีวิตมาแล้ว อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีจะได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 10 ต.ค. 63
